วิชายุทธ วิถีเซน by Lordofwar Nick
มาอ่าน “คัมภีร์ห้าห่วง” ของมูซาชิด้วยกันเถอะ (69) คัมภีร์แห่งเตโช (ไฟ): ยี่สิบเอ็ด สิ่งที่เรียกว่า การบี้ให้แบน
สวัสดีครับท่านผู้อ่าน ขณะที่ท่านผู้อ่านกำลังอ่านอยู่ตอนนี้ ผมคงลงไป กทม. ไปแข่ง AFG ที่ ม.รังสิต แล้วล่ะครับ ก็นับว่าเป็นเสาร์สุดท้ายของเดือนพฤษภาคมแล้วน่ะนะ เดือนนี้เป็นเดือนที่ “หนักหน่วง” ในจังหวะชีวิตอยู่เหมือนกัน ทั้งเรื่องการงานและเรื่องส่วนตัว แต่ก็หวังว่า จะผ่านสิ่งต่างๆ ไปได้ สู้ไปได้ ขอเพียงทำใจให้เข้มแข็ง ใจที่เข้มแข็ง จะเข้มแข็งได้ ก็ต้องมีศรัทธา มีความเชื่อในสิ่งที่ถูกต้องเสียก่อน
แต่ทั้งนี้ก็ต้องพักผ่อนให้เพียงพอด้วย…เพื่อชาร์จพลังกายและพลังใจ บีเจเจเป็นกีฬาต่อสู้ที่หนักหน่วง ไม่ได้หนักแต่กายเท่านั้นแต่หนักจิตด้วย มันถึงจุดหนึ่งก็ต้องพักเบรค กายและจิต กันบ้างเหมือนกัน
ช่วงนี้ผมไม่รู้ทำไมกลับมาสนใจอ่านเรื่องประเด็นปัญหาสุขภาพจิตที่เป็นปัญหาสังคมไปด้วยอย่าง “ฮิคิโคโมริ” อะไรพวกนี้ ซึ่งเดี๋ยวจะขออนุญาตดิสคัสอีกทีในช่วงอภิปรายนะครับ ว่าแล้วก็ ไปดูเนื้อหาหลักวันนี้กันเลยครับ
คำแปลข้อความต้นฉบับ
火の巻
คัมภีร์แห่งเตโช
二一 一 ひしぐと云事
ยี่สิบเอ็ด สิ่งที่เรียกว่าการบี้ให้แบน
`ひしぐ `と云は `縦ば敵をよわく見なして我つよめになつてひしぐと云ふ心専也 `大分の兵法にしても敵に人数のくらゐを見こなし又は大勢なり共敵うろめきてよわみつく所なれば `ひしぐ `と云てかしらよりかさをかけておつぴしぐ心なり `ひしぐ事よわければもてかへす事有 `手の内ににぎつてひしぐ心能々分別すべし
ที่เรียกว่า “บี้ให้แบน” นั้น สมมุติว่าเห็นว่าศัตรูอ่อนแอ ตนเองเข้มแข็ง จิตที่เรียกว่าบี้ให้แบนนั้นเป็นเรื่องใหญ่สำคัญ แม้พิชัยสงครามของส่วนใหญ่ดูให้สุก (แผลงเป็น ดูให้แทงตลอด) ซึ่งตำแหน่งของจำนวนคนที่ศัตรูหรือแม้คนมากแต่ศัตรูลน หากถึงที่อ่อนแอละก็ เรียกว่า “บี้ให้แบน” ใส่ปริมาณเข้าไปจากหัว ตั้งจิต กดบี้ให้แบน หากการบี้ให้แบนนั้นอ่อนแอ อาจมีการฟื้นขึ้นมาใหม่ได้ จิตที่กำไว้ในมือบี้ให้แบนนั้น สมควรแยกแยะให้ดีๆ
`又一分の兵法の時も我手にふそくのもの又は敵の拍子ちがひすさりめになる時少しもいきをくれず目を見合ざる様になし真直にひしぎつくる事肝要也 `少しもおきたてさせぬ所第一也 `能々吟味有べし
อนึ่ง แม้ในยามพิชัยสงครามของส่วนเดียว สิ่งที่ไม่เพียงพอแก่มือตน หรือยามที่จังหวะของศัตรูผิดพลาดถดถอย ต้องไม่ให้ (ศัตรู) ได้หายใจเลยแม้แต่น้อย ให้ไม่ต้องได้สบตากัน การบี้ให้แบนไปตรงๆ เป็นเรื่องใหญ่ใจสำคัญ การอย่าให้ลุกยืน (ได้เลย) แม้แต่น้อยเป็นเรื่องอันดับหนึ่ง ขอจงคิดพินิจให้ดีๆ
