ปีนฟูจิ..การเดินทางช่วงกลางคืนเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ สำหรับผู้ที่ต้องการชมพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้าบนยอดเขาฟูจิ เพราะนั่นจะทำให้คุณสามารถขึ้นไปถึงยอดเขาได้พอดิบพอดีกับเวลาที่พระอาทิตย์ ขึ้น
สนับสนุนโดย :
และแล้วก็มาถึงเส้นทางช่วงสุดท้าย ก่อนที่เราจะเดินทางไปถึงยอดภูเขาไฟฟูจิ…
การเดินทางช่วงกลางคืนเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ สำหรับผู้ที่ต้องการชมพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้าบนยอดเขาฟูจิ เพราะนั่นจะทำให้คุณสามารถขึ้นไปถึงยอดเขาได้พอดิบพอดีกับเวลาที่พระอาทิตย์ขึ้น และถ้าคุณรักษาเวลาในการปีนขึ้นสู่ยอดเขาได้ดี คุณก็ไม่จำเป็นต้องไปใช้เวลานานๆ ทนหนาวรอพระอาทิตย์ขึ้นอยู่บนนั้นด้วย ยิ่งสูงยิ่งหนาวอย่างที่รู้กัน เราเพียงแต่ขึ้นไปให้ทันก่อนพระอาทิตย์ขึ้น และอาจเผื่อเวลาสำหรับให้ร่างกายปรับสภาพตามระดับความสูงอีกเพียงนิดหน่อย พึงระลึกไว้ว่าช่วงเวลาที่มีการเปิดให้ปีนภูเขาไฟฟูจิในช่วงฤดูร้อนนั้น พระอาทิตย์มักจะขึ้นราว 04.50 – 05.00 น. เพื่อความชัวร์คุณก็ควรเช็คกับ mountain hut ที่คุณพักเสียก่อนในตอนที่เช็คอิน คำตอบของเขาจะทำให้เราวางแผนในการตื่นนอนและเริ่มต้นออกเดินทางในช่วงสุดท้ายสู่ยอดเขาฟูจิได้อย่างเหมาะสม

ในวันที่ผู้เขียนเดินทางสู่ยอดเขาฟูจินั้น พระอาทิตย์จะขึ้นราว 04.50 น. จาก Torii (ที่พักบนภูเขาหรือ mountain hut ของเรา) ซึ่งเป็นที่พักแห่งสุดท้ายบนสถานีที่ 7 ที่เดินอีกไม่กี่นาที ก็จะถึง mountain hut จุดแรกของสถานที่ 8 แล้ว ..เราจะต้องเดินทางกันอีกประมาณ 4 ชั่วโมงเพื่อไปถึงยอดเขา เราจึงออกเดินทางอีกครั้งในเวลาประมาณเที่ยงคืนครึ่ง หลังจากงีบไปได้เพียง 2 – 3 ชั่วโมงเท่านั้น พอล้างหน้าล้างตาตามอัตถภาพ สวมเสื้อผ้าป้องกันความหนาวเย็นของภูเขาสูงยามค่ำคืนเพิ่มอีก 1 – 2 ชิ้น จากนั้นก็ออกเดินทางกันต่อ

แต่หลังจากก้าวเท้าออกเดินทางอย่างสลึมสลือได้เพียงไม่กี่ก้าว เราก็ต้องตั้งสติอย่างอัตโนมัติ เนื่องจากคำพูดของคุณคริส ไกด์ของเรา ที่ว่า… ต่อไปนี้จะเป็นเส้นทางที่ยากลำบาก มีก้อนหินใหญ่ๆ ให้ปีนป่ายเต็มไปหมด จนถึงยอดเขาเลย พอพูดจบปุ๊บ ก็มีก้อนหินใหญ่ขวางอยู่ข้างหน้า พร้อมให้เราได้ประลองกำลังกันทันที ดังนั้นสติก็มาโดยไม่ได้นัดหมาย แล้วก็เริ่มใช้ทั้งมือและเท้าพยุงตัวในการปีนขึ้นเขากันทันที (เพื่อประสิทธิภาพสูงสุดในการพยุงตัวและป้องกันอาการบาดเจ็บ ใช้เท้าของเราเป็นหลัก ใช้มือพยุงตัวเมื่อจำเป็นเท่านั้น) สติสำคัญมากใน stage นี้ เพราะทุกย่างก้าว มีความหมายต่อชีวิต.

