ยุคโควิดกับชีวิตติดเรียน…ภาษาญี่ปุ่นออนไลน์ (Jcenter) … กักตัวช่วงโควิดอย่างสร้างสรรค์ มาเพิ่มพูนศักยภาพชีวิตและสมอง ด้วยการเรียนภาษาญี่ปุ่นแบบออนไลน์กันดีกว่า 😉
กักตัวช่วงโควิดอย่างสร้างสรรค์ มาหากิจกรรม เพิ่มพูนศักยภาพชีวิตและสมองของตัวเองในแต่ละวันอย่างมีประโยชน์ ด้วยการเรียนภาษาญี่ปุ่น (ออนไลน์) ดีกว่า 😉 ไหนๆ ก็ยังไปเที่ยวญี่ปุ่นไม่ได้ งั้นขออัพเลเวลสักนิด ไปเที่ยวญี่ปุ่นครั้งต่อไป เราจะได้เที่ยวญี่ปุ่นแบบฟินขึ้นไปอี๊กกกกก \(^o^)/
ช่วงสถานการณ์กักตัวช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อ coronavirus (Covid-19) … หลายคนก็ Work From Home (WFH) แล้วก็พยายามจะไม่ออกไปเตร็ดเตร่ที่ไหนกันใช่ไหมล่ะ เราก็ด้วย! แล้วเราก็ได้วิธีแก้เบื่อที่ทั้งสนุก ได้เพิ่มพูนความรู้ ลดความขี้เกียจในตัวเอง นั่นคือการเรียนภาษาญี่ปุ่นออนไลน์ (ออกตัวก่อนว่า… เรานั้นภาษาญี่ปุ่นอ่อนด้อยสุดๆ)
หาเรื่องเรียนภาษาญี่ปุ่น อีกแล้ว!
อันที่จริง ก็เคยเรียนกับทาง Jeducation Center หรือ Jcenter มาแล้ว มีโอกาสได้เข้าคลาสเรียนอยู่เป็นปีๆ แล้วก็พบปัญหาส่วนตัวคือทักษะการพูดไม่ค่อยพัฒนา
1) ดันคล่องภาษาอังกฤษมากกว่า คิดเป็นภาษาอังกฤษ ก่อนจะคิดเป็นภาษาไทยซะอีก (เคยกันไหม… ฝันเป็นภาษาอังกฤษอ่าาาา แถมคำภาษาไทยง่ายๆ บางทียังคิดไม่ออก คิดออกแต่ภาษาอังกฤษ ดัดจริตมาก!) แล้วภาษาญี่ปุ่น… จะไปคิดออกมาทันได้ยังไงล่ะ (><)
2) ไปญี่ปุ่นบ่อยมาก แต่พอจะฝึกพูดภาษากับเจ้าถิ่น เค้าก็ดันอยากฝึกภาษาไทยกับภาษาอังกฤษกับเราซะอย่างนั้น จบจ้าาาา แล้วเมื่อไรจะได้พูดภาษาญี่ปุ่นล่ะจ้ะ (T_T)
3) ชอบทำ มากกว่าพูด! ดังนั้นพอฟังเข้าใจแล้ว ก็ทำเลย.. โดยไม่คิดว่าจำเป็นต้องพูดตอบโต้ใดๆ ทั้งสิ้น ทำแบบนี้จนชิน อนาถตัวเองมาก (- -)”
บรรยากาศเรียนภาษาญี่ปุ่นออนไลน์กับ Jcenter
บรรยากาศเรียนภาษาญี่ปุ่นออนไลน์กับ Jcenter
