เรียนภาษาญี่ปุ่นแบบไหนดี?!? จากประสบการณ์ตรงของผู้เขียน การเรียนภาษา (ญี่ปุ่น) ทั้งในห้องเรียนจริงๆ และห้องเรียนออนไลน์ ก็มีข้อดี และข้อไม่ถูกจริตอยู่บ้าง แตกต่างกันไป…
จากประสบการณ์ตรงของผู้เขียน การเรียนภาษา (ญี่ปุ่น) ทั้งในห้องเรียนจริงๆ และห้องเรียนออนไลน์ ก็มีข้อดี และข้อไม่ถูกจริตอยู่บ้าง แตกต่างกันไป…
เรียนภาษาญี่ปุ่นออฟไลน์ (เข้าห้องเรียน)
“ไม่มีใครแก่เกินเรียน” ก็เข้าใจอยู่… แต่ถ้าเป็นผู้ใหญ่วัยทำงาน เวลาเดินเข้าห้องเรียนภาษาญี่ปุ่นเบื้องต้น มันก็จะแหม่งๆ นิดนึง ไม่เขินน้องๆ หลานๆ ก็เขินตัวเองนี่แหล่ะ (><)
อย่างไรก็ตาม ผู้เขียนก็สามารถก้าวผ่านความรู้สึกนี้มาได้อย่างไม่ยากเย็นนัก แม้จะยังรู้สึกนิดๆ แต่ก็หาได้แคร์ไม่ เพราะ “ความรู้” เป็นสิ่งหนึ่งที่มาคู่กับสำนวน “ด้านได้ อายอด” ได้อยู่เหมือนกัน
เรียนภาษาญี่ปุ่นตอนเข้าสู่วัยทำงาน… ก็จะสมาธิสั้นหน่อยๆ ฮะ ฮะ
ก็เพราะโตแล้ว มีเรื่องต้องรับผิดชอบเยอะ ประสบการณ์รอบตัวเยอะ ก็เลย… คิดเยอะ (เกิ้นนนน)
เวลาเซนเซเรียกตอบคำถามอะไร ก็จะคิดตามสถานการณ์ไม่ค่อยออก เพราะถ้าเป็นสถานการณ์เดียวกัน น้องๆ ก็จะคิดเร็ว ตอบเร็ว มีคำตอบสไตล์วัยรุ่นให้เซนเซ ส่วนผู้เขียน… ก็คิดเยอะไง สถานการณ์ธรรมดาๆ ยังไม่รู้จะยกคำตอบไหนมาประกอบให้เป็นประโยคให้เซนเซเก็ทได้เลย เหอๆ ทำให้บางทีก็รู้สึกว่าคิดคำตอบนานจนอายเด็ก! ไม่รู้จะตอบกันรวดเร็วฉับไวอะไรกันนักหนา \(><)/
เรียนภาษาญี่ปุ่นตอนเข้าสู่วัยทำงาน… ก็จะบริหารเวลาลำบากหน่อยๆ
สมัยนี้โรงเรียนน้องๆ เค้าเลิกเรียนกันไว แป๊บๆ ก็มานั่งรอเรียนภาษาญี่ปุ่นในตอนเย็นกันได้แล้ว หรือไม่ก็เป็นช่วงปิดเทอม น้องๆ จะมีเวลาทำการบ้าน มีเวลาทบทวนบทเรียนภาษาญี่ปุ่นเยอะขึ้นไปอี๊ก แต่มนุษย์ป้าวัยทำงานนี่สิ ตอนเย็นเลิกงาน ก็ต้องพยายามไปเข้าเรียนคลาสภาษาญี่ปุ่นให้ทัน กว่าจะถึงที่หมาย ก็ไม่ต้องทบทวนอะไรกันแล้ว ไปให้เซนเซเช็คชื่อให้ทันก็หอบจับแล้วจ้า…
แต่ในความขลุกขลักที่ต้องเข้าเรียนร่วมกับรุ่นน้อง (หรือบางทีก็รุ่นหลาน) มันก็ได้เอเนอจี้ดีนะ เหมือนได้ย้อนไปสมัยเป็นนักเรียน ได้บรรยากาศความเป็นห้องเรียน สร้างความกระตือรือร้นในการเรียนได้มากขึ้น แล้วก็กระตุ้นตัวเองเบาๆ ไม่ให้เรียนแพ้น้องๆ อย่างน้อยก็เรียนให้เท่าทันเพื่อนห้องเดียวกันให้ได้ ยังไงๆ ก็ดีกว่านั่งอ่านหรือพยายามเรียนด้วยตนเองแบบเหงาๆ อยู่ที่บ้าน
เรียนภาษาญี่ปุ่นออนไลน์
ที่แน่ๆ หากเรียนทางออนไลน์ เราจะสามารถประหยัดเวลาในการเดินทางได้ (ยิ่งเวลาติดธุระนะ ผู้เขียนก็เปิดแอพฯ เรียนในรถไปเลยจ้าาาา เรียกว่าอยู่ที่ไหน ฉันก็จะเรียน!)
