ขอบเขตของการสอบวัดระดับภาษาญี่ปุ่นในแต่ละระดับนั้น มันอยู่ที่ประมาณไหนกันนะ จะได้เตรียมตัวถูก!
ฤดูกาลสอบวัดระดับภาษาญี่ปุ่นกำลังจะมาถึงอีกครั้ง ซึ่งโดยปกติแล้วการสอบ JLPT นั้น จะจัดขึ้นเป็นประจำปีละ 2 ครั้ง
และในฐานะผู้เตรียมตัวสอบคนหนึ่ง ซึ่งไม่ได้เทคคอร์สเรียนเพื่อสอบวัดระดับโดยตรง หรือหาซื้อหนังสือสอบวัดระดับมาอ่าน แต่เตรียมตัวสอบ โดยการหาข้อมูลรอบตัว จากหนังสือเรียนบ้าง จากอินเตอร์เน็ตบ้าง มันก็จะมีความหงุดหงิดหัวใจเล็กๆ ว่าขอบเขตของการสอบวัดระดับในแต่ละระดับนั้น มันอยู่ที่ประมาณไหนกันนะ หาข้อมูลยากเหลือเกิน อิฉันจะได้เตรียมตัวถูก!
ดังนั้น ครั้งนี้เราจะมาแชร์เกี่ยวกับเรื่องสอบวัดระดับภาษาญี่ปุ่นอีกสักเล็กน้อย ว่าด้วยปริมาณศัพท์และคันจิที่เราต้องเตรียมตัวในการสอบระดับ N5-N4-N3 กันจ้า สำหรับ N2-N1 เอาไว้ก่อนนะ \(><)/
จากการหาข้อมูลทางอินเตอร์เน็ต ประกอบกับข้อมูลในหนังสือเรียนหลายๆ เล่ม ได้ความว่า…
N3 ควรเข้าใจคำศัพท์ประมาณ 3,700 คำ และคันจิประมาณ 650 คำ (เรียกว่าเป็นความก้าวกระโดดอย่างแท้จริง เพราะต่างจากระดับ N4 พอสมควรเลยทีเดียว T_T)
N4 ควรเข้าใจคำศัพท์ประมาณ 1,500 คำ และคันจิประมาณ 300 คำ
N5 ควรเข้าใจคำศัพท์ประมาณ 800 คำ และคันจิประมาณ 100 คำ
*จะสอบระดับไหนก็แล้วแต่ ต้องรู้คำศัพท์และคันจิก็ระดับที่ต่ำกว่าด้วย พอรวมๆ กันแล้ว มันก็คือเยอะขึ้นเรื่อยๆ เป็นธรรมดาจ้า และนอกจากนี้ ยังมีในส่วนของไวยากรณ์ด้วย อย่าลืมกันน๊า
ใครจะสอบระดับไหน ก็หาข้อมูลคำศัพท์ คันจิ และไวยากรณ์มาให้ครบๆ จะได้เตรียมตัวถูก ว่ามีตัวไหนกันบ้าง ซึ่งหนังสือก็พอมีให้หาซื้อกันบ้าง ในเน็ตก็ลองค้นหาดูได้
แต่ที่พอจะรวบรวมมาแชร์กันให้ดูง่ายๆ ก็น่าจะเป็นคันจิ ว่าแล้วมาดูกันคร่าวๆ ดีกว่า ว่ามีประมาณไหนนะที่ต้องจำ 😉
*และความบันเทิงของการเรียนตัวอักษรคันจิเพื่อสอบวัดระดับฯ ก็คือ ถ้าจะสอบ N5 ก็เรียนรู้การ์ดใบแรกไว้ ถ้าจะสอบ N4 ก็เรียนการ์ดใบที่สองเพิ่มเข้าไป และถ้าจะสอบ N3 ก็เรียนการ์ดใบที่สามเพิ่มไปอีก รวมๆ แล้วก็ราวๆ 650 คำนั่นเอง สรุปว่าจำให้หมด! บันเทิ๊ง บันเทิง ฮ่าๆ แต่ยังไงซะ ความรู้มันก็จะอยู่คู่กับตัวเราไปเรื่อยๆ นั่นแหล่ะ จำๆ ไปเหอะเนอะ
