ชวนอ่าน “ฮิโตะคะเกะ : หญิงสาวผู้หวาดกลัวความสุข”
อดีตที่เจ็บปวดอาจทำให้เราหวาดกลัว แต่ถึงอย่างไรก็ยังมีความหวัง
คุณผู้อ่านเห็นด้วยไหมคะว่า หนังสือแต่ละเล่ม หากได้อ่านในช่วงเวลาที่เหมาะสมแล้ว อรรถรสและสารที่ได้ก็จะยิ่งดีขึ้น?
สำหรับตัวดิฉันเอง หลังจากที่อ่านหนังสือเล่มนี้ครั้งแรกเมื่อสมัยเรียน ยังรู้สึกเพียงห้วงอารมณ์แห่งความมืดมน แต่ยังไม่เข้าสิ่งที่ตัวละครทำ การได้กลับมาอ่านอีกรอบในวันที่มีประสบการณ์ชีวิตและอายุเพิ่มขึ้น ทำให้เข้าใจความคิด และสิ่งที่นักเขียนต้องการจะสื่อมากขึ้น และรู้สึกชอบหนังสือเล่มนี้จนอยากชวนให้หามาอ่านกันค่ะ
ฮิโตะคะเกะ : หญิงสาวผู้หวาดกลัวความสุข เป็นนวนิยายขนาดสั้นหรือเรื่องสั้นขนาดยาว ผลงานของโยชิโมโต บานานา หรือโยชิโมโต มาโฮโกะ นักเขียนร่วมสมัยญี่ปุ่นที่มีชื่อเสียงในการเขียนเรื่องราวของ “ความสัมพันธ์ทางจิตใจ”
หนังสือของโยชิโมโตส่วนใหญ่เป็นหนังสือเล่มบาง แต่อัดแน่นไปด้วยเรื่องราวที่กระทบจิตใจของผู้อ่านได้เป็นอย่างดี ไม่เว้นแม้แต่หนังสือเล่มนี้
ฮิโตะคะเกะ : หญิงสาวผู้หวาดกลัวความสุข บอกเล่าเรื่องราวความสัมพันธ์ของ “ฉัน” และ “จิ้งเหลน” ชายหญิงคู่รักผู้มีความหลังอันเจ็บปวดและมืดมนในอดีต
การดำเนินเรื่อง บอกเล่าตามความคิดและความรู้สึกของตัวละคร “ฉัน” ทั้งในแง่มุมของตัวเอง ความรู้สึกที่มีต่อ “จิ้งเหลน” หญิงสาวที่เขารัก และถูกดึงดูดตั้งแต่แรกเห็น
“ร่างของเธอเล็กและกระชับสมส่วน หางตาชี้ และดูมีอารมณ์ที่เต็มไปด้วยความมืดมน
แม้ดนตรีที่เปิดจะแรงและดังแค่ไหน ก็ยังเหมือนกับว่ามีเธอกำลังอยู่เพียงลำพังในโลกที่เงียบสงัด”
ความมืดมนในเรื่องที่แฝงไปด้วยความโรแมนติกของผู้ชายที่หลงใหลในตัวหญิงสาว
นอกจากความแปลกที่เห็นผ่านมุมมองของ “ฉัน” ในเรื่องแล้ว เรายังได้เห็นความรักของชายหนุ่มที่มีต่อหญิงสาว เป็นความโรแมนติกเล็กๆปนความเศร้าที่อ่านไปแล้วแอบรู้สึกอิจฉาเบาๆ
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมรู้สึกเช่นนี้ แต่กิริยาท่าทางที่ดูเหมือนเป็นคนบังคับตัวเองเก่งของเธอ ทำให้ฉันรู้สึกว่าเธอได้ตัดกิเลสในชีวิตอย่างหมดสิ้นแล้ว แต่ถึงกระนั้น ความงดงามในการมีชีวิตที่เปล่งรัศมีออกมาจากตัวของเธอก็ยังโดดเด่นอยู่ไม่สร่าง การที่คนอย่างเธอหัวเราะจนเห็นเหงือก ทำให้เกิดความสดใสร่าเริงมากกว่าเวลาคนอื่นหัวเราะ ทำให้รู้สึกว่าเป็นความสุขที่แท้จริง และทำให้ฉันอดไม่ได้ที่จะรู้สึกถึงความหมายของรอยยิ้ม ที่ถูกลบเลือนจากความทรงจำของฉันไปแล้ว”
เมื่อต้องใช้ชีวิตอยู่กับหญิงสาวที่เต็มไปด้วยความมืดมน เป็นคุณจะทำอย่างไร
หากเป็นคนทั่วๆ ไปก็คงจะถอยห่าง เลือกไปอยู่กับคนที่ทำให้โลกทั้งใบสดใส แต่ทว่า “ฉัน” ในเรื่องกลับเลือกที่จะอยู่กับ “จิ้งเหลน” หญิงสาวผู้หวาดกลัวความสุข
“ฉันไม่รู้สึกเสียใจภายหลัง เพราะถึงแม้ที่แห่งนั้นจะมืดมนเพียงใดก็ตาม แต่สำหรับฉัน มันรู้สึกสบายและสนุกกว่าเป็นไหนๆ”
นับเป็นเรื่องที่หลายคนอาจไม่เข้าใจ แต่เมื่อรู้ถึงปมในอดีตของ “ฉัน” แล้วก็ถึงกับบางอ้อ คนที่เหมือนกัน มักจะถูกดึงดูดเข้าหากัน
