วันนี้ขอมาเล่าถึงเรื่องราวละครญี่ปุ่นเรื่อง “Aka Medaka” ละครญี่ปุ่นที่ให้ความรู้เกี่ยวกับอาชีพนักเล่าราคุโกะ ศิลปะการเล่าเรื่องของญี่ปุ่นที่มีความน่าสนใจ พร้อมได้ข้อคิดจากเรื่องราว “ชีวิตจริง” ของนักเล่าราคุโกะระดับต้นๆ ในญี่ปุ่นไปในตัวค่ะ
วันนี้ขอมาเล่าถึงเรื่องราวละครญี่ปุ่นเรื่อง “Aka Medaka” ละครญี่ปุ่นที่ให้ความรู้เกี่ยวกับอาชีพนักเล่าราคุโกะ ศิลปะการเล่าเรื่องของญี่ปุ่นที่มีความน่าสนใจ พร้อมได้ข้อคิดจากเรื่องราว “ชีวิตจริง” ของนักเล่าราคุโกะระดับต้นๆ ในญี่ปุ่นไปในตัวค่ะ
ละครภาคพิเศษนี้เป็นเรื่องราวชีวิตจริงของทาเทะกาว่า ดันชุน (รับบทโดย นิโนะมิยะ คาซุนาริ) นักเล่าราคุโกะชื่อดังของญี่ปุ่นค่ะ ที่ฟันฝ่าอุปสรรคมา กว่าจะมาเป็นนักเล่าราคุโกะได้ เขาได้แรงบันดาลใจหลังจากได้ฟังการเล่าเรื่องจากทาเทะกาว่า ดันชิ (รับบทโดย ทาเคชิ คิตาโนะ) นักเล่าราคุโกะผู้เลืองชื่อของญี่ปุ่น แต่พอไปเล่าความฝันนี้ให้พ่อกับแม่ฟัง กลับได้รับเสียงคัดค้านอย่างยกใหญ่ โดยเฉพาะผู้เป็นพ่อ ซึ่งพ่อกับแม่ก็ให้เหตุผลว่า มันเป็นอาชีพที่รายได้ไม่มั่นคง กว่าจะมีรายได้ ก็ต้องเป็นนักเล่าราคุโกะจริงๆ ให้ได้ และการก้าวไปเป็นนักเล่าราคุโกะได้นั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย อีกทั้งเขาเองก็ยังอยู่ในวัยเรียน วัยศึกษา ควรเรียนให้จบก่อน แต่ด้วยความฝันอันแรงกล้า และอยากจะพิสูจน์ตัวเอง เขาเลยตัดสินใจหนีออกจากบ้าน และมาขอเป็นศิษย์กับทาเทะกาว่า ดันชิ และนี่คือจุดเริ่มต้นของชีวิต “ทาเทะกาว่า ดันชุน ”นักเล่าราคุโกะค่ะ
สิ่งที่น่าสนใจของละครเรื่องนี้
1. สร้างมาจากเรื่องจริง
ทาเทะกาว่า ดันชุนตัวจริง (ด้านซ้าย)
นิโนะมิยะ คาซุนาริ คนที่มารับบทนี้ในละคร (ด้านขวา)
ละครเรื่องนี้เป็นชีวิตจริงของ “ทาเทะกาว่า ดันชุน” ที่เล่าถึงเส้นทางกว่าจะมาเป็นนักเล่าราคุโกะของเขา ละครก็จะเล่าตั้งแต่จุดเริ่มต้นเลยค่ะ จากชีวิตของเด็กม.ปลายคนหนึ่งที่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเป็นนักเล่าราคุโกะมาก แม้จะเต็มไปด้วยเสียงคัดค้าน แต่ก็เชื่อมั่นในเสียงของหัวใจตัวเอง และพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อสิ่งที่เขารัก พอเขาเข้ามาเป็นศิษย์อาจารย์ทาเทะกาว่า ดันชิ เขาก็ต้องทำทุกอย่างที่อาจารย์สั่ง