อย่างไรก็ตาม ขอบเขตของปริมาณคำศัพท์ และตัวอักษรคันจิ รวมไปถึงไวยากรณ์ที่ใช้สอบวัดระดับภาษาญี่ปุ่นแต่ละครั้ง มันก็ไม่ได้มีความชัดเจนแบบเป๊ะๆ ว่าจะต้องเท่านั้น เท่านี้หรอก เชื่อว่ามันก็ต้องมีน้อยกว่านิด มากกว่านี้หน่อย แต่อย่างน้อย พอเห็นคร่าวๆ แบบนี้ ก็ค่อยพอมองเห็นลู่ทางในการเตรียมตัวสอบขึ้นมาบ้าง ไม่งั้น ก็คงไม่รู้ ว่าจะต้องอ่าน จะต้องเตรียมตัว สักเท่าไร ถึงจะพอ.. เผลอๆ อาจจะทุ่มเทเตรียมมากไป จนถึงความรู้ระดับสอบ N1 ไปเลยโดยไม่รู้ตัวก็ได้ ซึ่งมันอาจจะเกินวัตถุประสงค์ของตัวผู้สอบในครั้งนั้นๆ ไป จนเหมือน ใช้เวลาไปเกินเหตุ (สำหรับครั้งนี้) แม้ความรู้จะไม่ได้หายไป แล้วยังจะเป็นประโยชน์กับตัวเอง และการสอบในครั้งหน้าก็ตาม เอาแต่พอดีๆ นะ ทู้กคน!
คนทั่วไป ควรจะต้องใช้เวลาในการเตรียมในการสอบประมาณไหน
N3 (ระดับที่สามารถใช้สื่อสารในชีวิตประจำได้อย่างมีคุณภาพ)
ใช้เวลาในการสอบรวม 140 นาที คำศัพท์ (30 นาที) ไวยากรณ์และการอ่าน (70 นาที) การฟัง (40 นาที)
คะแนนแต่ละส่วนมี 60 คะแนน ต้องได้แต่ละส่วนอย่างต่ำ 19 คะแนน จึงจะสอบผ่าน
คะแนนรวม 180 คะแนน ต้องได้ 95 คะแนน จึงจะสอบผ่าน
ควรใช้เวลาในการเตรียมตัวสอบอย่างน้อย 6 เดือน (ทบทวนทุกวัน วันละ 5 ชม.)
N4 (ระดับที่สามารถใช้สื่อสารภาษาญี่ปุ่นเบื้องต้นได้พอสมควร)
ใช้เวลาในการสอบรวม 115 นาที คำศัพท์ (25 นาที) ไวยากรณ์และการอ่าน (55 นาที) การฟัง (35 นาที)
คะแนนส่วนคำศัพท์ ไวยากรณ์และการอ่านมี 120 คะแนน ต้องได้อย่างต่ำ 38 คะแนน จึงจะผ่าน
คะแนนส่วนการฟัง มี 60 คะแนน ต้องได้อย่างต่ำ 19 คะแนน จึงจะสอบผ่าน
คะแนนรวม 180 คะแนน ต้องได้ 90 คะแนน จึงจะสอบผ่าน
ควรใช้เวลาในการเตรียมตัวสอบอย่างน้อย 4 เดือน (ทบทวนทุกวัน วันละ 5 ชม.)
N5 (ระดับที่สามารถใช้สื่อสารภาษาญี่ปุ่นเบื้องต้นได้บ้าง)
ใช้เวลาในการสอบรวม 90 นาที คำศัพท์ (20 นาที) ไวยากรณ์และการอ่าน (40 นาที) การฟัง (30 นาที)
คะแนนส่วนคำศัพท์ ไวยากรณ์และการอ่านมี 120 คะแนน ต้องได้อย่างต่ำ 38 คะแนน จึงจะผ่าน
คะแนนส่วนการฟัง มี 60 คะแนน ต้องได้อย่างต่ำ 19 คะแนน จึงจะสอบผ่าน
คะแนนรวม 180 คะแนน ต้องได้ 80 คะแนน จึงจะสอบผ่าน
ควรใช้เวลาในการเตรียมตัวสอบอย่างน้อย 3 เดือน (ทบทวนทุกวัน วันละ 4 ชม.)
