ราเมง improvised จาก โซบะจีน เป็นอาหารญี่ปุ่น
รูปประกอบโดย WALK on CLOUD
วันนี้ผมขอพูดถึงที่มาของราเมง
บทความนี้เป็นบทความที่สรุปจากประวัติศาสตร์ราเมงของพิพิธภัณฑ์ราเมงในโยโกฮาม่า ผมขอหยิบยก milestone ที่สำคัญมาเล่าให้ฟังนะครับ
เส้นแบน (経帯麺[เคไตเมง]) เป็นเส้นบะหมี่จีนที่ถูกคิดค้นเมื่อปีค.ศ.1488 ซึ่งผสมน้ำขี้เถ้า (かん水 [คันซุย]) ที่มีฤทธิ์ด่างทำให้เส้นเกิดความเหนียว ซึ่งถือได้ว่าสูตรการทำเส้นราเมงนี้เป็นสูตรเดียวกับที่ใช้ในปัจจุบัน
แล้วเส้นแบนนี้ก็ถูกกินโดยคนญี่ปุ่นเมื่อปีค.ศ.1697 โดยไดเมียวผู้มีนามว่า โตะคุกะวะ มิซึคุนิ (徳川光圀) ที่ได้รับการเข้าคารวะจากพหูสูตชาวจีน วิธีกินคือเอาเส้นจุ่มลงไปน้ำซุปโซบะให้ท่านไดเมียวได้ลองกิน แต่ทว่าเส้นแบนนี้ก็ยังไม่แพร่หลายไปยังชาวบ้านระดับล่าง ณ เวลานั้น
ปีค.ศ. 1859 จากการเปิดท่าเรือทำให้มีชาวต่างประเทศย้ายมาอาศัยในญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น ด้วยโอกาสนี้ทำให้อาหารแนวเส้นของจีนเริ่มแพร่หลายในญี่ปุ่น
ปีค.ศ. 1899 ด้วยการยกเลิกการจำกัดเขตที่อยู่อาศัยคนต่างชาติ ทำให้ร้านอาหารจีนเริ่มแพร่หลายกว้างขึ้นรวมทั้งอาหารประเภทเส้นด้วย
ปีค.ศ. 1899 มีการคิดค้น “นะกะซะกิจัมปน” (長崎ちゃんぽん) ที่เป็นบะหมี่ใส่ผักใบเขียวเยอะๆ
นะกะซะกิจัมปน (รูปจาก www.ringerhut.jp)
ปีค.ศ. 1906 นักเรียนต่างชาติชาวจีนย้ายเข้ามาเป็นจำนวนมาก ทำให้ร้านอาหารจีนเพิ่มมากขึ้นที่โตเกียวในย่าน คันดะ (神田) อุชิโกะเมะ (牛込) ฮงโก (本郷)
ปีค.ศ. 1910 ร้าน “อะสะคุสะ ไรไรเคน” (浅草 來々軒) ซึ่งเป็นร้านราเมงซุปโชยุ เปิดกิจการ ร้านนี้เป็นเหตุให้เกิดการบูมของราเมงในญี่ปุ่นครั้งแรก
ปีค.ศ. 1923 เกิดแผ่นดินไหวในโตเกียวทำให้ร้านราเมนที่เคยกระจุกในโตเกียวและโยโกฮาม่าได้กระจัดกระจายไปทั่วประเทศ และจากความเสียหายของภัยพิบัติ ทำให้เกิดร้านหาบเร่แผงลอย (屋台[ยะไต]) ขายราเมงเพิ่มมากขึ้น
ปีค.ศ. 1925 มีการเปิดร้านราเมงในเมืองคิตะคะตะ (喜多方) จังหวัดฟุกุชิม่า ซึ่งราเมงคิตะคะตะ ถือว่าเป็นราเมงยอดนิยมชนิดหนึ่งในญี่ปุ่น ที่มีซุปโชยุ โรยด้วยต้นหอม นารุโตะ หมูชาชู และ หน่อไม้ และเส้นราเมงค่อนข้างจะหนากว่าราเมงประเภทอื่น
คิตะคะตะราเมง (ภาพจากวิกิพีเดีย)
ปีค.ศ. 1928 หนังสือพิมพ์โยะมิอุริตีพิมพ์วิธีการทำ “ชินะโซะบะ” (支那そば) ซึ่งชื่อนี้ชาวญี่ปุ่นใช้เรียก “ราเมง” ตอนนั้น โดยที่ 支那[ชินะ] นั้นหมายถึง “จีน” (=China ก็จะอ่านว่า “ชินะ” ได้เหมือนกัน)
ปีค.ศ.1939 เกิดสงครามโลกครั้งที่สอง ทำให้ร้านราเมงหลายร้านต้องปิดตัวลงไป
หลังจากสงครามโลกครั้งที่สอง คนญี่ปุ่นหลายคนที่ย้ายถิ่นฐานกลับมาจากเมืองจีน ได้มาทำยะไตรถเข็นขายราเมงทั่วประเทศ เพราะว่าพวกเขาจดจำวิธีการทำเส้นราเมงมาจากเมืองจีน และด้วยวัตถุดิบราคาถูกพร้อมสารอาหารที่ครบถ้วน ทำให้ราเมงเป็นอาหารที่เหมาะสมกับยุคสมัยข้าวยากหมากแพงหลังสงครามโลกครั้งที่สอง