การตีความและอภิปราย
การบี้ให้แบนนั้น เป็นเรื่องธรรมชาติธรรมดาของการต่อสู้ ที่คนทั้งหลายพึงรู้ไว้ หากเปรียบกับบริบทของบีเจเจ มันก็มี pressure pass ไปจนถึงการเข้ารวบกดดันระยะประชิด เช่น cross face เป็นต้น และจริงๆ ตรอบคลุมไปถึงแม้แต่จุดเล็กจุดน้อย เช่นการ control grip การจับเสื้อตรึงมือตรีงขาตรึงหัวตรึงคอ เวลาเข้ากอดก็เอาหัวไปกดไปดันเป็นต้น
ไม่ใช่อะไร เพราะผมมองว่าค่านิยม คำสอน อะไรต่างๆ ที่สังคมสมัยนี้นิยมกันอยู่นั้น มันสอนให้คนอ่อนแอ สอนให้คนยอมจำนน ยอมให้คนอื่นทุบตี รังแก เอาเปรียบ เท่ากับว่า เราหลงลืม “ธรรมชาติเดิมแท้” ของคนเรา ในฐานะสิ่งมีชีวิต ที่ต้อง “ดิ้นรนเอาชีวิตรอด”
เมื่อเรารู้หลักคิดของคนที่จะโจมตีเราว่า จะ “บี้ให้แบน” เราก็ต้องหาป้องกัน “อย่าให้ถูกบี้จนแบน” คนเราทำตัวเองให้ดีขึ้นได้ ด้วยความรู้ (การใฝ่ใจเรียนรู้ หาวิธีแก้ไขปัญหา) ครับ ในบริบทของบีเจเจ หากการบี้ให้แบน คือ guard passing การป้องกันอย่าให้ถูกบี้จนแบน ก็คือวิชาสายการ์ดทั้งปวง (gurad retention, open guard, closed guard) นั่นเอง พอนึกถึงตอนที่ตัวเองเล่นบนเบาะ มาอ่านตรงนี้ก็เริ่มจะเข้าใจ แต่ที่จริงพอยิ่งมาถึงคัมภีร์แห่งเตโช มันก็มีความเป็นนามธรรม มีช่องว่างให้ขบคิดประยุกต์ใช้ไปได้มากขึ้น
โอเค ผมขอดิสคัสเรื่อง “ฮิคิโคโมริ” นะครับ
ผมพยายามค้นคว้าหาสาเหตุว่ามันเกิดจากอะไร ไปนั่งไล่อ่านพวกรีพลายตามกระทู้ต่างๆ ในพันทิป เผื่อจะได้ไอเดียอะไรที่มันสะกิดใจได้ อ่านไปๆ มันก็มีรีพลายนึงที่ผมอ่านแล้ว เออ ใช่ ผมเลยจะขอสรุปในสำนวนของผมดังนี้นะครับ
หนึ่ง เกิดจากเด็กสมัยนี้ พ่อแม่เลี้ยงแบบถนอมกล่อมเกลี้ยงมากไป จนเด็กไม่รู้จัก “ธรรมชาติธรรมดาของโลก” ว่า ความทุกข์มันเป็นยังไง ความเสียใจผิดหวัง น่ะมันเป็นยังไง เรียกว่า เลี้ยงในระบบปิด ยุงไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอม แท้ๆ