ทั้งนี้ นี่เป็นแค่การประมาณเวลาที่ควรใช้ในการเตรียมตัวสอบฯ ที่ทางผู้เขียนเพียงอยากจะแนะนำ ซึ่งแต่ละคน ย่อมมีความแตกต่างกัน โปรดใช้วิจารณญาณนะจ้ะ
และแน่นอนว่า มันก็ย่อมมีวิธีการเตรียมตัวแบบทางลัด หรือการเตรียมตัวสอบแบบเข้มข้นอยู่ ซึ่งอาจจะสามารถใช้ระยะเวลารวมในการเตรียมตัวน้อยกว่า เพียงแต่คุณอาจจะต้องทุ่มเทเวลาแต่ละวันมากกว่า (หรืออาจจะต้องเสียเงินมากกว่า) ทั้งนี้ ก็ขึ้นอยู่กับว่าวิธีการไหน จะเหมาะกับตัวคุณมากกว่าล่ะนะ
อย่างไรก็ตาม สุดท้ายแล้ว ก็ไม่มีใครซื้อผลการสอบได้ คนที่ต้องเข้าสอบก็ยังต้องเป็นตัวเราอยู่ดี ดังนั้นเราจะเตรียมตัวสอบอย่างไร ก็เอาให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ หรือระดับการซึมซับความรู้ของเรา เลือกให้เหมาะที่สุดดีกว่า ตึงไปก็ไม่ไหว หย่อนไปก็ไม่รอดนะ
อยากจะเม้าท์เล็กๆ ให้ท่านผู้อ่านได้ฟัง…
คือการที่ผู้เขียนตัดสินใจสอบวัดระดับภาษาญี่ปุ่น ก็ไม่ใช่ด้วยเหตุจำเป็นต้องนำผลสอบไปใช้ใดๆ ทั้งสิ้น แต่เกิดจากความอยากรู้อยากเห็นล้วนๆ (+กับความอยากกระตุ้นตัวเองหน่อยๆ) เพราะความที่รู้ตัวเองว่าถ้าไม่ตั้งเป้าหมายอะไรสักอย่าง มันจะ… เรื่อยเฉื่อย ก็เลยคิดว่า ลองสอบวัดระดับฯ ดู จะได้มีแผนในการทบทวน เรียนทุกวัน อ่านทุกวัน เผื่อภาษาญี่ปุ่นจะพัฒนาได้เร็วขึ้น แล้วก็จะได้เรียนรู้ว่าการสอบวัดระดับฯ นั้น ประสบการณ์ที่ได้จริงๆ มันเป็นอย่างไร
แล้วก็เป็นอย่างที่คาด… (ช่างเป็นคนที่รู้จักตัวเองดีจริงๆ ฮะ ฮะ)
พอลงทะเบียนสอบปุ๊บ…
วางแผนทำตารางในการทบทวนบทเรียนปั๊บ!
ทุกประโยค ทุกคำ ทุกตัวอักษร ในภาษาญี่ปุ่น ที่เห็น ที่ได้ยิน ที่แค่ผ่านตา… จู่ๆ มันก็ได้รับการใส่ใจมากขึ้นเป็นพิเศษ แถมยังถูกนำไปใช้ ทุกวินาทีที่สามารถใช้ได้ เช่น เจอคนญี่ปุ่นปั๊บ ใส่ภาษาญี่ปุ่นปุ๊บ แบบโนสน โนแคร์ ว่าเขาจะฟังเรารู้เรื่องไหม แล้วเราจะฟังเขารู้เรื่องหรือเปล่า ชิงลงมือเลย ไม่อายมันล่ะ!
