กองทัพคันโต (9) : ประเทศแมนจูรัฐหุ่นเชิดของญี่ปุ่น
เมื่อเกาะญี่ปุ่นเต็มไปด้วยความยากจน ประเทศแมนจูบนแผ่นดินใหญ่คือหนทางอยู่รอดของญี่ปุ่น เกาะญี่ปุ่นขาดแคลนทรัพยากร แมนจูอุดมสมบูรณ์ไปด้วยถ่านหินและแร่เหล็ก
ปีค.ศ. 1930 (พ.ศ.2473 หรือ ปีโชวะที่ 5) เป็นช่วงสภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ หรือที่เรียกกันว่า The Great Depression
การแก้ไขปัญหาความยากจนของผู้คนบนเกาะญี่ปุ่น เป็นงานด่วนที่มีความสำคัญยิ่งยวด
เพื่อหาสถานที่ที่เรียกได้ว่าเป็นบ้านแห่งใหม่ของพวกเขา สถานที่ที่รองรับพวกเขาชาวญี่ปุ่น
กองทัพคันโตเล็งเห็นว่าแมนจูจะเป็นสถานที่อันเหมาะสม
กองทัพคันโตจึงสร้างอุบัติการณ์แมนจู และเข้ายึดทุกพื้นที่ทุกหย่อมหญ้าของแมนจู
เพื่อหลีกเลี่ยงข้อครหาจากนานาประเทศ แทนที่จะนับว่าแผ่นดินแมนจูเป็นส่วนหนึ่งของประเทศญี่ปุ่น กองทัพคันโตกลับเลือกจะสร้างประเทศใหม่บนแผ่นดินนี้แทน และพวกเขาจะคอยชักใยประเทศนี้อยู่ข้างหลัง
เป็นรัฐหุ่นเชิด (Puppet state) ของกองทัพคันโต
“ประเทศใหม่จะถูกก่อตั้งขึ้น” คำมั่นสัญญานี้ถูกประกาศขึ้นมา ณ วันที่ 1 มีนาคม ปีค.ศ. 1932 (พ.ศ. 2475)
ประเทศใหม่นี้ คือ ประเทศแมนจู ซึ่งแสดงถึงดินแดนของชาวแมนจู
โดยที่จักรพรรดิของประเทศเป็นอดีตประมุขของจีน จักรพรรดิโลกไม่ลืม “ผู่อี๋”
มีนายกรัฐมนตรีคือ Zheng Xiaoxu อดีตนักการฑูตผู้ภักดีต่อราชวงศ์ชิงที่เคยประจำการอยู่ที่ญี่ปุ่น
เมืองหลวงของประเทศใหม่นี้คือเมือง ชินเคียว (新京) ที่แปลจากชื่อตรงๆ ได้ว่า “เมืองหลวงใหม่”
ประเทศนี้มีการประกาศปียุคศักราชไดโด (大同) ซึ่งเป็นลักษณะเดียวกับที่ญี่ปุ่นมียุคศักราชโชวะ
วันที่ 9 มีนาคม มีการทำพิธีสาบานตนรับตำแหน่งจักรพรรดิของผู่อี๋
จักรพรรดิผู่อี๋แห่งประเทศแมนจู
วันที่ 12 มีนาคม รัฐบาลญี่ปุ่นของนายกรัฐมนตรี อินุไค ซึโยะชิ (犬養毅) มีการประชุมลงมติรัฐบาลว่า
“แมนจูและมองโกเลียเป็นดินแดนอิสระที่ไม่ขึ้นต่อประเทศจีน ส่วนอีกมติหนึ่ง เราจะแนะแนวทางให้ดินแดนเหล่านี้มีความสามารถในการปกครองตนเองในฐานะประเทศ”
ผลการประชุมลงมติรัฐบาลนี้บอกอะไรเราได้? จริงๆ แล้วรัฐบาลบนเกาะญี่ปุ่นนั้นไม่ได้เห็นชอบต่อการเข้ายึดครองดินแดนแมนจูของกองทัพคันโตบนแผ่นดินใหญ่ในแต่แรก แต่ผลลัพธ์กลับกลายเป็นว่ารัฐบาลบนเกาะญี่ปุ่นต้องถูกลากตามไปกับการกระทำของกองทัพคันโต
