[18+] “MEXT” วันแห่งโชคชะตา
ผู้อ่านเคยดูการ์ตูนหรือดูหนังใช่ไหมครับ ที่มีคนพากย์ในสนามแข่งขันว่า “เทพีแห่งชัยชนะ จะโปรยยิ้มให้ใคร” และเชื่อไหมครับ มีอย่างน้อยครั้งนึงที่ผมเคยรู้สึกจริงๆ ว่า เทพธิดาหรือเทพีสักองค์ เคยส่งยิ้มให้ผมจริงๆ
สายๆ ของวันที่ 22 กรกฎาคม ท้องฟ้าเป็นสีเทา ฝนตกห่าใหญ่ใน กทม
การต่อสู้อันร้อนระอุ ท่ามกลางสายฝนอันชุ่มฉ่ำเริ่มที่ตรงนี้
ผมไม่ได้พูดถึง เลือกตั้งผู้ว่า กทม นะครับ แต่ผมกำลังพูดถึง “คุณ” ผู้อ่านทุกท่าน หรือลูกหลานของท่านที่กำลังหาโอกาสแห่งการเปลี่ยนแปลงโชคชะตา
ผมไม่ชอบเลย…. ทุกครั้งที่ฝนตกผมไม่เคยทำข้อสอบได้ดีเลย วันที่ผมแข่งตอบปัญหาวิทยาศาสตร์ฝนก็ตก ทีมเราก็แพ้ วันที่ผมสอบโอลิมปิกคณิตศาสตร์ วันฝนตก ผมก็ตกรอบวันนั้นแหล่ะ จริงอยู่เด็กเรียนวิทย์อย่างผม ไม่ควรเอาเรื่องนี้มาอ้างหรือพูดถึงเลย แต่มันมีผลกับจิตใจของผมอย่างช่วยไม่ได้
และวันนี้ ตอนที่ทำข้อสอบเพื่อสอบทุนรัฐบาลญี่ปุ่น ฝนก็ดันตกอีก ตกหนักมากด้วย
ผมยังจำได้ดีว่าวิชาแรกที่ผมต้องสอบคือภาษาอังกฤษ ผมมั่นใจในคำตอบไม่ถึงครึ่ง…. มันก็ดันสอดคล้องกับเรื่องฝนตกอีก
ตอนนั้นอยากกลับบ้านแล้ว แต่เพราะฝนยังตกอยู่และยังรู้สึกว่าโอกาสยังมีอยู่ เราไม่ควรถอดใจง่ายๆ เพราะกะแค่เรื่องฝนตก
ยิ่งหากหันมองกับความพยายามและตั้งใจของตัวเอง หลักปี ผมรู้จักทุนญี่ปุ่น ตั้งแต่อยู่มัธยมปลาย ผมตั้งใจกับทุนนี้อันนี้อย่างมาก ผมลงเรียนกวดวิชาภาษาอังกฤษ วิชาเคมี ที่เชื่อว่าจะช่วยปิดจุดอ่อนตัวเอง ผมฝึกทำข้อสอบเก่าของทุกปีเท่าที่ผมหาได้ ผมไม่เล่นเกมส์ ไม่ยอมดูการ์ตูนโป๊ ไม่ช่วยตัวเองเป็นหลักหลายเดือน เอาเวลาทั้งหมดเพื่อโฟกัสกับการสอบครั้งนี้… เพราะคิดว่าถ้าทำเต็มที่ขนาดนี้แล้ว ถ้าผลลัพธ์มันเละเทะ เราก็ไม่ต้องค้างคาใจ
และฟ้าที่ไม่สดใสกับพอมีใจให้กับผมบ้าง เมื่อข้อสอบคณิตศาสตร์ ผมว่าผมทำได้ดีเลย ดีขนาดที่คิดว่าตัวเองน่าจะทำได้คะแนนเต็มด้วยซ้ำ ในนาทีที่ผมส่งข้อสอบ ผมคิดในใจจริงๆ ว่า ไม่แน่นะ… วันนี้จะมีเทพีแห่งโชคอาจมานั่งข้างๆ เรา ?!