บรรยากาศเรียนภาษาญี่ปุ่นออนไลน์กับ Jcenter
ตลอดเวลาที่เข้าคลาสเรียนภาษาญี่ปุ่นกับ Jcenter ก่อนหน้านี้… สนุกมาก แต่ก็กดดันตัวเองในเรื่องทักษะการพูด ทั้งๆ ที่ยิ่งเรียนมากขึ้น ก็ต้องฝึกพูดในห้องเรียนเยอะมากขึ้นแท้ๆ อย่างไรก็ตาม โดยส่วนตัวแล้วการเข้าคลาสเรียน ถือว่าเป็นโอกาสเดียวที่จะได้พูด ได้ใช้ภาษาญี่ปุ่นมากที่สุดจริงๆ (ก็ไม่ได้มีเพื่อน มีแฟน มีเจ้านาย ฯลฯ เป็นคนญี่ปุ่นนี่นา)
แม้จะไปญี่ปุ่นบ่อยๆ แต่พอไปถึงญี่ปุ่น คนญี่ปุ่นที่เราต้องคุยด้วยส่วนใหญ่ไม่ค่อยยอมสื่อสารกับเราเป็นภาษาญี่ปุ่น เป็นญี่ปุ่นสมัยใหม่ที่ชอบฝึกทักษะด้านภาษากับชาวต่างชาติอ่ะนะ ดังนั้นเซนเซนี่แหล่ะ คนญี่ปุ่นที่เราสามารถพูดคุยด้วยได้มากที่สุด
อย่างไรก็ตาม เรากลับจำต้องโดดคลาสเรียนบ่อยสุดๆ ด้วยความที่ต้องบินไปญี่ปุ่น ช่วงนั้นเดินทางหนักมาก บางเดือน 2-3 ครั้ง ต้องให้เพื่อนส่งการบ้าน ส่งแบบฝึกหัดมาให้ รันทดมากกับผลการเรียนที่ตกต่ำลงเรื่อยๆ สุดท้ายจึงต้องยอมปล่อยมือ เพราะยิ่งสูงยิ่งหนาว บทเรียนยากขึ้น จนต้องหยุดเรียนไปก่อน…
แต่ที่เรียนมาทั้งหมด ตั้งแต่ระดับ Beginner ถือว่าได้อะไรมาเยอะมากจริงๆ แอบจับได้ว่ามีคนญี่ปุ่นรวมกลุ่มนินทาพวกเราอยู่หลายหนเลย เพราะพวกเขาไม่รู้ว่าไอ้คนที่ร่วมทริปกันมา 4-5 วันนี่ มันฟังภาษาญี่ปุ่นรู้เรื่อง เพราะมันไม่ได้พูด! เหอะๆ
(คงต้องฝึก speaking skill ให้ตัวเองหนักๆ หน่อย แต่จะฝึกกับใครดีละเนี่ย พอ covid มา ก็ไม่ได้ป๊ะกับคนญี่ปุ่นเลย ><)
พอช่วงนี้ไม่ได้บิน… มีเวลาเรียนแล้ว ถือเป็นโอกาสดีที่จะได้ฟื้นฟูความรู้ด้านภาษาญี่ปุ่น แถมยังจะได้เรียนในรูปแบบออนไลน์ แปลกใหม่ดี ตอนตัดสินใจเรียน ตื่นเต้นสุดๆ
(ตื่นเต้นตั้งแต่สอบ Placement test แล้วอ่ะ ถ้าต้องย้อนกลับไปเรียนคลาสเก่าไกลมากๆ ก็คงรู้สึกละอายใจตัวเอง เสียดายที่เอาบทเรียนคืนเซนเซไปซะหมด ก็เลยตื่นเต้น…)
เรียนคลาสไหน.. ใครเลือก!?!