ทั้งทำความสะอาดภายในบ้าน ออกไปซื้อของ ทำยังไงก็ได้ให้อาจารย์พอใจ จนยอมรับให้เขาเป็นศิษย์ และด้วยความที่พ่อแม่คัดค้าน หนีออกจากบ้านมา ทำให้ดันชุนไม่มีเงินไว้ใช้ค่ะ ทำให้เขาต้องทำงานส่งหนังสือพิมพ์ไปด้วย ไหนจะต้องรับการฝึกที่เข้มงวด ไหนจะต้องทำงานพิเศษอีก เรียกได้ว่าสู้ชีวิตแบบสุดๆ ค่ะ
ในสำนักของทาเทะกาว่า ดันชิ มีลูกศิษย์อยู่ 4 คน คือ พี่คนโต “ดันดัน”, “คันไซ”, “ดันชุน” และน้องคนสุดท้อง “ชิราคุ” น้องใหม่ที่มีฝีมือไม่ธรรมดา ทั้ง 4 คนก็เรียนรู้ และใช้ชีวิตไปด้วยกัน จนเรียกได้ว่า เปรียบเสมือนเป็นคนในครอบครัวเดียวกันไปแล้ว พวกเขาต่างพยายามอย่างหนัก และหวังว่าจะเป็นนักเล่าราคุโกะผู้ยิ่งใหญ่ให้ได้ในสักวัน
แม้เรื่องนี้ดันชุนจะเป็นตัวละครเด่นในเรื่อง แต่ละครกลับไม่ได้เล่าในเชิงที่ว่า ดันชุนเก่งกว่าใคร แต่เขาเป็นคนธรรมดาคนหนึ่ง ที่มีทั้งเรื่องผิดหวังบ้าง สมหวังบ้าง เรื่องที่ทำได้ดี และทำไม่ได้ เป็นเรื่องเล่าของชีวิตคนคนหนึ่งที่สามารถทำให้เราเข้าถึงได้ และได้แรงบันดาลใจเพื่อจะพยายามทำสิ่งที่เราหลงใหลค่ะ
2. ถ่ายทอดศิลปะการเล่าราคุโกะผ่านละครญี่ปุ่น
เสน่ห์ของเรื่องนี้ที่ทำให้รู้สึกประทับใจก็คือ เรื่องราวเกี่ยวกับราคุโกะนี่แหละค่ะ พอได้ดูจริงๆ ยิ่งรู้สึกสนใจ ชวนให้อยากรู้ตลอดว่า อาชีพนี้มันเกี่ยวกับอะไร และทำไมถึงมีผู้คนมากมายเฝ้ารอการเล่าและสนุกไปกับเนื้อเรื่อง
– แล้วราคุโกะที่พูดถึงนี้คืออะไรล่ะ?
ราคุโกะคือศิลปะการเล่าเรื่องตลกขบขันหรือเรื่องเล่าอื่นๆ ที่ให้ความบันเทิงด้วยตัวคนเดียวค่ะ นักเล่าก็จะแต่งกายด้วยชุดกิโมโน นั่งอยู่บนแท่นที่เรียกว่า Kouza (高座) และก็มีพัดหรือ sensu ( 扇子) เป็นอุปกรณ์ในการเล่า ก่อนการแสดง นักเล่าราคุโกะจะเอาพัดวางไว้ตรงหน้า เปรียบเสมือนเป็นการกั้นระหว่างโลกแห่งผู้ชมและโลกแห่งการแสดง เดิมทีเขาว่ากันว่า ศิลปะการเล่าเรื่องราคุโกะมีที่มาจากการเทศนาธรรมในสมัยก่อน จนในที่สุดก็พัฒนามาเป็นการเล่าเรื่องคนเดียว โดยนิยมเล่าให้กลุ่มไดเมียวฟัง และค่อยๆ เผยแพร่เข้าสู่กลุ่มคนสามัญชนธรรมดา และขยายวงกว้างจนเป็นราคุโกะในปัจจุบันค่ะ
การจะเป็นนักเล่าราคุโกะได้ไม่ใช่เรื่องง่ายค่ะ คนที่อยากจะเป็นต้องเรียนรู้ ฝึกฝน และสอบเลื่อนขั้นหลายระดับกว่าจะไปเป็นนักเล่าราคุโกะมืออาชีพได้ นักเล่าราคุโกะแบ่งออกเป็น 4 ระดับค่ะ ได้แก่