ท้ายที่สุด ผมโชคดีที่สอบได้ทุนรัฐบาลญี่ปุ่น Ministry of Education, Culture, Sports, Science and Technology (เลยมีตัวย่อว่า MEXT ส่วนภาษาญี่ปุ่นเขาเรียกว่า Monbu-kagaku-shō) ทุนนี้จึงมีชื่อเล่นว่า “ทุนมง”
เมื่อวันเวลาผ่านไป อาจตอบไม่ได้ว่า ในวันนั้นคือเทพีแห่งชัยชนะ… เทพีแห่งโชคลาภ หรืออาจจะเป็นเทพแห่งการเปลี่ยนแปลงโชคชะตา (ร้ายหรือดี อันนี้ไม่รู้) เพราะเมื่อไปถึงญี่ปุ่น แน่นอน ชีวิตไม่ได้ง่ายและเที่ยวสนุกแบบนั้น เราจำเป็นต้องเรียนหนัก เพื่อให้ได้มหาลัยที่ดี หากเรายังเชื่อว่าสถาบันที่เราจบการศึกษายังสำคัญกับชีวิตในอนาคต และหากเกรดในมหาลัยไม่ดี เราอาจไม่ได้ทุนต่อปริญญาโทหรือเอก…
วันที่ 5 ธันวาคม ตอนใกล้เที่ยง หิมะโปรยปราย กลางกรุงโตเกียว
นั่นเป็นครั้งแรกในชีวิตของผม ที่ผมได้เห็นและสัมผัสหิมะจริงๆ วันนี้พอหันไปมองตัวเองก็เพิ่งคิดได้นะ ในชีวิตของเราตอนเด็กๆ ไม่เคยมีโอกาสได้ไปเมืองนอกเมืองนาเพื่อไปสัมผัสหิมะกับเขาบ้างเลย จะมีโอกาสครั้งแรกก็เพราะได้ทุนมาญี่ปุ่นนี่แหล่ะ
ผมยังจำความรู้สึกนั้นได้ดี และจำวันเวลาได้แม่นมาก เพราะมันคือวันที่ผมจบการสอบปลายภาค โดยผลการสอบวันนั้นจะเป็นตัวชี้ว่าเราจะได้ไปเรียนที่มหาลัยอะไรในญี่ปุ่น ผมยังบอกกับแม่ตัวเองเลยว่าวันนั้นหิมะตก มันจะเป็นลางเหมือนวันที่ฝนตกหรือเปล่านะ
และท้ายที่สุด… ผมสอบได้มหาวิทยาลัยโตเกียว ในวันนั้น มันคือมหาวิทยาลัยที่ถูกจัดอันดับว่าดีที่สุดในญี่ปุ่นและเอเซีย
อย่างไรก็ตาม ในฐานะที่ตัวเองเป็นศิษย์เก่าทุนมง อันนี้ ถ้าจะต้องมาบอกเหล่าคนที่กำลังจะไปทุนญี่ปุ่นหรือกำลังสนใจทุนญี่ปุ่น กล้าบอกได้เต็มปากว่า
เราไม่ได้ไปแล้วจะสุขสบาย ยิ่งเห็นตัวเลขเงินเดือนที่ให้ตอนนี้ เผลอๆ อาจจะไม่พอใช้ด้วยซ้ำ
ยิ่งช่วงหลังๆ มาประเทศญี่ปุ่นก็ซบเซาไปมาก แทบจะเหมือนกำลังรอให้เกาหลีแซงหน้าหรือเปล่าด้วยซ้ำ นั่นหมายถึงองค์ความรู้ ความตื่นตาตื่นใจ พลังรวมทั้งมนต์ขลังของญี่ปุ่น อาจค่อยๆ จางหายไปหรือเปล่าด้วยซ้ำ
