เทศกาลโอบ้ง…เล่าสืบขานกันมาว่ามีเพียงช่วงเวลาสั้นๆ นี้เท่านั้นที่วิญญาณบรรพบุรุษจะกลับมายังโลก และเพื่อให้บรรพบุรุษกลับมาโลกอย่างราบรื่น แล้วกลับสู่ภพโน้นอย่างสบายใจ ในช่วงเทศกาลโอบ้งจึงมีการเตรียมการต่างๆ นานา…
ฤดูร้อนของญี่ปุ่น เมื่อจักจั่นถูกแสงตะวันอันเปล่งประกายสาดส่อง ก็จะแผดร้องสุดเสียงก้องไปทั่วฟ้าในฤดูร้อนอันปกคลุมด้วยเมฆก้อนโต และผู้คนมากมายจะออกไปเคารพหลุมศพท่ามกลางการร่วมขับขานของเหล่าจักจั่นนั้น
ใช่แล้ว นั่นคือเทศกาล “โอบ้ง” พิธีกรรมอันเป็นสัญลักษณ์ของฤดูร้อน
พิธีกรรมระลึกถึงผู้ล่วงลับของญี่ปุ่น
ระยะเวลาในการจัดเทศกาลโอบ้ง ตามหลักที่ ‘โตเกียว’ จะจัดระหว่างวันที่ 13 -16 กรกฎาคมเป็นเวลา 4 วัน ‘ภูมิภาคอื่น’ ทั่วประเทศจัดในวันที่ 13 – 16 สิงหาคม ดูเหมือนช่วงเวลาจะแตกต่างไปตามพื้นที่ แต่เล่าสืบขานกันมาว่ามีเพียงช่วงเวลาสั้นๆ นี้เท่านั้นที่วิญญาณบรรพบุรุษจะกลับมายังโลก และเพื่อให้บรรพบุรุษกลับมาโลกอย่างราบรื่น แล้วกลับสู่ภพโน้นอย่างสบายใจ ในช่วงเทศกาลโอบ้งจึงมีการเตรียมการต่างๆ นานา
12 สิงหาคม “เตรียมการต้อนรับบรรพบุรุษ”
อันดับแรกในวันก่อนเริ่มเทศกาลโอบ้ง จะมีการประดับแตงกวากับมะเขือม่วงเสียบตะเกียบหรือไม้จิ้มฟันซึ่งเรียกว่า “ม้าวิญญาณ”
โดยแตงกวาสื่อถึงม้าและมะเขือม่วงสื่อถึงวัว แฝงความรู้สึกว่า “อยากให้ผู้ล่วงลับขี่ม้ากลับมายังโลกโดยเร็ว หลังจากนั้นจึงค่อยๆ ขี่วัวกลับสู่ภพโน้น
13 สิงหาคม “ไฟต้อนรับ”
ในวันที่ 13 สิงหาคมซึ่งเป็นวันเริ่มเทศกาลโอบ้ง จะมีการหักก้านกัญชากองสุมกันเรียกว่า “โองาระ” แล้วก็จุดไฟ ว่ากันว่าบรรพบุรุษจะขี่ควันจากดวงไฟนี้กลับมายังโลก เนื่องจากควันช่วยให้กลับบ้านได้โดยไม่หลงทาง ควันนี้จึงทำหน้าที่คล้าย “ป้ายบอกทาง”
วันที่ 14 – 15 สิงหาคม “เคารพหลุมศพ”
ตามหลักแล้วในช่วงนี้ ผู้คนมากมายจะไปเคารพหลุมศพพร้อมหน้ากันทั้งครอบครัว ทำความสะอาดหลุมศพและวางดอกไม้ จุดธูปและรดน้ำเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้บรรพบุรุษ จากนั้นครอบครัวหรือญาติพี่น้องมารวมตัวกันรับประทานอาหารและใช้เวลาร่วมกัน เป็นช่วงเวลาสำคัญที่ทุกคนจะได้ระลึกถึงผู้ล่วงลับตามความรู้สึกนึกคิดของแต่ละคน
