ความน่ารักที่ซ่อนอยู่ในตราประทับพาสปอร์ตขาเข้าญี่ปุ่น คุณอาจจะไม่เคยสังเกตเห็นว่ามันเปลี่ยนไป เรามาดูเทียบกันว่าแบบเก่ากับแบบใหม่ต่างกันยังไง
หากใครที่กำลังมาประเทศญี่ปุ่นในช่วงนี้ ให้ลองสังเกตที่พาสปอร์ตของคุณ มีความคิ้วท์แบบนี้ซ่อนอยู่!! คุณอาจจะไม่เคยสังเกตเห็นว่ามันเปลี่ยนไป เรามาดูเทียบกันว่าแบบเก่ากับแบบใหม่ต่างกันยังไง
ใช่แล้ว!! ตราปั๊มแสตมป์แบบใหม่เป็นภูเขาไฟฟูจิสีฟ้า กับดอกซากุระสีชมพู มันคิ้วท์อะไรขนาดนี้♡
ในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2018 รัฐบาลญี่ปุ่นได้มีการปรับเปลี่ยนดีไซน์ของใบอนุญาติการเข้าเมืองของชาวต่างชาติให้เป็นลายภูเขาไฟฟูจิและซากุระ
การขึ้นลงของดอกเพาโลเนีย (Kirimon)
ในประเทศญี่ปุ่น ดอกเพาโลเนีย (Kirimon) ถูกใช้เป็นสัญลักษณ์ประจำตระกูล สัญลักษณ์ของราชวงศ์ รวมไปถึงสัญลักษณ์ภายในศาลเจ้าชื่อดังอย่างศาลเจ้าเมจิ (Meiji shrine)
เป็นสัญลักษณ์ในประตูวัดหรือศาลเจ้าญี่ปุ่น
รวมไปถึงเป็นสัญลักษณ์ของรัฐบาลญี่ปุ่น
ทำไมดอกเพาโลเนีย (Kirimon) ถึงถูกใช้เป็นสัญลักษณ์อย่างหลากหลาย?
นั่นก็เพราะว่าจักรพรรดิญี่ปุ่นในยุคสมัยคามาคุระนั้นได้รับอิทธิพลจากความเชื่อของจีน ว่าดอกเพาโลเนีย (Kirimon) นั้นจะนำพาความมั่งคั่งมาให้ จึงถือกำเนิดลายต่างๆ ออกมาให้ได้เห็น
เมื่อถึงยุคที่ราชวงศ์อ่อนลงจึงทำให้คุณค่าของลักษณ์นี้ลดลงตามไปด้วย ทางราชวงศ์เลือกที่จะนำของใช้ส่วนตัวของตนไปขาย ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าที่มีลักษณ์ของดอกเพาโลเนีย (Kirimon) เป็นต้น
ในยุคนั้นยังเป็นสินค้าที่มีราคาแพง คนที่มีฐานะในยุคสมัยนั้นก็ต่างพากันซื้อ จึงเป็นเหตุให้สัญลักษณ์นี้ไม่เป็นที่พิเศษอีกต่อไป บุคคลทั่วไปก็มีการใช้อย่างทั่วไปนับตั้งแต่นั้นมา
ตัวอย่างเสื้อที่ Oda Nobunaga
หลังจากการสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 สัญลักษณ์นี้ถูกรักษาให้เป็นสัญลักษณ์ของจักรพรรดิ และสัญลักษณ์ของรัฐบาล ไม่สามารถนำมาใช้เป็นเครื่องหมายการค้าได้
ยุคของดอกซากุระ
แม้ว่าดอกเพาโลเนีย (Kirimon) จะมีตำนานอย่างไรก็ตามในช่วง 100 ปี จนถึงปัจจุบันนี้ดอกซากุระได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของประเทศญี่ปุ่นไปโดยปริยายเพราะความชื่นชอบและความนิยมจากชาวต่างชาติ และในประเทศ
ดอกซากุระในประเทศญี่ปุ่นมากกว่า 80% เป็นสายพันธุ์เดียวกันหมด คือ พันธุ์โซเมโยชิโนะ
สายพันธุ์นี้เป็นพันธุ์ผสมที่ถูกปลูกโดยชาวสวนสมัยตอนท้ายของเอโดะ ไม่สามารถสืบพันธุ์ได้ตามธรรมชาติ สามารถปลูกได้โดยการตัดแต่งหรือเรียกว่า “โคลนนิ่งต้นไม้” ซึ่งสายพันธุ์ซากุระตามปกตินั้นต่อให้เป็นสายพันธุ์เดียวกันก็จะบานไม่พร้อมกัน แต่ต้นโคลนนิ่งนี้เมื่อถึงช่วงเวลาที่เหมาะสมจะบานพร้อมกัน จึงทำให้ในช่วงฤดูใบไม้ผลิประเทศญี่ปุ่นนั้นกลายเป็นสีชมพูพร้อมๆกัน
ที่จริงแล้วดอกซากุระสายพันธุ์ที่ชาวญี่ปุ่นสมัยโบราณชื่นชอบนั้นคือ Yamazakura
Yamazakura นั้นเป็นซากุระที่เติบโตขึ้นตามธรรมชาติไม่ใช่ดอกโคลนนิ่ง จึงทำให้แต่ละต้นเติบโตขึ้นตามธรรมชาติ แม้จะอยู่ในตำแหน่งเดียวกันระยะเวลาในการออกดอกก็ต่างกันออกไปแล้วแต่ต้น
ในยุคสมัยเมจิได้มีการเปลี่ยนระบบใหม่ขึ้น จึงใช้ต้นซากุระสายพันธุ์โซเมโยชิโนะในการแบ่งเขตวางอำนาจ จึงกลายเป็นเอกลักษณ์ประจำชาติเกาะทั้งญี่ปุ่นจากใต้สู่เหนือตั้งแต่นั้นมา
ในปัจจุบันประเทศญี่ปุ่นประสบปัญหาจำนวนประชากรลดลงอย่างรวดเร็ว ทางรัฐบาลจึงต้องอาศัยนโยบายการหารายได้โดยการให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมาเที่ยวแทน
แม้ว่าดอกเพาโลเนีย (Kirimon) จะมีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานก็ตาม แต่สำหรับชาวต่างชาติแล้วไม่ค่อยเป็นที่รู้จัก ซากุระจึงกลายเป็นสัญลักษณ์ของประเทศญี่ปุ่นอย่างที่ไม่สามารถถูกแทนที่ได้ในตอนนี้
ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพ : IKIDANE NIPPON http://ikidane-nippon.com/th/
เรื่องแนะนำ :
– รอยบุ๋มของกล่องนมญี่ปุ่น มีไว้เพื่ออะไร!?
– ต้นกำเนิดกาชาปอง (Gachapon) ไม่ใช่ญี่ปุ่น!!?
– 3 อันดับเครื่องเขียนสุดว้าวของญี่ปุ่น
– 10 โรงแรมแนะนำในย่าน Asakusa
– 10 โรงแรมแนะนำในย่าน Shinjuku