– มินาไร เป็นศิษย์ที่เพิ่งเข้ามาใหม่ ยังไม่มีชื่อเรียกในวงการ ในช่วงนี้ต้องทำยังไงก็ได้ให้อาจารย์ที่จะสอนวิชา ยอมรับในตัวเราค่ะ
– เซ็นซะ พอได้รับการยอมรับให้เป็นศิษย์ ก็จะเลื่อนขั้นมาเป็น “เซ็นซะ” ในช่วงนี้ก็ต้องคอยปรนนิบัติรับใช้อาจารย์ทุกอย่าง ว่าง่ายๆ ก็คือ ต้องเป็นเบ๊ค่ะ รวมถึงรับผิดชอบงานเบื้องหลังของการแสดงราคุโกะ ในระหว่างนี้ก็จะเรียนรู้การเป็นนักเล่าราคุโกะไปด้วย ทั้งอาศัยการเรียนรู้แบบครูพักลักจำ บางทีอาจารย์ก็จะเรียกเข้าไปสอนตัวต่อตัว แล้วก็ต้องคอยจบบทราคุโกะไปด้วยค่ะ
– ฟุตาซึเมะ ระดับนี้เหล่าเซ็นซะต้องสอบเลื่อนระดับขึ้นมา ถ้าใครสอบผ่านมาถึงขั้นนี้แล้วก็ไม่ต้องเบ๊รับใช้อีกต่อไป และยังเปิดการแสดงราคุโกะด้วยตัวเองได้อีกด้วย เป็นช่วงที่สามารถหารายได้ และสร้างชื่อเสียงในวงการค่ะ
– ชินอุจิ พอฝีมือพัฒนาขึ้นแล้ว และเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย ก็จะได้เลื่อนขั้นเป็นชินอุจิค่ะ หรือระดับดาวเด่นในวงการ ซึ่งในระหว่างนี้ก็สามารถรับศิษย์มาไว้ในสังกัดตัวเองได้ด้วย
อาชีพนี้นักเล่าราคุโกะก็จะมีเรื่องเล่าเยอะแยะมากมายค่ะ ก็จะเล่าๆ ไป พร้อมท่าทางประกอบบ้าง อะไรบ้าง แต่ว่าไม่ได้เล่าแบบใส่ทำนองเหมือนขับเสภาหรืออะไรนะคะ แต่เป็นการพูดปากเปล่า เหมือนเวลาเราเล่านิทานนี่แหละค่ะ แต่พอฟังๆ ไป เราจะรู้สึกว่า ในบางช่วงจะมีจังหวะค่ะ ทำให้ฟังแล้วรู้สึกสนุก น่าติดตาม นอกจากจะได้ดูละครแล้ว ยังได้ชมการเล่าราคุโกะไปด้วยนะ (ได้ฟังนิโนะเล่าราคุโกะ รู้สึกประทับใจจริงๆ ค่ะ)
3. ปลาซิวแดงกับความพยายามเพื่อให้สำเร็จในแบบของเรา
ชื่อละครเรื่องนี้แปลเป็นไทยได้ว่า “ปลาซิวแดง” ค่ะ แล้วปลาซิวแดงจะมาเกี่ยวอะไรกับ “นักเล่าราคุโกะ” กันล่ะเนี่ย เรื่องของเรื่องมันเกิดจากว่า วันหนึ่งดันชิใช้ให้ดันชุนไปซื้อปลาทองมาให้ แต่เขากลับซื้อปลาซิวแดงมา เพราะว่าเอาเงินไปกินข้าวกับรุ่นพี่ที่เพิ่งลาออกไป ด้วยเหตุนี้ เลยทำให้แทนที่จะได้ปลาทองมา กลับได้ปลาซิวแดงมาแทน แถมดันชุนยังโม้ต่อไปอีกว่า นี่เป็นปลาทองสายพันธุ์ใหม่ (ว่าไงนะ?) แรกๆ จะตัวเล็ก แต่พอให้อาหาร เดี๋ยวมันก็จะโตเอง ด้วยเหตุนี้จึงทำให้มีปลาซิวแดงมาเป็นสมาชิกใหม่ของบ้านค่ะ
