サラリーマン [ซะละรี่มัง] คำๆ นี้ใครหลายคนน่าจะเคยได้ยินและรู้จักกันนะครับ คำนี้เป็นศัพท์ภาษาอังกฤษ (Salaryman) ที่ถูกประดิษฐ์ขึ้นมาโดยคนญี่ปุ่น ซึ่งมันก็คือภาษาอังกฤษแบบเมดอินเจแปน~
เล่าโดย : วสุ มารุมุระ
サラリーマン [ซะละรี่มัง] คำๆ นี้ใครหลายคนน่าจะเคยได้ยินและรู้จักกันนะครับ คำนี้เป็นศัพท์ภาษาอังกฤษที่ถูกประดิษฐ์ขึ้นมาโดยคนญี่ปุ่น ซึ่งมันก็คือภาษาอังกฤษแบบเมดอินเจแปน~

サラリーマン [ซะละรี่มัง] แปลเป็นภาษาไทยได้ว่า “มนุษย์เงินเดือน” เกิดจากการเอาคำว่า Salary (เงินเดือน) + Man (คน) มาต่อกัน คำนี้ถูกสร้างขึ้นมาในสมัยช่วงปีไดโช (1912 – 1926) เพื่ออ้างอิงถึงพนักงานปกขาว (white collar) ที่ทำงานสังกัดกับบริษัทภาคเอกชน คำนี้ไม่ได้รวมถึงพนักงานตามสายการผลิตในโรงงาน (blue collar) หรืออาชีพที่ใช้ความรู้พิเศษเฉพาะทางอย่าง แพทย์ ทนายความ และอื่นๆ
ถึง サラリーマン [ซะละรี่มัง] จะใช้กับพนักงานในบริษัทเอกชน แต่ไม่รวมถึงบุคคลที่มีตำแหน่งใหญ่โตระดับอย่าง Managing Director, CEO, Chairman ตรงนี้อาจเป็นเพราะด้วยรายได้ที่ค่อนข้างสูงของบุคคลเหล่าที่น่าจะมีเงินเก็บเหลือพอมากกว่าพนักงานระดับล่าง และคงไม่เดือดร้อนทันทีถ้าจะไม่มีเงินเดือนสักเดือน แต่หากเป็น サラリーマン [ซะละรี่มัง] จริงๆ ซึ่งยังมีภาระทางการเงินเช่นค่าผ่อนบ้าน ค่าเลี้ยงดูบุตร คนเหล่านี้จะเดือดร้อนทันทีถ้าเงินเดือนจะหายไปสักเดือน
แม้นว่า サラリーマン [ซะละรี่มัง] จะเป็นคำที่กำเนิดในญี่ปุ่น แต่มันก็ได้แพร่หลายออกไปยังต่างประเทศ นั่นก็เป็นเพราะว่านักธุรกิจญี่ปุ่นที่ไปทำงานในต่างประเทศมีแนวโน้มจะเรียกตัวเองว่า サラリーマン [ซะละรี่มัง] ในบางครั้งบางคราวเมื่อมีคนถามเขาว่าทำอาชีพอะไร (แทนที่จะบอกว่าเป็นวิศวกร หรือเซล….)