สำหรับการจะเข้าเรียนภาษาญี่ปุ่นที่ Jcenter นั้น ไม่ใช่ตัวเราที่จะเลือกเรียนคลาสอะไรก็ได้ แต่เป็นเซนเซ (คุณครู) ที่จะระบุให้เราว่า.. เราควรจะเข้าเรียนคลาสระดับไหน ไม่ว่าจะเป็นคลาสระดับเริ่มต้น ระดับกลาง ระดับสูง ฯลฯ ผ่านข้อสอบวัดระดับความรู้ หรือ Placement Test ก่อน ถึงจะรู้
Placement Test จะมีทั้งข้อเขียน (1 ชั่วโมง) และสนทนากับเซนเซ อันนี้ใช้เวลาไม่นาน … ซึ่งครั้งแรก เราเริ่มเรียนตั้งแต่ B1 (คลาสสำหรับผู้เริ่มต้นคลาสแรก ว่ากันตั้งแต่เริ่มทำความรู้จักกับตัวอักษรภาษาญี่ปุ่นกันเลย)
ส่วนการกลับมาเรียนในรูปแบบออนไลน์ครั้งนี้ เราก็ต้องสอบ Placement Test ใหม่อีกครั้ง โดยมีเวลาทำข้อสอบข้อเขียนแบบออนไลน์ประมาณ 1 ชั่วโมง แล้วก็สอบสนทนากับเซนเซ ซึ่งเป็นรูปแบบออนไลน์เหมือนกัน เสร็จแล้วเซนเซก็จะบอกว่าเราควรลงเรียนคลาสระดับไหนถึงจะเหมาะ
ระดับคลาสเรียนภาษาญี่ปุ่นของ Jcenter
เช็ครายละเอียดระดับคลาสเรียน ได้ ที่นี่
(ครั้งนี้ เราต้องย้อนกลับไปเรียนของเก่า ย้อนไปประมาณ 6 คลาส อับอายขายขี้หน้าตัวเองสุดๆ… แต่ก็เหมือนได้ทบทวนเนื้อหาตอนที่เราโดดเรียนบ่อยๆ ในช่วงที่เรียนครั้งก่อน ดีเหมือนกันนะ)
ค่าคลาสเรียนสดแบบออนไลน์ ก็จะประมาณนี้ …
B1 (39 ชม.) >> วันธรรมดา 7,000 บาท วันเสาร์/อาทิตย์ 7,800 บาท
B2 – P6 (33 ชม.) >> วันธรรมดา 5,900 บาท วันเสาร์/อาทิตย์ 6,600 บาท
*สอบ Placement Test แล้วสมัครเรียนเลย Jcenter จะมีส่วนลดให้ / สำหรับผู้ที่เรียนต่อเนื่องก็มีส่วนลดให้ / และถ้าผลการเรียนดีก็จะมีส่วนลดเพิ่มไปอีก
เช็ครายละเอียดคลาสเรียน เวลาเรียน ค่าเรียน ฯลฯ ได้ ที่นี่
ห้องเรียนภาษาญี่ปุ่นออนไลน์
หลังจาก Placement Test เราได้คลาสเรียนในหลักสูตรภาษาญี่ปุ่นทั่วไป (สัปดาห์ละ 3 ชั่วโมง รวม 33 ชั่วโมง) แบบวันธรรมดา ซึ่งจะแบ่งเรียน 2 วัน/สัปดาห์ วันละ 1 ชั่วโมงครึ่ง)
ก่อนที่จะเริ่มเรียน…
สิ่งที่เราต้องเตรียมคือ หนังสือเรียน / แบบฝึกหัด / หนังสือเรียนตัวอักษรคันจิ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เราจะต้องปรึกษากับทางสต๊าฟของทาง Jcenter เอานะ ว่าคลาสเราต้องใช้ตัวไหน
สื่อการเรียนการสอนที่สำคัญนอกจากโปรแกรม Zoom ที่เราจะใช้ในการเรียนออนไลน์กัน ก็คือแอปพลิเคชั่น “Loilo Note” ที่ต้องใช้ประกอบในการเรียนทุกครั้ง รวมถึงใช้ส่งการบ้านและแบบฝึกหัดต่างๆ ด้วย สะดวกมากๆ ซึ่งทาง Jcenter จะเตรียม user/password ไว้ให้เรานะ
แอพฯ Loilo Note หนึ่งในเครื่องมือเรียนภาษาญี่ปุ่นออนไลน์ของเรา (^^)
แอพฯ Loilo Note หนึ่งในเครื่องมือเรียนภาษาญี่ปุ่นออนไลน์ของเรา (^^)