วันที่ 16 สิงหาคม “ไฟส่งวิญญาณ”
วันสุดท้ายของเทศกาลโอบ้ง ในวันนี้จะมีการจากลาบรรพบุรุษอีกครั้ง จะจุดโองาระเหมือนกับไฟต้อนรับในวันแรก ผู้ล่วงลับจะกลับไปอีกภพหนึ่งอย่างราบรื่นด้วยควันไฟนั้น
ในฤดูนี้ของทุกปี ที่ ‘เกียวโต’ จะมีงาน “ไฟส่งวิญญาณห้าขุนเขา” อันโด่งดัง ซึ่งจะจุดไฟเป็นรูปตัวอักษรขนาดใหญ่หรือรูปโทริอิ (ประตูศาลเจ้า) เปลวไฟที่ลอยขึ้นสู่ท้องฟ้าในฤดูร้อนได้กลายเป็นบทกวีซึ่งขับขานถึงฤดูร้อนของเกียวโต
และตามท้องถิ่นส่วนหนึ่งจะมีการจัดพิธีกรรมอันเป็นประเพณีที่เรียกว่า “การลอยวิญญาณ” โดยจะลอยดอกไม้หรือของไหว้ออกสู่ทะเลหรือแม่น้ำ เป็นไฟส่งวิญญาณประเภทหนึ่ง
แม้การจากลากับบรรพบุรุษที่กลับมายังโลกอีกครั้งจะอบอวลด้วยบรรยากาศน่าเศร้าอยู่บ้าง แต่ก็สามารถรับชมภาพอันงดงามราวกับความฝันได้
และที่ลืมไม่ได้ในเทศกาลโอบ้งคือ “รำวงบงโอโดริ” เป็นรำวงอุทิศส่วนกุศลและต้อนรับวิญญาณที่กลับมายังโลก ในปัจจุบันในทางศาสนาดังกล่าวได้จางหายไปและกลายเป็นงานรื่นเริง
เมื่อลองคิดทบทวนอีกรอบ “โอบ้ง” เป็นพิธีกรรมที่แสนเศร้า แต่เมื่อระลึกถึงคนสำคัญผ่านเทศกาล “โอบ้ง” ความทรงจำที่เคยลืมเลือนมาจนถึงตอนนี้ก็น่าจะฟื้นกลับมาไม่ใช่หรือ
และช่วงเทศกาลโอบ้ง หลายครัวเรือนที่ปกติคนในครอบครัวและญาติพี่น้องต่างคนต่างอยู่ก็จะมารวมตัวกันใดสักแห่ง เมื่อมีเทศกาลรำวงบงโอโดริจัดขึ้นในแต่ละท้องถิ่น ก็ไม่ได้มีเพียงบรรยากาศที่สะเทือนใจ แต่มีบรรยากาศอันครื้นเครงอบอวลอยู่ด้วยคือเทศกาลโอบ้งของญี่ปุ่น
ขอให้แต่ละท่านลองนึกถึงผู้ล่วงลับแล้วหวนระลึกถึงเรื่องราวดีๆ ในอดีตพร้อมกับใช้เวลาสำคัญช่วงสั้นๆ ด้วยกันสิครับ
ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพ : MATCHA http://mcha-th.com
เรื่องแนะนำ :
– ช้อปปิ้งสุดฮิปที่โตเกียวคาแรคเตอร์สตรีท Tokyo Station
– 5 สถานที่ชมเทศกาลดอกไม้ไฟแถบคันไซ
– รู้ไว้ก่อนไปเทศกาลดอกไม้ไฟญี่ปุ่น
– เที่ยวคิวชู : ยานพาหนะแสนสะดวกในการท่องเที่ยวจังหวัดฟุกุโอกะ
– ช่วงไหนที่สินค้าในญี่ปุ่น ลดกระหน่ำแบบถูกสุดๆ