サラリーマン [ซะละรี่มัง] มีบทบาทสำคัญคู่กับระบบการจ้างงานตลอดชีวิตของบริษัทขนาดใหญ่ในญี่ปุ่นนับตั้งแต่ยุคสมัยหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ญี่ปุ่นสามารถฟื้นฟูประเทศจนมาเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจได้ด้วยเพราะคนเหล่านี้ที่ทำงานด้วยความจงรักภักดีต่อบริษัทพร้อมกับความหวังว่าบริษัทจะดูแลพวกเขาไปตลอด
แต่หลังฟองสบู่แตกเมื่อยุคปี 90 จนมาเรื่อยๆเข้าศตวรรษปี 2000 บริษัทที่ขยายตัวมากจนเกินไปและไม่สามารถหารายได้มามากพอเลี้ยงดูพนักงานทั้งหมด จึงมีความจำเป็นต้องลดขนาดของบริษัทลงโดยให้ サラリーマン [ซะละรี่มัง] จำนวนหนึ่งออกจากงานเพื่อลดรายจ่ายของบริษัท แน่นอนว่าคนญี่ปุ่นเหล่านี้อาจจะรู้สึกเสียใจว่าตัวเองได้ทุ่มเทชีวิตให้กับบริษัทถึงขนาดนี้ ไฉนกลับทำแบบนี้กับเขาได้ลงคอ
ปัจจุบันนี้ชาวญี่ปุ่นเริ่มมีความคิดแล้วว่าการเป็นพนักงานที่จงรักภักดีต่อบริษัทใดบริษัทหนึ่งอาจไม่ใช่คำตอบของความมั่นคงอีกต่อไปแล้ว คนญี่ปุ่นรุ่นใหม่เริ่มหาทางพัฒนาตนเองหารายได้จากทางอื่นเพื่อให้หลุดพ้นออกจากการเป็น サラリーマン [ซะละรี่มัง] ซึ่งตรงนี้ผมว่าก็มีลักษณะที่คล้ายคลึงกันกับประเทศไทยของเรา แต่ในอัตราส่วนที่น่าจะยังไม่มากเท่าประเทศไทย
เพื่อนคนญี่ปุ่นของผมคนนึงพยายามหารายได้จากทางอื่นนอกเหนือจากเงินเดือน จนในที่สุดรายได้จากค่าโฆษณาของ Blog ของเขาสามารถเอาชนะเงินเดือนจากงานประจำของตัวเอง ตอนนี้เขาได้ลาออกจากบริษัทและก้าวออกมาทำกิจการของตัวเองเต็มเวลาแล้ว ตรงนี้เป็นตัวอย่างของการเปลี่ยนแนวคิดวิถีการทำงานของคนญี่ปุ่นที่เลิกยึดติดกับบริษัทและการเป็น サラリーマン [ซะละรี่มัง]
บางทีคำว่า サラリーマン [ซะละรี่มัง] หรือว่าพนักงานกินเงินเดือนในภาษาไทยเรา ให้ความรู้สึกว่ากลุ่มคนเหล่านี้คงได้แต่รอสิ้นเดือนและไม่มีทางเลือกอื่น ทำให้คำนี้มีความหมายในเชิงลบในใจใครหลายๆ คน จนปัจจุบันมีการหลีกเลี่ยงไปใช้คำว่า Business man กันแทนก็มี
แล้วเราควรเรียกพนักงานบริษัททั่วไปว่า サラリーマン [ซะละรี่มัง] จะดีไหม? ตรงจุดนี้ผมว่าเราพยายามหลีกเลี่ยงคำนี้กันดีกว่า เรียกชื่ออาชีพของพวกเขาตรงๆ จะดีกว่านะครับ
บทความนี้ก็ต้องการให้ทุกท่านได้สัมผัสกับคำว่า サラリーマン [ซะละรี่มัง] และการเปลี่ยนแปลงของคนญี่ปุ่นในยุคปัจจุบันครับ อย่างน้อยที่สุดคนญี่ปุ่นคงเลิกมองแล้วว่า บริษัท, งานประจำ = มั่นคง ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงในทิศทางเดียวกันกับที่อื่นบนโลกใบนี้ครับ
เล่าโดย : วสุ มารุมุระ
ทักทายพูดคุยกับ Wasu ได้ที่ >>> Facebook Wasu’s thought on Japan
เรื่องแนะนำ :
– วัยฝันไม่มีวันสิ้นสุด
– โตเกียวโอลิมปิคครั้งที่ 2 สู่ครั้งที่ 3 จากเศรษฐกิจ สู่วัฒนธรรมและอุลตร้าแมน
– ดราม่าการประมูลสร้างสนามกีฬาโอลิมปิคปี 2020 ของญี่ปุ่น
– คนญี่ปุ่นรุ่นใหม่ผู้ไม่ปรารถนาสิ่งใด
– บทความสั้น : สะพานข้ามจันทร์
#Salaryman