ปีค.ศ. 1945 หลังสงครามโลกครั้งที่สอง เกิดตลาดมืดผุดไปทั่วทุกหย่อมหญ้า และราเมงกลายเป็นอาหารยอดนิยม
ปีค.ศ. 1947 ร้านราเมง “มิซึมารุ” (三丸) ในเมืองคุรุเมะ บนเกาะคิวชิว เริ่มใช้ซุปที่ต้มจากกระดูกหมูเป็นสีขาวขุ่น ซึ่งซุปของร้านมิซึมารุเป็นต้นแบบของซุปกระดูกหมู (ซุปตงโคะซึ) ของราเมนแถบคิวชิว ซึ่งส่งอิทธิพลตั้งแต่จังหวัดคุมาโมโต้ไปทั่วทั้งเกาะคิวชิว
ปีค.ศ. 1954 ร้านราเมง “อะจิโนะซันเป” (味の三平) ในซัปโปโรพัฒนามิโซะราเมง ซึ่งทำให้เกิดการบูมของซัปโปะโระมิโซะราเมง
ปีค.ศ. 1955 ร้าน”ไทโชเคน” (大勝軒) สาขานากาโนะได้พัฒนา “ซึเคะเมง” และถูกขายที่ร้านไทโชเคนสาขาฮิกาชิอิเคะบุคุโระที่เปิดกิจการเมื่อปีค.ศ. 1961 จนเป็นเมนูยอดฮิต แต่ตอนนั้นเรียกในชื่อ “โมะริโซะบะ” (แปลว่า เส้นโซบะที่กองไว้สูงๆ)
ปีค.ศ. 1958 บะหมี่สำเร็จรูปยี่ห้อแรก “นิชชินชิคเค่นราเมง” (Nissin chicken ramen) วางจำหน่าย ทำให้อาหารราเมนที่ถูกเรียกว่า “ชินะโซบะ” (支那そば = โซบะจีน) และเปลี่ยนมาเป็นชื่อ “ชูคะโซบะ” (中華そば = โซบะจีน) ได้เปลี่ยนมาถูกเรียกว่า “ราเมง” แทนและใช้กันแพร่หลาย
ปีค.ศ. 1964 ร้านราเมง “คะเฮ” (華平) ในซัปโปโรนำเสนอการใส่เนยลงไปในราเมง
ปีค.ศ. 1971 บริษัทนิชชินโฉะคุฮินวางขายบะหมี่ถ้วย (cup noodle)
ปีค.ศ. 1973 ร้าน “ซึเคะเมงไดโอ” (つけ麺大王) เปิดกิจการ ซึ่งเจ้าของร้านนี้เป็นผู้ตั้งชื่อ “ซึเคะเมง” โดยที่ “ซึเคะ” มาจาก “ซึเคะรุ” (つける) แปลว่า “จิ้ม”
ปีค.ศ. 1974 ร้านราเมง โยะชิมุระยะ (吉村家) ในชินสุกิตะ โยโกฮาม่า เปิดร้าน ซึ่งเป็นต้นแบบของ “อิเอะเคราเมง” (家系ラーメン) หรือราเมงโชยุซุปกระดูกหมู
อิเอะเคราเมง (ภาพจากวิกิพีเดีย)
ปีค.ศ. 1985 ร้าน “อิปปูโด” (一風堂) เปิดกิจการในเมืองฮะคะตะ จังหวัดฟุกุโอกะ และปัจจุบันนี้ได้เปิดสาขาไปทั่วโลก รวมทั้งไทย
ปีค.ศ. 1989 เกิดการบูมของราเมงซุปกระดูกหมูในเขตเมืองหลวง
ปีค.ศ. 2013 อาหารญี่ปุ่นถูกรับรองเป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมจากยูเนสโก
ทั้งหมดนี้คือสรุปไทมไลน์สำคัญที่ผมหยิบยกมาให้ทุกคนได้รู้จัก
ราเมงเป็นอาหารญี่ปุ่นที่มีรากเหง้าจากประเทศจีน แต่ด้วยระยะเวลาที่ผ่านมาเป็นหลายร้อยปี ทำให้ราเมงในญี่ปุ่นมีวิวัฒนาการเป็นลักษณะเฉพาะของตนเอง อย่างเช่น ซุปกระดูกหมู ซุปมิโซะ ซึเคะเมง จนเรียกได้ว่าราเมงเป็นอาหารญี่ปุ่นได้เต็มปากครับ
รูปประกอบโดย WALK on CLOUD
เรื่องแนะนำ :
– ซูชิ โอะมะคะเซะ ขอมอบหน้าที่ให้ (เพราะคุณรู้ดีที่สุด)
– ทำไมเจแปนไม่รีไซเคิลเยอะเท่ายุโรป
– ทำอย่างไรให้มีสมาธิ บทความจากผู้เชี่ยวชาญคนญี่ปุ่น
– เปเล่ ซาโยนาระ เกม อิน เจแปน
– คนญี่ปุ่นมาจากไหน
อ้างอิง
– https://www.brandthink.me/
– https://www.raumen.co.jp/
– https://en.wikipedia.org/
– https://ja.m.wikipedia.org/wiki/家系ラーメン
– https://www.ringerhut.jp/
#ราเมง improvised จาก โซบะจีน เป็นอาหารญี่ปุ่น