ญี่ปุ่นทุกคนจะรู้จักนักเตะสาวทีมชาติญี่ปุ่นในชื่อเล่นที่ว่า Nadeshiko Japan (なでしこ ジャパン) นาเดะชิโกะเจแปน (คล้ายๆ ที่เราเรียกทีมชาติไทยว่า ทีมช้างศึก) นาเดชิโกะคือพืชตระกูลดอกหญ้าที่มีลักษณะเด่นคือไม่ว่าจะโดนเหยียบกี่ครั้ง ก็จะลุกขึ้นมาตั้งอยู่ได้
ถึงผู้เขียนจะเป็นซาลารี่แมนบ้าพลัง แต่ผมชอบฟุตบอลมาก… ญี่ปุ่นทุกคนจะรู้จักนักเตะสาวทีมชาติญี่ปุ่นในชื่อเล่นที่ว่า なでしこ ジャパン นาเดะชิโกะเจแปน (คล้ายๆ ที่เราเรียกทีมชาติไทยว่า ทีมช้างศึก) นาเดชิโกะคือพืชตระกูลดอกหญ้าที่มีลักษณะเด่นคือไม่ว่าจะโดนเหยียบกี่ครั้งก็จะลุกขึ้นมาตั้งอยู่ได้

อาทิตย์ที่แล้วผมรู้ข่าวร้ายว่าทีมชาติหญิงญี่ปุ่น นาเดชิโกะตกรอบคัดเลือกฟุตบอลโอลิมปิคไปเรียบร้อยโรงเรียนญี่ปุ่น หลายๆ ท่านคงไม่ได้รู้สึกอะไร และคงคิดว่าการแข่งขันมันจะมีทีมแพ้ชนะ เป็นเรื่องธรรมดา แต่หากใครเป็นแฟนพันธุ์แท้ของ นักเตะสาวแดนซามูไรแล้วจะพบว่า
“นี่คือข่าวช็อคโลก… และนี่คืออวสานของฟุตบอลญี่ปุ่นอีกหนึ่งยุค….”
เพราะอะไรนะหรือครับ.. เพราะเมื่อห้าปีที่แล้วนาเดชิโกะเจแปนคือแชมป์ฟุตบอลโลกหญิง!! และเมื่อปีที่แล้วพวกเธอก็ยังคือรองแชมป์โลก! นี่คือทัพนักเตะสาวที่เป็นความภาคภูมิใจของชาวเอเซีย พวกเธอสร้างความยิ่งใหญ่ให้โลกลูกหนังเห็นว่าทั้งๆ ที่สาวเอเซียตัวเล็ก แต่พวกเธอก็ต่อกรในระดับโลกได้อย่างสง่าผ่าเผย ผมเคยได้ดูถ่ายทอดสดในนัดที่ทีมชาติญี่ปุ่นพบกับทีมชาติอเมริกาในนัดชิงชนะเลิศเมื่อห้าปีที่แล้ว มันคือการแข่งขันที่ราวกับเป็นดราม่าแห่งความฝันบนผืนหญ้าสีเขียว…
ทีมชาติญี่ปุ่นที่ตกเป็นฝ่ายตามตลอดเกม แต่ที่น่าประทับใจคือพวกเธอยิงประตูตีเสมอทีมอเมริกาสุดล้ำค่าได้ทั้งๆ ที่เหลือเวลาอีกไม่ถึงสามนาที มันเหมือนราวกับประตูดราม่าชีวิต… ทำให้เกมในนัดชิงนั้นต้องตัดสินถึงการดวลจุดโทษ และนาเดชิโกะ เจแปนก็สร้างประวัติศาสตร์ใหม่ของโลกวงการฟุตบอล : ทีมชาติหญิงญี่ปุ่น คว้าแชมป์ฟุตบอลโลกในปี 2011!!
ถึงแม้ในวันนี้พวกเธอจะผิดหวังครั้งใหญ่ในเวทีโอลิมปิค แต่ในตลอดกว่าห้าปีที่ผมติดตามนาเดะชิโกะมาโดยตลอด ผมมีข้อคิดดีๆ จากหนึ่งในทีมฟุตบอลที่มหัศจรรย์ที่สุดในประวัติศาสตร์มาให้กำลังใจผู้อ่านทุกท่าน
หนึ่งเรื่องเล็กๆ อาจจะเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
อาวุธของนาเดชิโกะเจแปน ไม่มีอะไรจะโดดเด่นไปกว่าการส่งบอลที่แม่นยำแต่เพราะความแม่นกันระดับเซนติเมตร ทำให้เธอกลายเป็นทีมที่ยิ่งใหญ่ของโลก แต่ที่น่าสนใจและฮากว่านั้นคือผู้จัดการทีมชาติแข้งสาวญี่ปุ่น “คุณซาซากิ” ผู้ชายที่อยู่เบื้องหลัง ความมหัศจรรย์นี้ ในวันแรกที่เขารับหน้าที่เป็นผู้จัดการทีมนักเตะสาวญี่ปุ่น เขาเล่าให้ภรรยาฟัง… บอกว่าพรุ่งนี้จะไปเจอเด็กๆ ลูกทีม ภรรยาเดินขึ้นไปชั้นสองทันที และเอาของสิ่งหนึ่งมาวางต่อหน้าซาซากิ มันคือ กรรไกรตัดขนจมูก!!!
“ไม่มีผู้หญิงคนไหน อยากจะอยู่ใกล้หรือจะเชื่อฟังผู้ชายที่มีขนจมูกแล่บออกมาหรอก”
คนญี่ปุ่นในทุกสายงานอาชีพจึงเน้นมากกับ ความละเอียดลออ และใส่ใจในเรื่องเล็กๆ
เรื่องที่สอง จิตวิญญาณของนักกีฬา
มะยาม่า อายะ… หนึ่งในสมาชิกนาเดะชิโกะ เจแปนที่ต้องกล่าวถึงมากที่สุด ในวินาทีที่ทีมชาติญี่ปุ่นส่งลูกบอลเข้าสู่ตาข่ายจนได้เป็นแชมป์โลก เหล่านักเตะซามูไรสาววิ่งกรูกัน ตะโกนแสดงความยินดีกันสุดเหวี่ยง แต่อายะกลับเดินไปในทิศตรงข้าม และกอดนักเตะอเมริกาทีละคนๆ เธอทำให้โลกเห็นคุณค่าของเกมกีฬาที่อยู่เหนือรางวัล ท่านผู้อ่านสามารถดูคลิปจริงๆ ได้ที่
หรือแม้แต่ในนัดที่ทีมชาติญี่ปุ่นเอาชนะทีมชาติฝรั่งเศสตัวเต็งได้ ในปี 2015 อายะซังนี่แหล่ะ เป็นคนไปปลอบนักเตะฝรั่งเศสที่ร้องไห้กลางสนาม สื่อหลายประเทศชื่นชมและประทับใจ อายะซังมาก… เราคุ้นเคยกับจิตวิญญาณนักสู้ของญี่ปุ่นกันมามากมาย แต่พวกเธอมีมากกว่านั้น… จิตวิญญาณที่เห็นใจผู้ที่สูญเสียความหวัง