และเป็นไปได้สูงมาก ที่คุณจะมีช่วงเวลาที่เราต้องตั้งคำถามกับตัวเองว่า กูมาที่นี่ทำไมวะ
เผลอๆ วันนึงเราอาจจะร้องไห้เลยด้วยซ้ำ กับชีวิตที่เราเลือก จนแม้แต่จะตั้งคำถามด้วยซ้ำ ว่าเทพีองค์ที่เหมือนจะโปรยยิ้มให้เราในวันนั้นเจตนาอะไรกันแน่ หรือนั่นมันเป็นแค่พลังแห่งการเปลี่ยนโชคชะตา โดยไม่ได้การันตีชีวิตในญี่ปุ่นว่าจะดีหรือร้ายแต่อย่างใด
แต่อย่างไรก็ตาม ความจริงที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงตลอดหลายสิบปี ก็คือ คุณไม่ใช่คนแรกที่เสียน้ำตาเมื่อมาเรียนในถิ่นไกลจากแดนรักดินอุ่นประเทศไทย มีคนนับพันนับหมื่นเคยร้องไห้แบบคุณมาแล้ว และคุณก็จะไม่ใช่คนสุดท้ายด้วย
จะดีจะร้าย การได้ทุน คือการได้ออกจากประเทศที่ชื่อว่าไทย หากคุณอยากรู้ว่าชาติอื่นๆ อย่างเช่นญี่ปุ่น ชาติที่ฟุตบาทเรียบสนิท ขยะไม่เคยเกลื่อนกลาด ประเทศที่เขาเรียกกันว่าชาติที่พัฒนาแล้ว ชาติเหล่านี้มันทำได้อย่างไร หรือชีวิตในประเทศแบบนั้น มันเป็นเช่นไร
วิธีเดียวที่คุณจะรู้… ผมบอกได้เต็มปากว่า มันหาไม่ได้จากกูเกิล… คุณจำเป็นต้องทิ้งอะไรหลายอย่างและเดินไปหามันเท่านั้น
ผมตอบไม่ได้เลยว่า ไทย กรุงเทพ โตเกียว ญี่ปุ่น อะไรดีกว่าอะไร แต่สิ่งนึงที่มั่นใจก็คือ หากใครอยากจะลองมองหาเทพีแห่งโชคชะตาเพื่อจะเปลี่ยนชีวิตตัวเอง นี่คือโอกาส
และสุดท้ายนี้ ในฐานะคนคนนึงที่ได้เป็นเด็กทุนมง ผมขอพูดตรงๆ ว่าผมเสียใจน่าจะเกินสิบครั้งที่มาญี่ปุ่น แต่เชื่อไหม… ผมกับไม่เคยรู้สึกเสียใจเลยแม้แต่วินาทีเดียว ที่โชคชะตาได้ทำให้ผมได้อยู่ในกลุ่มเด็กทุนมง! การได้พบเจอเพื่อน รุ่นพี่ รุ่นน้องเหล่าเด็กทุน MEXT เป็นความทรงจำที่กลมกล่อม และเติมเต็มจิตวิญญาณของผมเสมอมา
เรื่องแนะนำ :
– [18+] 10 วิธี เพื่อ “ซ่อมบำรุงสมอง” ใน 10 นาที ง่ายจนอยากแชร์
– “กล้า” เมสเสจของเกตุวดี ถึง ซาลารี่แมนบ้าพลัง
– การขายของที่แท้จริงน่ะ ต้องใช้คอมพิวเตอร์ขายเท่านั้นไม่รู้เหรอ
– เรื่องตลก Nobel ทำไมคนไทยยังไปไม่ถึงซะที
– โนเบล…(อีกแล้ว)
#[18+] “MEXT” วันแห่งโชคชะตา