การเตรียมตัวไปญี่ปุ่นระยะสั้นของผู้ป่วยซึมเศร้า
‘ในวันที่เศร้ามากๆ เราตัดสินใจพาตัวเองไปอยู่ญี่ปุ่น’
เราเชื่อว่าหลายๆ คนคงเคยมีคำถามและสงสัยว่าการเดินทางไปอาศัยในอยู่ในต่างประเทศคนเดียวนานๆ จะเป็นอย่างไร ต้องเตรียมตัวยังไง หรือกังวลไปล่วงหน้าถึงปัญหาและอุปสรรคต่างๆ ที่อาจต้องพบเจอ ซึ่งมักจะทำให้เกิดความกลัวและกังวลใจอยู่ไม่น้อย
ยิ่งถ้าเราเป็นผู้ป่วยซึมเศร้า หรือมีคนใกล้ตัว เช่นคนในครอบครัว ญาติ เพื่อน หรือแฟนที่ป่วยและต้องไปอาศัยอยู่ต่างประเทศคนเดียวนานๆ ก็เป็นเรื่องปกติที่จะมีคำถามในหัวว่าควรเตรียมตัวกับสถานการณ์ดังกล่าวอย่างไร
เราเป็นคนหนึ่งที่ตกอยู่ในสถานการณ์ดังกล่าว เลยอยากจะมาแบ่งปันประสบการณ์ส่วนตัวเพื่อเป็นข้อมูลให้คนที่สนใจค่ะ เราไปเรียนที่ญี่ปุ่นในช่วงที่ป่วยซึมเศร้าและอาศัยอยู่ที่ฮอกไกโดเป็นเวลาสามเดือน ขอบอกว่าเราเองก่อนไปก็กังวลไม่ต่างจากคนอื่น แต่พอไปอยู่จริงๆ แล้วก็ไม่ได้ยากอย่างที่คิด! เราเลยอยากจะมาเล่าว่าคุณควรเตรียมตัวอย่างไรก่อนเดินทาง และใช้ชีวิตอย่างไรเมื่ออยู่ที่นั่นแล้ว
เราขอแบ่งการเตรียมตัวออกเป็นสองส่วนค่ะ ในส่วนแรก เราจะพูดถึงเรื่องวิธีเตรียมตัวและประเมินตนเองก่อนตัดสินใจเดินทาง ในส่วนนี้เป็นสิ่งสำคัญอันดับแรกที่ผู้ป่วยโรคซึมเศร้าหรือโรคทางจิตเวชต้องให้ความสำคัญ
คนรอบข้างเองหากรู้ว่ามีคนใกล้ตัวที่เป็นผู้ป่วยและต้องเดินทางไปต่างประเทศนานๆ ก็ควรที่จะรีบพากันไปปรึกษากับแพทย์ก่อน ทั้งนี้ก็เพื่อประเมินความรุนแรงของอาการว่าผู้ป่วยสามารถใช้ชีวิตคนเดียวได้ไหม และภาพรวมของโรคจะส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันอย่างไร ผู้ป่วยจำเป็นต้องมีสภาพจิตใจที่แข็งแรงเพียงพอสำหรับการเผชิญความกดดันหรือความเครียดเพียงลำพังค่ะ เมื่อตรวจเช็คตรงนี้แล้ว ก็ต้องหาแนวทางที่ดีที่สุดจากคำแนะนำของแพทย์ ห้ามตัดสินใจเองเด็ดขาดนะคะ !