อุปสรรคสำคัญอีกประการหนึ่งของการเดินทางในช่วงเวลากลางคืนก็คือแสง นักเดินทางที่จะปีนขึ้นสู่ยอดฟูจิเพื่อชมพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้าทุกคน ต้องพกไฟฉาย และไฟฉายที่พกก็ควรจะเป็นพวก Head Lamp หรือไฟฉายคาดหัวนั่นเอง สาเหตุก็เพราะมือเราจะได้ว่างพอ หากเราล้ม หรือจำเป็นต้องจับยึดบางสิ่งบางอย่าง เป็นการลดปัจจัยเสี่ยงของอุบัติเหตุ
และเนื่องจากการเดินทางในช่วงนี้ ต้องใช้การปีนป่ายมาก เสียพละกำลังเยอะ นอกจากสติที่ต้องมีแล้ว ก็ยังจะต้องมีลมหายใจด้วย อย่าลืมหายใจ! รวมทั้งอย่าลืมที่จะหยุดพักเป็นระยะๆ ด้วย การหยุดพักจะเป็นเรื่องง่ายขึ้นในช่วงนี้ เพราะสถานีที่ 8 มีที่พักบนภูเขาหรือ mountain huts อยู่หลายแห่ง และเกือบทุกแห่งมีจุดนั่งพักอยู่ด้านหน้า มีแสงสว่างให้เราบ้างนิดหน่อย รวมถึงยังมีอาหาร น้ำ และออกซิเจนกระป๋องจำหน่ายหากเราจำเป็นต้องใช้ ดังนั้นขอแนะนำว่าหยุดพักเพื่อปรับสภาพร่างกายตามความสูงเมื่อไปถึง mountain huts แต่ละแห่ง หยุดเพียงระยะเวลาสั้นๆ อย่าพักนานจนร่างกายเย็น แล้วการเดินทางตอนกลางคืนนั้นก็จะมีลมเย็นพัดมาตลอด (หวังว่าจะไม่โชคร้าย..เจอฝนเข้าก็แล้วกัน) ถ้าหยุดพักนานไป ร่างกายจะเย็นอย่างรวดเร็ว เป็นสาเหตุทำให้ป่วยได้ง่ายมาก

บนสถานีที่ 8 นั้น นอกจากจะต้องทนลำบากกับเส้นทางหิน ที่ต้องก้าวยาวๆ หายใจแทบไม่ทัน แถมบางจุดก็จำเป็นต้องใช้มือและแขนฉุดรั้งแล้ว สถานีที่ 8 ของเส้นทาง Yoshida Trail นี้ก็ดูเหมือนจะยาวไกลกว่าเส้นทางอื่นอีกด้วย คุณจะรู้สึกว่าเดินเท่าไรก็ไม่ถึงสถานีที่ 9 เสียที ช่วงนี้ท่อง “ก้าวสั้นๆ และหายใจ” ไปก่อนก็แล้วกัน น่าจะใช้แทน “พุท-โธ พุท-โธ พุท-โธ พุท-โธ…” ได้ การก้าวสั้นๆ อาจจะลำบากหน่อย แต่ยังไงก็อย่าลืมหายใจลึกๆ และหยุดพักเป็นระยะๆ ก็แล้วกัน