สอง พอเด็กไม่รู้จัก “ธรรมชาติธรรมดาของโลก” ว่า ความทุกข์มันเป็นยังไง ความเสียใจผิดหวัง น่ะมันเป็นยังไง พอออกสู่สังคมภายนอก (เช่นโรงเรียน) ที่คนมันไม่ได้ใจดีเหมือนพ่อแม่ ถูกกลั่นแกล้งรังแก ก็ไม่รู้จักสู้คน ไม่รู้จักคิดดิ้นรนหาทางแก้ปัญหา คนไม่เคยเจอความทุกข์ ไม่เคยรู้จักความเสียใจผิดหวัง ก็ย่อมไม่รู้จักวิธีที่จะจัดการหรือแก้ปัญหาอะไรเลย จะจัดการกับสิ่งรอบตัวรอบข้างอย่างไร จัดการกับความรู้สึกนึกคิด อารมณ์ที่เข้ามากระทบอย่างไร นี่แหละสำคัญ พอสู้ไม่ได้ก็หลบหนี ปิดกั้นตัวเองอยู่กับความหวาดกลัว
สาม พอเด็กเกิดความทุกข์ หลบหนี ปิดกั้นตัวเอง พ่อแม่ก็ไม่รู้จักการแก้ปัญหาให้ถูกทาง ไม่จี้ตรงไปที่ประเด็นของปัญหา บอกเอ้ยมีปัญหาอะไรมาเปิดใจคุยกันดีกว่า อยากได้อะไร ไม่พอใจอะไร คุยกันให้เคลียร์ๆ เอาให้รู้เรื่อง ช่วยกันหาทางออกทางแก้กันไป เพราะพ่อแม่บางคนก็มากทิฐิ จะต้อนลูกให้เป็นให้ทำอย่างที่ตัวเองคิดว่าดีให้ได้อยู่ฝ่ายเดียว บอกให้พาไปหาจิตแพทย์ ก็อาย กลัวขี้ปากชาวบ้าน บลาๆ สุดท้ายปัญหาไม่ได้แก้ก็หมักหมมไปเรื่อยๆ จนแก้ได้ยาก กลายเป็นปัญหาสังคมไป
…”พ่อแม่รังแกฉัน” แท้ๆ เลย…
เราต้องสอนให้ลูกรู้ว่าปัญหา ความทุกข์ ความคับข้องทั้งหลายในโลก มีอยู่จริง
และสอนด้วยว่าปัญหาต่างๆ นั้นมีทางแก้ไข หรือป้องกัน ซึ่งก็ควรเรียนรู้เรื่องพวกนี้ไว้
ขอเล่าเรื่องลูกชายผมเป็นตัวอย่างละกัน ถ้าเล่าซ้ำ เคยอ่านแล้ว ก็ขออภัยด้วยนะครับ
…ตอนลูกชายผมขึ้น ป.๑ หกขวบ เปิดเทอมวันแรกมาไปมีเรื่องต่อยกับเพื่อนในห้อง ประมาณว่ามันมาแกล้งเพื่อนผู้หญิงในห้อง เขาเลยไปกัน (พระเอกมากเลยลูก) ปรากฎว่าต่อยแพ้อีก
เมียผมมีมติ ให้ผมรีบๆ ส่งลูกไปเรียนเทควันโดแถวบ้าน
ช่วงยุคโควิดปี 2021 หยุดกิจกรรมแทบทุกอย่างไปเป็นปีเลย (ป.๒)
ขึ้น ป.๓ มา กลับมาเล่นเทควันโดต่อ พอปลายปี ผมให้เขาเล่นบีเจเจ ควบไปด้วยอีกอย่าง
…ผมดูลูกชายตัวเองเล่นตั้งแต่ยังไม่ได้รู้หลักอะไรในเรื่องการทุ่มการปล้ำ มีแต่ฟุตเวิร์ค (ที่ได้จากเทฯ) ดูเขาสแปริ่งไป แพ้ตรงไหน ก็ค่อยๆ สอนพวกท่าแก้ ว่าถ้าเจอคู่ต่อสู้มาทำแบบนี้ๆ ให้ทำแบบนี้ๆ จนตอนนี้เล่น closed guard, side control, back take เป็นแล้ว อ้อมเข้าข้างหลัง body lock แล้วเหวี่ยงหมุนอีกฝ่ายลงพื้นกอดปล้ำเป็นแล้ว ซึ่งก็ไม่เลวนักสำหรับเด็กแปดขวบที่เรียนแค่เดือนละสองครั้ง
…แต่สิ่งสำคัญไม่ได้อยู่ว่าทำท่าอะไรเป็นบ้างแล้วตอนนี้…