พอผ่านการวิเคราะห์โดยละเอียดแล้ว ปกติแพทย์จะทำการจ่ายยาระยะยาวให้กับผู้ป่วย รวมไปถึงช่วยสอนมาตรการป้องกันฉุกเฉินในกรณีที่เกิดเหตุสุดวิสัยขึ้นในอนาคตค่ะ ซึ่งสิ่งนี้จะช่วยเหลือเราได้มาก ดังนั้นจึงเป็นขั้นตอนที่ไม่อยากให้มองข้ามเลยค่ะ
เราไปญี่ปุ่น 3 เดือน ซึ่งถือเป็นเวลาที่เหมาะสำหรับการเรียนและยังอยู่ในระยะเวลารักษาที่แพทย์รับรอง จึงสามารถให้ยาที่ครอบคลุมระยะเวลาทั้งหมดได้ค่ะ ยาเหล่านี้ต้องเก็บดีๆ เพราะการหาหมอที่ญี่ปุ่นมีขั้นตอนเยอะมากๆ ดังนั้นอยากให้ใส่ใจตรงจุดนี้เช่นกันนะคะ
จากนั้นหากแพทย์ประเมินแล้วว่าสามารถเดินทางไปได้ เราก็อยากให้คนที่ป่วยซึมเศร้า รวมถึงคนใกล้ชิดเปิดใจพร้อมรับประสบการณ์ใหม่ในการเดินทางจริงๆ อย่ากังวลล่วงหน้า และให้มองมันเป็นความท้าทายที่เป็นความสุข อย่าให้เป็นการเดินทางที่กลัวหรือรู้สึกว่าไม่อยากไปตั้งแต่ต้น ทุกคนในครอบครัวต้องช่วยกันนะคะ เพราะการเดินทางไปต่างประเทศนานๆ อาจเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการเสริมทักษะการใช้ชีวิต การช่วยเหลือตัวเอง และช่วยหล่อหลอมจิตใจให้แข็งแรงขึ้นมาได้มากทีเดียว
แน่นอนค่ะ เรารู้ว่าการละทิ้งความกลัวไม่ใช่เรื่องง่ายโดยเฉพาะกับผู้ป่วย เราเลยย้ำไงคะว่ากำลังใจจากคนใกล้ชิดจะช่วยผลักดันผู้ป่วยได้จริงๆ เรารับประกันว่าหากทุกคนเข้าใจจุดนี้และก้าวไปพร้อมกับผู้ป่วย คอยเฝ้าดูและช่วยเหลือเมื่อจำเป็น สิ่งที่ผู้ป่วยจะได้รับกลับมาจากการเดินทางจะต้องคุ้มค่าแน่นอน
จากนั้นก็ถึงเวลาก่อนเดินทางแล้วค่ะ! อย่าลืมศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับชนิดของยาที่ห้ามนำเข้าประเทศญี่ปุ่นเด็ดขาดนะ และอย่าลืมขอใบรับรองแพทย์เป็นภาษาอังกฤษหรือภาษาญี่ปุ่นเผื่อไว้ก่อน ในกรณีที่ไม่แน่ใจว่าตัวยาเข้าข่ายว่าห้ามนำเข้าประเทศหรือเปล่า เราขาดยาไม่ได้นะคะ อย่าตกม้าตายตั้งแต่เริ่มกันล่ะ!
นอกจากนี้ก็ควรหาซื้อประกันสุขภาพและประกันอุบัติเหตุที่ครอบคลุมอาการป่วยทางจิตเวช รวมไปถึงความเสี่ยงอื่นๆ ที่อาจเกิดขึ้นควบคู่ไปด้วย
มาถึงส่วนที่ 2 ที่ต้องเตรียมกันแล้วนะคะ อันนี้เป็นเรื่องทั่วไป ก็ปกติเนอะที่คนเรามักมีความเครียดจากการปรับตัวเข้าหาสภาพแวดล้อมใหม่ๆที่ไม่คุ้นเคย เราจึงอยากแนะนำวิธีง่ายๆ ที่จะช่วยลดความเครียดเมื่อเดินทางไปถึงญี่ปุ่นกันค่ะ !
อุปสรรคอย่างแรกที่คนส่วนใหญ่ต้องเจอก็คือเรื่องภาษา ในช่วงเดือนแรกที่เราไปอยู่จะรู้สึกว่าภาษาญี่ปุ่นของตัวเองด้อยกว่าที่เราคิดไว้เยอะเลย ไม่ว่าจะเป็นปัญหาเรื่องความเร็วในการโต้ตอบ, การอ่านคันจิ, การฟัง เยอะแยะไปหมด ยิ่งต้องไปเรียนและทำงานที่ใช้ภาษาญี่ปุ่นล้วน ก็ยิ่งกดดันตัวเองจนบางทีก็รู้สึกท้อแท้ซะงั้น !?