จากนั้นทาง Jcenter จะเปิดกลุ่ม Line ให้กับนักเรียนแต่ละคลาส เราสามารถเข้ามาพูดคุย สอบถาม เม้าท์มอยเรื่องเรียนกันได้ที่นี่ และแน่นอนว่าจะมีทีมงานของทาง Jcenter อยู่ในกลุ่มด้วย ซึ่งก็ช่วยเราในการอัพเดตข้อมูลในหลายๆ ด้าน
เนื้อหาในการเรียนแต่ละสัปดาห์ ก็จะมีทั้งเรียนศัพท์ เรียนไวยากรณ์ เรียนอักษรคันจิ ฝึกสนทนากับเพื่อนร่วมชั้น ทำแบบฝึกหัดและทำการบ้าน ซึ่งก็มีการสอบย่อย การสอบหลังจบการเรียนในแต่ละบท มีความตื่นเต้นกันแทบทุกชั่วโมงเรียน ถ้าใครไม่ได้ทบทวน ไม่ขยันท่องศัพท์ เวลาสอบก็จะรู้สึกขนลุกกันเบาๆ ดังนั้น ไม่มีโอกาสให้ขี้เกียจนะจ้ะ เรียนภาษาก็ต้องขยันทบทวนหน่อย ฮ่าๆ
นอกจากนี้ ยังมีการสอบจบคลาสแบบออนไลน์ ที่มีเกณฑ์ค่อนข้างสูง แบบข้อเขียนจะมีการเปิดกล้องไว้ตลอด 1 ชั่วโมง อย่าได้หวังจะขี้โกง หึๆ (โกงไปก็เท่านั้น เพราะเรียนภาษา เราก็ต้องหวังจะนำไปใช้จริงอ่ะดิ ถ้ายังต้องโกง… ก็แสดงว่า เรายังไม่สามารถนำสิ่งที่เราเรียนมา ไปใช้ไม่ได้อ่ะดิ แล้วจะเสียตังค์เรียนเพื่อ???)
และการสอบจบคลาส แบบสนทนา ก็คล้ายๆ กับตอนสอบ Placement Test แต่จะเป็นบทสนทนาที่เกี่ยวพันกับคำศัพท์ และไวยากรณ์ ที่เราเรียนมาในคลาสนี้ทั้งหมด
แต่ไม่ว่าจะเป็นสอบข้อเขียนหรือสอบสนทนา… ก็ไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้น เพราะเป็นเนื้อหาที่เรียนมาในคลาสทั้งนั้น รวมทั้งเซนเซก็ขยันทบทวนให้พวกเรา ทบทวนแล้ว ทบทวนอีก เราเพียงต้องทบทวนซ้ำๆ เองด้วย ตามที่เซนเซสอน นอกจากสอบผ่านได้ไม่ยากแล้ว ยังจะสามารถนำใช้ได้จริงๆ ด้วย ผลประโยชน์ก็ตกอยู่ที่ตัวนักเรียนอย่างพวกเรานั่นเอง ดีงามมากๆ
นอกจากทาง Jeducation จะมีคอร์สเรียนภาษาญี่ปุ่นทั้งแบบเรียนสดออนไลน์ และแบบเรียนสดที่สถาบันหลากหลายหลักสูตรแล้ว ยังเป็นศูนย์แนะนำการศึกษาต่อญี่ปุ่น แล้วยังช่วยให้ข้อมูลการสอบวัดระดับภาษา (JLPT) ด้วยนะเออ! ที่นี่มีบริการข้อมูลด้านการศึกษาญี่ปุ่นค่อนข้างแน่น แล้วสต๊าฟก็เป็นกันเอง น่ารักมากๆ แนะนำเลยจ้า!!
ใครสนใจ… ก็เข้าไปดูข้อมูล Jeducation ได้ด้านล่างนี้นะ
Website: https://jeducation.com
Facebook: https://www.facebook.com/jeducationfan/
Twitter: https://twitter.com/jeducation_news
YouTube: https://www.youtube.com/user/JeducationVDO
Line: https://lin.ee/dm87wUm
เรื่องแนะนำ :
– เปิดโลกอิสระที่แดนอาทิตย์อุทัย กับการเรียนภาษาญี่ปุ่นระยะสั้น
– เรียนภาษาในเจแปน แสนสาหัส
– นิสัยที่ซึมลึกของคนที่เรียนภาษาญี่ปุ่น =ภาคต่อ=
– นิสัยที่ติดมา (โดยไม่รู้ตัว) ของคนที่เรียนภาษาญี่ปุ่น
– ฝึกฝนใส่ใจเรียนภาษาญี่ปุ่นในไทยก็ใช้งานได้
ที่มาและรูปภาพ :
https://jeducation.com
#ยุคโควิดกับชีวิตติดเรียน…ภาษาญี่ปุ่นออนไลน์ (Jcenter)