โอซาก้าเมืองเก่าที่ข้าพเจ้าคิดถึง by Lordofwar Nick
น้ำตกมิโน่เมื่อใกล้หน้าหนาว และขึ้นดอยไปชมวัดคัตสึโอจิ 勝尾寺 ส่งท้ายปี 2005
พอเข้าเดือนพฤศจิกายนอากาศก็เริ่มหนาวแล้วครับ แต่สำหรับผมก็มักจะกลับไทยหนีหนาวตอนใกล้สิ้นปีอยู่แล้ว หลังจากที่ผ่านปี 2003 แบบเกือบจะไม่มีอะไรกินเพราะพี่แกหยุดหมดแม้แต่เอทีเอ็ม พอปี 2004 และ 2005 พอเข้าสิ้นปีมา กลับไทยอย่างเดียว กลับมากินซีฟู้ด กินไข่เจียว (หืม) ไปกินหมูป่าผัดเผ็ด (ไปเรื่อยละ)
แต่ปี 2004 เมื่อสิ้นปี จริงๆ แล้วมีเหตุเหตุการณ์ที่สะเทือนขวัญสะเทือนใจคนไทยทั้งชาติ นั่นก็คือเหตุการณ์สึนามิที่ภูเก็ต ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเศร้ามากสำหรับความสูญเสียที่เกิดขึ้น พอดีเพื่อนผมคนนึงคือ เฮียน้ำ ซึ่งรู้มาว่าลุงแกอยู่ที่พังงา เกาะพระทอง (ซึ่งจริงๆ แล้วผมก็เคยไปนอนบนเกาะมาแล้วครั้งหนึ่งในชีวิต ก็นอนบ้านลุงเฮียน้ำนั่นแหละครับ) ได้ยินว่าลุงของแกยังรอดชีวิตมาได้แต่เพื่อนบ้านหลายคนเสียชีวิตไม่ใช่เพราะอะไรครับไม่ใช่จมน้ำเพราะแล้วคนทำมาหากินอยู่กับทะเลไม่จมน้ำตายง่ายๆ หรอกครับ เรือแตกลอยคอ 3 วันยังไม่ตายเลย แต่ว่าประมาณว่าโดนพวกฝายิปซั่มบ้างอะไรที่มันหนักๆ บ้างลอยน้ำมากระแทกเสียมากกว่า ถ้าปลูกบ้านอย่างภูมิปัญญาชาวบ้านสมัยก่อนใช้วัสดุธรรมชาติคงไม่เป็นแบบนี้ พอเกิดเหตุการณ์นี้นับเป็นข่าวโด่งดังไปทั่วโลก ทางมหาลัยฯ โทรมาเลยครับว่าผมเป็นอย่างไรบ้าง สบายดีหรือเปล่า ยังมีชีวิตอยู่ไหม ซึ่งพอดีผมรับโทรศัพท์ก็เลยบอกเขาไปว่าผมยังสบายดีอยู่ยังไม่ตายครับเดี๋ยวจะกลับไปเรียนต่อ (ฮา)
ถึงจะบอกว่าตอนช่วงสิ้นปีผมจะกลับไปพักผ่อนที่เมืองไทย หนีหนาวจากญี่ปุ่น แต่ว่าก็ยังมีโอกาสได้ไปเที่ยวที่เดิมๆ เพิ่มเติมคืออากาศมันหนาว 2 ที่ก็คือน้ำตกมิโน่ กับวัดคัตสึโอจิ ก่อนอื่นก็ขอเชิญชมภาพถ่ายของน้ำตกมิโน่เมื่อยามหน้าหนาวนะครับไม่มีคนมาเที่ยวเลย (อย่าเพิ่งเบื่อซะก่อนนะครับ)
อย่าเพิ่งเบื่อหน้าเปยองจุนนะครับ (ฮา)
ภาพนี้หาดูยากครับนั่นคือรูปของลิงครับ ที่อำเภอมิโน่เขาโฆษณาว่ามีน้ำตกและลิง แต่บอกตรงๆ ว่าผมเจอลิงและถ่ายรูปลิงได้แค่ 2 ครั้งในชีวิตเองครับอยู่ที่นี่มา 3 ปี ดูยากหน่อยนะครับมันกำลังคุยถังขยะอยู่