ดั้งนั้นก่อนเดินทางเราควรศึกษาภาษาญี่ปุ่นเพิ่มอีกสักหน่อย ลองทบทวนไวยากรณ์ คันจิ คำศัพท์ หรือฝึกด้านการฟังและการสื่อสารมากขึ้น เช่น ดูการ์ตูน ดูซีรี่ย์ ทำให้เป็นกิจวัตรสักระยะหนึ่งก่อนเดินทาง ก็จะช่วยให้เราสามารถปรับตัวได้ง่ายขึ้นมากเลยนะคะ
แต่สิ่งที่เราอยากย้ำให้ทุกคนเข้าใจก่อนก็คือเราเป็นคนไทยและเราไปเรียน ดังนั้นมันปกติมากที่เราจะไม่รู้และลำบากในช่วงแรกๆ เราต้องหมั่นให้กำลังใจตัวเองนะคะ ! ใช้เวลาไม่นานหรอกก็จะเอาตัวรอดได้เอง
ส่วนอุปสรรคอย่างที่สองคือเรื่องของ ‘ผู้คนและวัฒนธรรมที่แตกต่าง’ คำแนะนำที่ดีที่สุดก็คือฝืนใจหน่อยค่ะ ‘เข้าเมืองตาหลิ่ว ต้องหลิ่วตาตาม’ ทำตามๆเขาไปก่อนค่ะ เพราะผู้ที่ป่วยเวลาทำพลาดหรือโดนดุคงเสียใจมากๆ เนอะ
นอกจากนี้เราแนะนำให้ศึกษาวิถีชีวิตของผู้คนในระแวกใกล้เคียงที่เราอยู่อาศัย รวมไปถึงวัฒนธรรมญี่ปุ่นพื้นฐาน เช่น การแช่ออนเซ็น, การไปเยี่ยมบ้านคนอื่น, การขึ้นรถสาธารณะ, การเข้าร้านสะดวกซื้อ, นิสัยของคนญี่ปุ่น เป็นต้น ถ้าเราเข้าใจสิ่งเหล่านี้ก่อน ก็จะทำให้เราใช้ชีวิตได้ง่ายขึ้น จะรู้สึกมั่นใจและกลมกลืนไปกับวิถีชีวิตของชาวญี่ปุ่นได้เร็วขึ้นค่ะ
เรียกง่ายๆ ว่าคนที่ป่วยซึมเศร้าอาจมีความอยากอยู่คนเดียวมากกว่าเพราะกลัวการปฏิสัมพันธ์กับคนอื่น แต่หากเรามีพื้นฐานความเข้าใจล่วงหน้า เราก็จะเป็นคนป่วยที่ใช้ชีวิตในสังคมได้จริงๆ เรียนรู้ได้จริงๆ ไม่ได้เป็นเหมือนคนป่วยที่ย้ายบ้านไปอยู่ญี่ปุ่นเฉยๆ ค่ะ ต่างกันมากเลยนะ
อีกสิ่งที่เราอยากให้เน้นและเตรียมตัวก็คือเรื่องการวางแผนระเบียบวินัยของตนเองค่ะ คนป่วยซึมเศร้าที่ต้องเดินทางไปอยู่คนเดียว ควรวางแผนชีวิตให้ดีและทำตามแผนการนั้นอย่างรัดกุม นอกจากนี้ก็อยากให้แบ่งเวลาสำหรับการท่องเที่ยวหาประสบการณ์ใหม่ๆ ด้วยนะคะ ลองพาตัวเองไปหาของกินอร่อยๆ หรือซื้อของที่อยากได้บ้าง ไปถึงญี่ปุ่นทั้งทีก็ควรเก็บเกี่ยวให้เต็มที่ เอาให้ลืมไปเลยว่าตัวเองป่วยอยู่ !
สุดท้ายแล้ว แม้การเดินทางไปอยู่ต่างประเทศคนเดียวจะดูไม่ง่าย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องยากจนเกินไปนัก ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีความบันเทิงให้หยิบจับได้ง่าย ดังนั้นถ้าเราเปิดใจให้มันอย่างน้อยชีวิตในแต่ละวันก็สามารถสนุกขึ้นได้ค่ะ กรณีของเราที่ป่วยเป็นซึมเศร้า แม้จะตัดสินใจออกเดินทางเวลาสั้นๆ แต่มันทำให้เราเปลี่ยนเป็นคนละคน เราสามารถเรียนรู้วิธีการใช้ชีวิตและบริหารจัดการความเครียดได้ดียิ่งขึ้น รวมไปถึงมีภูมิต้านทานด้านจิตใจที่เข้มแข็งขึ้นกว่าเดิมมากจริงๆ
ตอนนี้เราหายแล้วค่ะ ! และการเดินทางในครั้งนั้นคือส่วนสำคัญจริงๆ ที่ทำให้เราหลุดพ้นมาได้ เราเลยอยากส่งต่อความกล้านี้ และช่วยเป็นกำลังให้กับทุกคนค่ะ
ลองลุยดูสักตั้ง เอาชนะตัวเองให้ได้นะคะ !
เรื่องแนะนำ :
– นิสัยดี ๆ ที่ได้จากการไปอยู่ญี่ปุ่น
– ถ้าอีกสี่เดือนจะต้องตาย… คุณจะไปทำงานไหม?
– Ikigai คุณเกิดมาเพื่อทำอะไร?
– เข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม กับการใช้ชีวิตกับโฮสต์แฟมมิลี่ญี่ปุ่น
– ต้องรอด!!! 10 เรื่องควรรู้ก่อนไปใช้ชีวิตที่ญี่ปุ่น