ที่แน่ๆ เลี่ยงโควิด-19 ได้ (ไม่มาก ก็น้อยล่ะ)
แต่… ถ้าทรัพยากรในการเรียนของเราไม่พร้อม เช่น คอมพิวเตอร์ แท็ปเล็ต มือถือ สัญญาณเน็ต ฯลฯ อันนี้ก็ตัวใครตัวมัน (><)
ตัวผู้เขียนเคยเรียนแบบเข้าห้องเรียนมาก่อน พอได้เข้าเรียนแบบออนไลน์ ก็รู้สึกเปรียบเทียบขึ้นทันที คือแบบออนไลน์มันสะดวกมากๆ เลยล่ะ แต่คุณจะต้องเข้าใจโปรแกรมที่เซนเซใช้ในการเรียนการสอนพอสมควร (อันนี้สำหรับผู้เขียน ถือว่าไม่หนักหนาอะไร) และแม้จะเป็นการเรียนแบบออนไลน์ เราก็ยังมีการฝึกทักษะการสนทนาแบบตัวต่อตัวกับเพื่อน ตัวต่อตัวกับเซนเซ (สองแบบนี้ก็จะอายน้อยกว่าตอนเรียนในห้องเรียนหน่อย ฮ่าๆ) และสนทนาร่วมกันทั้งชั้นเรียน ซึ่งจำเป็นที่จะต้องใช้ทักษะการสื่อสารมากขึ้นกว่าตอนเรียนในห้องเรียนนิดหน่อย สนุกดีนะ
ตอนนี้ผู้เขียนเรียนแบบออนไลน์ที่ J-Center วิธีการเข้าห้องเรียน วิธีการติดต่อกับเซนเซ วิธีส่งการบ้าน วิธีสื่อสารกับโรงเรียน ฯลฯ ถือว่าสะดวกมากๆ
หากใครมีประสบการณ์การเรียนภาษาญี่ปุ่นแบบออฟไลน์หรือออนไลน์ ชอบไม่ชอบยังไง ก็มาแชร์กันได้…
แต่สิ่งที่ผู้เขียนสังเกตได้อย่างชัดเจนแน่ๆ เมื่อลงทะเบียนเรียนภาษาญี่ปุ่น ก็คือ… ไม่ว่าจะเรียนแบบออฟไลน์ หรือออนไลน์ เซนเซและเพื่อนร่วมชั้นจะช่วยให้เราได้รู้สิ่งละอันพันละน้อยมากกว่า การเรียนรู้ด้วยตัวเองอย่างแน่นอน
เซนเซจะมีกรอบเวลาให้เรา ทั้งกำหนดส่งการบ้าน การทำแบบฝึกหัดในห้อง กำหนดการเข้าห้องเรียน สอนเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยทางภาษาให้เรา ตอบคำถามของเรา ฯลฯ เป็นสิ่งที่เราจะหาไม่ได้จากการฝึกด้วยตัวเอง (แถมจะขี้เกียจท่อง ขี้เกียจทำการบ้าน จนเรียนไปไม่นานก็ลืมซะเปล่าๆ) การลงทะเบียนเรียน จึงถือเป็นการสร้างวินัยในการเรียนให้ตัวเรา เหมาะอย่างยิ่ง สำหรับคนเรื่อยเปื่อยอย่างผู้เขียน ต้องมีคนคอยเฆี่ยน คอยกระตุกเบาๆ ฮ่าๆ
ส่วนเพื่อนๆ ในชั้นเรียน ก็ยังเป็นตัวกระตุ้นในการเรียนด้วย คำถามของเพื่อน เราก็ได้ประโยชน์ การทบทวนกับเพื่อน เราก็ได้ประโยชน์ การลอกการบ้านเพื่อน (ไม่สิๆ ปรึกษาเรื่องการบ้านกับเพื่อน) เราก็ได้ประโยชน์ ฮ่าๆ
ดังนั้นส่วนตัวแล้ว ไม่ว่าจะเรียนภาษาญี่ปุ่นแบบเข้าห้องเรียนจริง หรือเข้าห้องเรียนออนไลน์ ก็ได้ประโยชน์เยอะกว่า แล้วก็สนุกกว่า เรียนตัวเองอย่างแน่นอน ถ้ามีเวลาก็ไปลงทะเบียนเรียนดีกว่าจริงๆ นะแหล่ะ แบบไหนก็ได้ เอาที่เราสะดวกใจและเหมาะกับไลฟ์สไตล์เรา เป็นดีที่สุด (^^)
เรื่องแนะนำ :
– นิฮงโกะ ไดอารี่… ตัวอักษรญี่ปุ่นวุ่นวายนัก
– นิฮงโกะ ไดอารี่… สอบวัดระดับภาษาญี่ปุ่น
– นิฮงโกะ ไดอารี่… เหตุผลของผู้เริ่มต้น
– ยุคโควิดกับชีวิตติดเรียน…ภาษาญี่ปุ่นออนไลน์ (Jcenter)
– ญี่ปุ่นเปิดตัวเครื่องวัดความดันที่สามารถบันทึกคลื่นไฟฟ้าหัวใจได้ในเครื่องเดียว
#นิฮงโกะ ไดอารี่… ภาษาญี่ปุ่นเรียนออนไลน์ก็ได้ เรียนออฟไลน์ก็ดี #ภาษาญี่ปุ่น #เรียนภาษาญี่ปุ่นออนไลน์