“จิ้งเหลน” หญิงสาวผู้หวาดกลัวความสุข
“จิ้งเหลน” หญิงสาวที่ใช้ชีวิตด้วยความมืดมน มีนิสัยแปลกๆ ชอบกดใบหน้าของเธอลงระหว่างกระดูกซี่โครงอกทั้งสองข้างของ “ฉัน” อย่างแรง
เรื่องราวดำเนินไปเรื่อยๆ ด้วยถ้อยคำที่เรียบง่ายตามสไตล์การเขียนของโยชิโมโต ผ่านความคิด ความทรงจำของ “ฉัน” การกระทำและบทสนทนาของบุคคลทั้งสอง นำไปสู่ปมขัดแย้งและเรื่องราวการเปิดเผยความลับของ “จิ้งเหลน” ว่าทำไมเธอถึงกลายเป็นคนที่หวาดกลัวความสุข
“ฉันกลัวจริงๆนะ ถ้าฉันหาความสุขให้ตัวเอง กินของอร่อยๆมากๆ มองทิวทัศน์ที่สวยงาม หรือทำให้ตัวเองสบาย…จริงๆแล้ว เรื่องอย่างการตกแต่งห้องด้วยดอกไม้ เป็นสิ่งสำคัญสำหรับฉันและเธอ และคนไข้ของฉัน แต่ฉันกลัวจนไม่สามารถทำได้ พอฉันสนุกกับเรื่องหนึ่ง ฉันกลัวว่าในภายหลังฉันจะรู้สึกทุกข์ยิ่งขึ้นอีกกับบาปที่ทำลงไปในอดีต”
ซึ่งหากจะว่าไปแล้ว บางส่วนในตัวของเราทุกคน อาจจะมี “จิ้งเหลน” ซ่อนอยู่ก็เป็นได้
ความคิดที่จะช่วยเหลือผู้อื่น และพลังใจที่จะใช้ชีวิตต่อไป
เรื่องราวที่มืดมนของสองตัวละครเอกที่ดำเนินมาตลอดเรื่อง ทำให้เราแอบลุ้นอยู่ในใจว่าเรื่องราวนี้จะไปสิ้นสุดลงตรงไหน แต่ในท้ายที่สุดโยชิโมโตก็ปิดท้ายด้วย “ทางออก” ที่เป็นความหวังและทำให้ยิ้มออกมาได้
“มีคนที่ตายไปเพราะเกิดเรื่องร้ายแรง และยังมีคนที่ยังมีชีวิตอยู่เหมือนคุณแม่ของคุณ มีทั้งครอบครัวที่สามารถยืนหยัดขึ้นมาใหม่ และครอบครัวที่พังพินาศ ครอบครัวมีหลายแบบ งานที่ผมทำอยู่ก็ได้เห็นสิ่งเหล่านี้มากมาย แต่ผมยังเลือกที่จะมีชีวิตอยู่ เพราะถ้ามีชีวิตอยู่ก็ยังได้เรียนรู้และได้ทำงานดีๆ ถึงจะเป็นเด็กที่เจอเรื่องร้ายแรงมาขนาดไหนและสิ่งนั้นไม่อาจหลุดออกจากตัว ราวกับเป็นรอยเปื้อนตลอดชีวิต แต่ถ้าชั่วขณะหนึ่งได้ลืมไปบ้าง อย่างเช่นเวลากินอาหารอร่อยแล้วได้รู้สึกว่าอร่อย หรือเวลาอากาศดีๆก็จะรู้สึกสบายใจไปเอง การที่ยังมีชีวิตอยู่อย่างน้อยก็จะเจอเรื่องต่างๆอย่างนี้ ได้มีความรัก และได้มาภูเขานาริตะกลางดึกกับแฟน เรื่องไม่คาดคิดเกิดขึ้นได้เสมอ ถึงแม้มันอาจไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่ก็ตาม”
อ่านจบแล้วก็เกิดความหวังเล็กๆให้เราสู้ต่อไป เหมือนกับที่ส่วนหนึ่งในหนังสือบอกไว้ว่า “ฮิโตะคะเกะ : หญิงสาวผู้หวาดกลัวความสุข” เป็นเรื่องของการเรียนรู้ที่จะมองโลกด้วยความหวัง แม้ว่าชีวิตที่ผ่านมาอาจต้องเผชิญกับความทุกข์โศกสาหัสเพียงใด และไม่ว่าชีวิตในปัจจุบันจะยังต้องพบกับความสับสน ความไม่แน่นอน และความเปราะบางทางอารมณ์ต่อไปอย่างไม่สิ้นสุด…
เรื่องแนะนำ :
– ชวนอ่าน : กัปตันธันเดอร์โบลต์ เรื่องราวของมิตรภาพ ขบวนการ 5 สี และเบสบอลที่อยู่ในความทรงจำวัยเด็ก
– ศิลปะจากเส้นไหมที่ทำให้คุณรักการเย็บปักถักร้อยมากยิ่งขึ้น
– เบื่อแล้วยางลบสีขาวธรรมดา ต้องนี่เลย…ยางลบใสโปร่งแสง
– MISOJYU ร้านที่เสิร์ฟแค่มิโซะและข้าวปั้น
– ชวนเที่ยว MASHIKO เมืองแห่งเครื่องปั้นดินเผา