ใดๆ ก็ตามแต่ คิดว่าการลงมือสมัครสอบ JLPT นี่คือกุศโลบายในการกระตุ้นตัวเองของผู้เขียน เพื่อความก้าวกระโดดในการเรียนรู้ เป็นเรื่องเชิงจิตวิทยา ที่เอาไว้ใช้กับตัวเองได้ตลอดๆ ฮะๆ เพราะทุกครั้ง ทุกเรื่อง ที่ผู้เขียนเริ่มรู้สึกว่าลงมือทำไปงั้นๆ ทำแค่เพลินๆ ไม่ได้กระตือรือร้นกับมันเท่าทีควร ทั้งๆ ที่ความจริงแล้ว มันเป็นเรื่องที่จะต้องจริงจัง! ผู้เขียนก็จะใช้วิธีท้าทายตัวเองแบบนี้ แล้วจะสำเร็จเสมอนั่นเอง (^^)
อย่างเช่นครั้งนี้… แม้จะยังไม่ถึงวันสอบวัดระดับฯ แต่ผลที่ได้รับเบื้องต้น ก็เห็นผลอย่างชัดเจน นั่นคือ ไวยากรณ์ที่ไม่ค่อยได้ใช้ จำไม่ค่อยได้ ก็จำได้มากขึ้น คันจิระดับ N4-N5 ตัวที่เคยเห็น เคยผ่านตาอยู่เนืองๆ แต่ไม่เคยจำมันได้ กลับจำมันขึ้นมาได้ซะเฉยๆ (“ความใส่ใจ” ในทุกคำที่เห็นมาเต็ม ก็เลยได้ผลเกินคาดนั่นเอง) รู้สึกได้เลยว่า จู่ๆ ภาษาญี่ปุ่นก็ก้าวหน้าขึ้นเฉยเลย
สำหรับตัวผู้เขียนแล้ว… ไม่ได้สนใจว่าผลของการตัดสินใจสอบ JLPT นี้ จะต้องผ่านให้ได้ ผลสอบจะต้องสำเร็จอย่างงดงาม เพราะแค่ตั้งเป้าหมายว่าจะสอบและลงมือสมัครสอบ ตัวผู้เขียนก็ “ได้” ในสิ่งที่ต้องการมาบ้างแล้ว นั่นก็คือ ภาษาญี่ปุ่นเริ่มพัฒนาขึ้นอย่างมีนัยยะ แม้จะยังไม่ดีเท่าที่ควร แต่สำหรับตัวเอง ถือว่าเริ่มก้าวหน้าแล้ว ไม่ได้ย่ำอยู่ในจุดเดิม (ไม่รู้ว่าตั้งอกตั้งใจขนาดนี้ เพราะการตั้งเป้าหมาย หรือเสียดายตังค์ที่สมัครสอบไปกันแน่ ฮะๆ)
ดังนั้นจากการประเมินตัวเองล่วงหน้า… ครั้งนี้อาจจะสอบไม่ผ่านในระดับที่ตัวเองคาดหวัง แต่ถึงจะสอบไม่ผ่านก็คงไม่ได้รู้สึก Fail แบบโลกถล่มทลาย เพราะถือว่าได้ประสบการณ์ในการสอบแล้ว ได้สนุกกับการเตรียมตัวสอบ ได้เห็นบรรยากาศในการสอบ ส่วนตัวแล้ว แค่นี้ก็แฮปปี้แล้วนะ ถ้าสอบผ่าน ก็ถือว่าเป็นกำไร
ใครคิดเห็นอย่างไรในการเตรียมสอบ JLPT … ก็มาแชร์กันได้นะ แล้วก็ขอให้คนที่กำลังเตรียมตัวสอบอยู่เหมือนกัน เพลิดเพลินไปกับการเรียนภาษาญี่ปุ่น
ส่วนใครที่กำลังสอบวัดระดับ ที่ J-Center นอกจากจะสอนภาษาญี่ปุ่นแล้ว ยังมีคอร์สติวเพื่อสอบวัดระดับฯ ด้วยนะจ้ะ ลองมาเป็นศิษย์สำนักเดียวกันได้ (^^)/
พบกันใหม่คราวหน้า สวัสดีจ้า
เรื่องแนะนำ :
– นิฮงโกะ ไดอารี่… สอบวัดระดับภาษาญี่ปุ่น
– นิฮงโกะ ไดอารี่… การแนะนำตัวนั้นสำคัญไฉน
– นิฮงโกะ ไดอารี่… เรียนภาษากรุบกริบในอาหารญี่ปุ่น
– นิฮงโกะ ไดอารี่… ภาษาญี่ปุ่นเรียนออนไลน์ก็ได้ เรียนออฟไลน์ก็ดี
– นิฮงโกะ ไดอารี่… ตัวอักษรญี่ปุ่นวุ่นวายนัก
#ภาษาญี่ปุ่น #เรียนภาษาญี่ปุ่นออนไลน์ #นิฮงโกะ ไดอารี่… สอบวัดระดับภาษาญี่ปุ่น ศัพท์เยอะมากไหม คันจิเยอะแค่ไหน