ช่วงนี้จะมีเพื่อนร่วมทางเพิ่มขึ้นมาก การจราจรบนภูเขาจะหนาแน่นขึ้น เพราะมีนักปีนเขาที่ใช้เส้นทางอื่นมาร่วมด้วย อีกประการหนึ่งก็คือ ..ทุกคนหวังที่จะขึ้นไปชมพระอาทิตย์ขึ้น ทำให้ต้องออกเดินทางในช่วงนี้พร้อมๆ กัน ซึ่งก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ ตั้งสติเอาไว้ หากทางข้างหน้ายังไปไม่ได้ เพราะติดคนเยอะก็ใจเย็นๆ เข้าแถวตอนเรียงหนึ่งเดินตามเขาไปเรื่อยๆ หรือหากมีคนข้างหลังอยากจะแซงก็ปล่อยเขาไป ไม่ต้องไปทำอย่างเขาก็ได้ เพราะนอกจากจะเป็นการฝืนร่างกายเราเองแล้ว การแซงคนอื่นๆ บนภูเขาที่ทั้งมืดและขรุขระแบบนี้ อาจก่อให้เกิดอันตรายได้ง่ายๆ แล้วการที่คนมากอย่างนี้ก็จะเป็นข้อดีทำให้เราได้ปรับสภาพร่างกายตามระดับความสูงขึ้นไปเรื่อยๆ โดยไม่ต้องหยุดพักอีกด้วย แต่นี่… ก็เสี่ยงทำให้เราไปไม่ทันพระอาทิตย์ขึ้นได้เหมือนกัน ถ้าซีเรียสในประเด็นนี้ก็ต้องบริการเวลากันหน่อย โดยเฉพาะเมื่อมาถึงสถานีที่ 9 (จะเห็นมีเสาโทริอิตั้งอยู่) เพราะเส้นทางช่วงนี้บางจุดจะค่อนข้างแคบ ผู้คนก็เบียดเสียด เพราะอยากจะรีบไปให้ทันเวลา ทำให้เราเดินทางได้ช้าลงไปอีก



แม้การเดินทางช่วงสถานีที่ 8 จะยาวนาน แต่พอได้เห็นเสาโทริอิของสถานีที่ 9 ก็ใจชื้นขึ้นได้หน่อย เนื่องจากเหลือระยะทางอีกไม่มาก ก็จะถึงสถานีที่ 10 หรือยอดเขาฟูจิกันแล้ว เมื่อถึงยอดเขา ผู้คนส่วนใหญ่ก็จะเลือกมุมเหมาะๆ ของตัวเอง เพื่อรอชมพระอาทิตย์ขึ้น หวังว่าเพื่อนๆ จะเดินทางมาได้ทันเวลา ส่วนใหญ่จะมาไม่ค่อยทัน และชมพระอาทิตย์ขึ้นกันอยู่ระหว่างทางสถานีที่ 8 – 9 กันเสียมาก แต่สุดท้ายพวกเขาก็จะตามขึ้นมากันเอง เพราะเส้นทางขาลงมันคนละเส้น ต้องขึ้นมาเริ่มต้นการเดินทางขาลงที่บนยอดเขาเหมือนๆ กัน


หลังจากชมพระอาทิตย์ขึ้นแล้ว แนะนำให้ใช้เวลาปรับสภาพร่างกายกันต่ออีกเล็กน้อย ด้วยการไปสักการะศาลเจ้าบนภูเขาไฟฟูจิ (ที่นี่เป็นจุดแสตมป์ตราประทับสถานที่ 10 ด้วย) หามุมรับประทานอาหารกล่อง ซึ่งก็คืออาหารเช้าของเรากันสักนิด เราต้องใช้พลังงานหนักในเส้นทางขาลงด้วย แล้วบนยอดเขาก็ยังมีร้านขายของที่ระลึก ทำให้เราได้เดินเล่นชมบรรยากาศกันตามสมควร โอกาสที่จะได้เห็นปากปล่องภูเขาไฟที่ยังไม่ดับสนิทสักครั้งในชีวิตนั้นก็ไม่ไช่เรื่องง่ายๆ เดินไปดูกันสักหน่อยก็ดีนะว่าปากปล่องภูเขาไฟฟูจิ ที่จริงนั้นหน้าตาเป็นอย่างไร และหากเพื่อนๆ มีเวลามากพอจะเดินไปรอบๆ ปากปล่องก็ได้ หนึ่งรอบใช้เวลาเดินประมาณ 1 ชั่วโมง 15 นาที ถือว่าเป็นการเดินชิวๆ ชมความงามของทิวทัศน์แต่ละมุมจากบนภูเขาไฟฟูจิ ที่ไม่ใช่ทุกคนจะมีช่วงเวลาแบบนี้ในชีวิต