ในระหว่างนั้นเองศิษย์ของครูดันชิ รวมถึงดันชุน ก็ฝึกฝนการเล่าราคุโกะไปเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงวันสอบเลื่อนขึ้นเป็นฟุตาซึเมะ ด้วยประสบการณ์ และความสามารถในตอนนี้ ทำให้พวกเขาไม่ใช่นักเล่าราคุโกะที่เพียบพร้อม สมบูรณ์แบบมากนัก แต่ถึงอย่างนั้น พวกเขาก็ได้รับการยอมรับจากครูดันชิ แต่ก็มีกระแสความไม่พอใจของนักวิจารณ์ราคุโกะ แต่ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นล้วนมีเหตุมีผล
แม้คนอื่นจะบอกว่าพวกเขาไม่เก่ง แต่ครูดันชิกลับเอ่ยปากชมว่า “พวกแกน่ะเก่ง…ไม่ว่าใครจะว่ายังไง แกก็คือแก” แม้ครูดันชิจะฝึกสอนอย่างเข้มงวดขนาดไหน ลูกศิษย์ของพวกเขาก็มีทำพลาดบ้าง บ้างก็จำบทไม่ได้ บ้างก็ทำได้ไม่ค่อยดี แต่ครูดันชิก็เลือกที่จะยอมรับ เหมือนกับ “ปลาซิวแดง” ในบ้านของเขา ไม่ว่าจะให้อาหารเท่าไร ตัวมันก็ไม่โตเท่าปลาทองได้เลย
เรื่องนี้ได้แฝงข้อคิดให้เห็นค่ะว่า คนเรานั้นไม่เหมือนกัน การที่เราพยายามกับอะไรสักอย่าง ไม่ได้หมายความว่า ต้องทำไปเพื่อจะสำเร็จให้เหมือนกับคนอื่นๆ แต่จงสำเร็จในแบบของเราเอง การที่เราได้เป็นตัวของตัวเองนี่แหละ คือสิ่งสำคัญที่สุด เป็นนักเล่าราคุโกะในแบบฉบับของตัวเองให้ได้…
“ปลาซิวก็คือปลาซิว ไม่ว่าจะพยายามเท่าไหร่ก็ไม่อาจเป็นปลาทองได้
แต่เพราะแบบนี้มันถึงน่ารักน่าเอ็นดูไงล่ะ”
“Aka Medaka” ละครญี่ปุ่นที่เล่าถึงเรื่องราวชีวิตจริงของ “ทาเทะกาว่า ดันชุน” นักเล่าราคุโกะของญี่ปุ่น พร้อมถ่ายทอดศิลปะการเล่าเรื่องราคุโกะไปด้วย สิ่งที่ได้นอกจากความรู้ด้านการเล่าราคุโกะแล้ว ก็ยังมีเรื่องราวเกี่ยวกับข้อคิดชีวิตในหลายๆ อย่าง ข้อคิดหลักในเรื่องนี้เห็นทีจะเป็นเรื่อง “ความพยายาม” นี่แหละค่ะ ถ้าอยากทำตามความฝัน ต้องห้ามมีข้ออ้างกับชีวิต และพยายามที่จะสำเร็จให้ได้ในแบบของเรา ไม่ใช่เป็นในแบบของใคร
เรื่องแนะนำ :
– พระเอก-นางเอกในแบบละครญี่ปุ่น
– ความงามของนางเอกละครญี่ปุ่นในแบบต่างๆ
– เหตุผลที่ทำให้ Hanzawa Naoki กวาดเรตติ้งได้สูงสุดในญี่ปุ่น!
– รวมคำคมเติมพลังชีวิตจากละครญี่ปุ่นปี 2015
– 6 ศิลปินญี่ปุ่นที่ร้องเพราะ! เต้นเป๊ะ!
ขอขอบคุณรูปภาพและข้อมูล :
ละครญี่ปุ่นเรื่อง Aka Medaka
http://asianwiki.com/Aka_Medaka
http://ecx.images-amazon.com/images/I/71B6XclMMaL._SL1378_.jpg