สิ่งสำคัญคือ ให้เขารู้จากประสบการณ์ตัวเองบวกการสอนของผมว่า…ให้รู้ว่าปัญหาต่างๆ ย่อมมีทางแก้ (แก้ได้หรือไม่ได้ก็อีกเรื่อง) เวลาเผชิญหน้ากับปัญหา พยายามแก้ปัญหาโดยหาความรู้ ให้มีวิธีการ เครื่องมือไว้ใช้แก้ปัญหา ซึ่งต่อไปก็จะต้องสอนว่า เราก็จะเจอปัญหาที่ซับซ้อนไปเรื่อยๆ ก็ต้องขวนขวายหาความรู้ใช้ความคิดในการแก้ปัญหาไปเรื่อยๆ ด้วย
บีเจเจนี่แหละครับดี ผมดูลูกตัวเอง บางทีก็โดนเด็กตัวใหญ่กว่าขึ้นคร่อม โดนทับ (เมียผมดูคลิปยังโวยว่า จับคู่แบบนี้ได้ไง แต่ผมบอกว่า ดีแล้วล่ะให้โดนซะบ้าง) โดนบนเบาะในการฝึกโดนไปเถอะครับ ต้องให้เผชิญความทุกข์ ความพ่ายแพ้ ผิดหวัง เสียบ้าง เสร็จแล้วก็สอนวิธีแก้กันไป ค่อยๆ หยอดไปเรื่อยๆ บีเจเจเป็นสิ่งที่ไม่อาจไปเร่งรัดให้เรียนเร็วได้ ต้องให้เวลากับมัน เรียนรู้ด้วยสมองและร่างกายไป นี่กะว่าถ้าเขาอายุสิบห้า ได้สายดำเทควันโดแล้ว จะชวนมาใช้ชีวิตบนเบาะเล่นบีเจเจกันไปเรื่อยๆ ดีกว่า
ผมยังไม่อาจพูดได้ว่า นี่เป็นวิธีเลี้ยงลูกที่ดี ต้องรอดูไปว่า เมื่อเขาโตขึ้นไปอีก เป็นวัยรุ่น เป็นผู้ใหญ่ มีอะไรบ้างที่ต้องคิดต้องทำเพื่อแก้ปัญหาต่างๆ ในการจะเลี้ยงลูกให้รอด ให้โตขึ้นไปอยู่รอดปลอดภัยดูแลตัวเองได้ หากเวลาผ่านไป แล้วผมเก็บเกี่ยวข้อมูลต่างๆ ได้มากพอ ถ้าผมยังไม่โดน บก. ไล่ซะก่อน (ฮา) ผมว่าผมจะเขียนซีรี่ส์ขึ้นมาอันนึง
…ตั้งชื่อว่า “ยูยิตสูสอนลูก” ดีไม๊ครับ 555…
ก่อนจากกันวันนี้เอารูปข้าวแกงกะหรี่ไข่ ร้าน Kare rice เส้นคันคลองทางไป รร.เชียงใหม่ภูคำ ไปดูเล่น เย็นๆ ใจครับ
วันนี้ก็ขอจบแต่เพียงเท่านี้ก่อนละกันนะครับ พบกันใหม่สัปดาห์หน้าสวัสดีครับ
เรื่องแนะนำ :
– มาอ่าน “คัมภีร์ห้าห่วง” ของมูซาชิด้วยกันเถอะ (68) คัมภีร์แห่งเตโช (ไฟ): ยี่สิบ สิ่งที่เรียกว่า การกลืนหาย
– มาอ่าน “คัมภีร์ห้าห่วง” ของมูซาชิด้วยกันเถอะ (67) คัมภีร์แห่งเตโช (ไฟ): สิบเก้า สิ่งที่เรียกว่า เสียงทั้งสาม
– มาอ่าน “คัมภีร์ห้าห่วง” ของมูซาชิด้วยกันเถอะ (66) คัมภีร์แห่งเตโช (ไฟ): สิบแปด สิ่งที่เรียกว่า การทำให้ลน
– มาอ่าน “คัมภีร์ห้าห่วง” ของมูซาชิด้วยกันเถอะ (65) คัมภีร์แห่งเตโช (ไฟ): สิบเจ็ด สิ่งที่เรียกว่าการแตะมุม
– มาอ่าน “คัมภีร์ห้าห่วง” ของมูซาชิด้วยกันเถอะ (64) คัมภีร์แห่งเตโช (ไฟ): สิบหก สิ่งที่เรียกว่าการฉาบ
#มาอ่าน “คัมภีร์ห้าห่วง” ของมูซาชิด้วยกันเถอะ (69) คัมภีร์แห่งเตโช (ไฟ): ยี่สิบเอ็ด สิ่งที่เรียกว่า การบี้ให้แบน