ในที่สุด.. เราก็ได้มาถึงความฝันของนักปีนเขาฟูจิทั้งหลาย เพราะตลอดระยะเวลา 2 เดือน (1 กรกฎาคม – 31 สิงหาคมของทุกปี) ที่ผู้คนเดินทางมาปีนขึ้นสู่ยอดเขาฟูจินั้น พวกเขาไม่เดินทางมาโดยไร้จุดประสงค์เสียทั้งหมด แล้วก็ไม่ได้มาเพื่อเดินให้เหงื่อออกเฉยๆ หรือเพื่อมาพิสูจน์ตัวเองเล็กๆ เท่านั้น มีผู้คนไม่น้อยเดินทางมาที่นี่และมุ่งหน้าสู่ยอดเขาฟูจิเพื่อจะได้เห็นโกะไรโคะ (goraiko, 御来光) แสงแรกอันศักดิ์สิทธิ์ยามพระอาทิตย์ขึ้นตอนเช้าบนยอดเขาฟูจิ สิ่งที่มีมนต์ขลังดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกนั่นเอง



คนญี่ปุ่นเชื่อว่า การได้เห็นแสงอาทิตย์แรก (พระอาทิตย์ขึ้น) จากบนยอดเขาฟูจิ หรือ Goraiko นั่น เป็นเกียรติ เป็นสิ่งมงคลของชีวิต และเป็นการกระทำอย่างหนึ่งที่คนญี่ปุ่นควรทำ (ประมาณว่าจะได้ไม่เสียชาติเกิดนั่นแหล่ะ) และคนญี่ปุ่นอีกไม่น้อยที่อธิษฐานบางสิ่งในใจบางอย่างในใจ ก่อนจะเริ่มต้นปีนขึ้นสู่ยอดเขาฟูจิ และหากพวกเขาสามารถขึ้นไปได้ถึงยอดเขา แล้วได้เห็น Goraiko สิ่งที่พวกเขาอธิษฐานนั้นก็จะเป็นจริง สำเร็จ สมหวังได้ดังที่ขอ..
‘Go’ แปลว่า สุภาพ, เคารพ, นับถือ
‘Rai’ แปลว่า การมา, กำลังมา
‘Kou’ แปลว่า แสง
ดังนั้นเพื่อการออกแรงปีนขึ้นสู่ยอดเขาฟูจิอย่างไม่เสียเที่ยว อธิษฐาน..เพื่อสิ่งที่คุณต้องการ มันจะเป็นกำลังใจให้คุณตั้งอกตั้งใจเดินขึ้นไปสู่ยอดเขาได้อย่างดีทีเดียว

ครั้งหน้า…จะเป็นการเดินทางช่วงสุดท้ายของทริปปีนฟูจิกันแล้ว แต่ถือว่าเป็นเส้นทางช่วงสำคัญที่สุดเลยก็ว่าได้ อุตสาห์ประสบความสำเร็จกับการปีนขึ้นสู่ยอดเขาได้แล้ว ถ้าไม่อยากตกม้าตายตอนจบในการเดินทางช่วงขาลง ก็อย่าลืมติดตามกันต่อได้ในตอนสุดท้ายของการปีนฟูจินะจ้ะ