ต่อไปเราย้ายที่ไปวัดคัตสึโอจิดีกว่าครับ วัดนี้เนื่องจากอยู่บนดอยทางไปก็จะเรียกว่าค่อนข้างจะลำบากนิดนึงคือเราจะต้องขึ้นรถเมล์ที่เขาเขียนว่าไปวัดคัตสึโอจิโดยเฉพาะ ซึ่งผมก็จะนั่งรถเมล์ตรงป้ายที่อยู่หน้าท้องนานะครับก็อยู่แถวเรียกว่าเยื้องกับหน้าซอยหอที่ผมอยู่นี่เอง อันนี้คือเส้นทางไปตามที่ปรากฏในแผนที่ Google
พอมาถึงที่วัดแล้วก็จะพบกับบรรยากาศอันร่มรื่นมีสระน้ำและมีปลาคาร์ฟสวยๆให้ดู
เอกลักษณ์ก็คือตุ๊กตาดารุมะนี่ล่ะครับ เหมือนคนที่นี่จะชอบเอาตุ๊กตาดารุมะมาถวายไหนว่าเป็นการแก้บนหรืออย่างไรก็ไม่ทราบ
ทางเดินขึ้นไปสุดสูง
อันนี้คือรูปปั้น “มิซึโกะคันนน” 水子観音 คำว่ามึซึโกะ หมายถึงเด็กที่แท้งหรือเด็กทารกที่ตายหลังพึ่งคลอด ไหนว่ารูปเจ้าแม่กวนอิมนี้มีให้คนกราบไหว้เพื่อเหมือนกับอุทิศส่วนบุญให้แก่เด็กเหล่านั้น
ตุ๊กตาดารุมะเยอะแยะเลยเหมือนมีคนเอามาถวาย
แล้วผู้เขียนก็เดินชมสถาปัตยกรรมต่างๆ ภายในวัดแล้วก็ถ่ายรูปมาได้ประมาณนี้แหละครับ
รูปลิงรูปที่ 2 ครับที่ถ่ายได้ตลอด 3 ปีที่อยู่ที่ญี่ปุ่น นั่งอยู่บนรั้วเหล็ก
ได้ขึ้นมาท้าอากาศหนาวไหว้พระชมปลาในสระและทิวทัศน์บนภูเขาแล้วรู้สึกแบบว่าบอกไม่ถูกจริงๆ ครับ
ว่าแล้วก็เตรียมตัวขึ้นเครื่องกลับเมืองไทยดีกว่า 2 รูปนี้ถ่ายเอาไว้ในคืนก่อนที่จะขึ้นเครื่องแต่เช้าครับ
อย่าตกใจนะครับผมไม่ได้นั่งเจแปนแอร์ไลน์นะครับ (ฮา) ตอนนั้นสายการบินที่นั่งเองประจำก็คือสิงคโปร์แอร์ไลน์ครับ ราคาตั๋วสมเหตุสมผล บริการดี คุ้มค่าคุ้มราคากว่าสายการบินแห่งชาติครับ (ฮา)
และนี่คือภาพสุดท้ายของปี 2005 ครับ พบกันใหม่ปี 2006 นะครับ (ไม่ใช่ละๆ) บ๊ายบายครับ
เรื่องแนะนำ :
– ขึ้นต้นเป็นลำไม้ไผ่ เรียนๆ ไอคิโดไป ดันผ่าไปเรียน BJJ ได้ยังไงหว่า?!
– เมื่อผมได้พบกับอาจารย์ดี คำภีร์ล้ำเลิศ (?) วิชาหมัด “เซ็นปูเค็น” 旋風拳 ในสวนสาธารณะ
– ตามหาวิชาดาบอิไอ (4) เมื่อผมต้องสอบเลื่อนสาย
– ใบไม้เปลี่ยนสี ที่น้ำตกมิโน่
– จากไทเซน เดชิมารุ ถึงบากิ: ว่าด้วยปรัชญาชีวิตเรื่องชัยชนะและความพ่ายแพ้
#น้ำตกมิโน่เมื่อใกล้หน้าหนาว และขึ้นดอยไปชมวัดคัตสึโอจิ 勝尾寺 ส่งท้ายปี 2005