สาม อันนี้สำคัญที่สุด คือเรื่องความหวัง
แต่ความจริงของโลกก็คือ ความสุขไม่เป็นนิรันดร์ กลางเดือนมีนาคม… นาเดชิโกะ เจแปนดีไม่พอที่จะไปโอลิมปิคที่ริโอ เดอจาเนโร (ดินแดนที่ฟุตบอลเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่สุดในโลก) พวกเธอร้องไห้กันเหมือนเป็นเด็ก ผู้จัดการทีมคุณซาซากิ พร้อมกับนักคู่บุญ อายะซังก็ลาออกจากทีมชาติทันที ผู้เขียนจะไม่บรรยายความผิดหวังมากไปกว่านี้แต่สิ่งที่พวกเราได้เรียนรู้ในยามที่ทุกอย่างไม่ได้หอมหวาน ซาซากิพูดว่า
เวลาความสุขมันมีวันหมด พลังของพวกเราก็มีจำกัด… แต่ความหวังเท่านั้นที่เป็นอนันต์ได้…. อย่าสูญเสียมันไป
พิธีกรชายทิ้งท้ายในวันแถลงข่าว การลาออกของซาซากิซังด้วยเสียงสั่นคลอว่า “เราหวังว่านาเดชิโกะจะกลับมา…” นาเดเชิโกะที่ไม่ว่าจะโดนเหยียบกี่ครั้ง ก็จะลุกขึ้นมาตั้งอยู่ได้.. แล้วเจอกันที่โตเกียวโอลิมปิค 2020

เรื่องแนะนำ :
– มีนาคม…. Season Change
– วันที่หัวใจโตเกียวรวมเป็นหนึ่ง
– ว่าด้วยเรื่องสมอง
– Giri Choco ช็อกโกแลตแห่งม่านประเพณี