นายกรัฐมนตรีอินุไค ซึโยะชิ
นายกรัฐมนตรี อินุไค ซึโยะชิ ผู้ซึ่งคอยระมัดระวังในการอนุมัติรับรองประเทศแมนจู กลับถูกลอบสังหารโดยหนึ่งสมาชิกของกลุ่มนายทหาร ณ “อุบัติการณ์วันที่ 15 พฤษภาคม”
วันที่ 14 มิถุนายน มีการลงมติรับรองประเทศแมนจูอย่างเป็นเอกฉันท์จากการประชุมวุฒิสภาสมัยสามัญ
วันที่ 15 กันยายน มีการลงสนธิสัญญาระหว่างรัฐบาลญี่ปุ่นของ ไซโตะ มะโคะโตะ (斎藤実) กับประเทศแมนจู ให้มีการดูแลรักษาความปลอดภัยให้กับคนญี่ปุ่นที่อาศัยอยู่ในประเทศแมนจู (ซึ่งส่วนใหญ่คือคนญี่ปุ่นเชื้อสายเกาหลี) และอนุญาตให้กองทัพคันโตประจำการอยู่ในประเทศแมนจูได้
ประเทศใหม่มาพร้อมกับสโลแกนว่า 5 ชนเผ่าใต้ 1 สหภาพ (Five races under one union) อันได้แก่ ชาวฮั่น ชาวแมนจูชาวเกาหลี ชาวมองโกล และ ชาวญี่ปุ่น และแสดงออกมาว่าเป็นประเทศเอกราช แต่ความเป็นจริงแล้ว กองทัพคันโตไม่เพียงแต่ดูแลด้านทหารอย่างเดียว แต่ยังกำอำนาจทางการเมืองอีกด้วย
ธงประเทศแมนจู
ธงของประเทศแมนจูเป็นธงพื้นสีเหลืองและประกอบด้วยสี่สีย่อย ได้แก่ สีแดง น้ำเงิน ขาว และ ดำ
สีเหลืองแสดงถึงจุดศูนย์กลาง เป็นสัญลักษณ์ของเหริน (仁) ของลัทธิขงจื๊อซึ่งหมายถึงความมีมนุษยธรรม แล้วหมายถึงธาตุดินของธาตุหลักทั้ง 5
สีแดงแสดงถึงทิศใต้ เป็นสัญลักษณ์ของ Passion และความกล้า แล้วยังหมายถึงธาตุไฟ ของ ธาตุหลักทั้ง 5
สีน้ำเงินแสดงถึงทิศตะวันออก เป็นสัญลักษณ์ของความเยาว์วัยและความศักดิ์สิทธิ์ แล้วยังหมายถึงธาตุไม้ของ ธาตุหลักทั้ง 5
สีขาวหมายถึงทิศตะวันตก เป็นสัญลักษณ์ของความบริสุทธิ์ ความยุติธรรม แล้วยังหมายถึงธาตุทองของธาตุหลักทั้ง 5
สีดำหมายถึงทิศเหนือ เป็นสัญลักษณ์ของความมุ่งมั่นและปณิธาน แล้วยังหมายถึง ธาตุน้ำของธาตุหลักทั้ง 5
ทางการของประเทศแมนจูไม่เคยประกาศออกมาว่าสี 5 สีบนธงนี้เกี่ยวข้องกับ 5 ชนเผ่าอย่างไร ถ้ามีโอกาสผมอาจจะเขียนถึง
และนี่คือจุดเริ่มต้นของประเทศแมนจู
ทักทายพูดคุยกับวสุ ได้ที่ >>> Facebook Wasu’s thought on Japan
เรื่องแนะนำ :
– กองทัพคันโต (8) : การก่อตั้งประเทศแมนจู
– กองทัพคันโต (7) : การทิ้งระเบิดเมืองจินโจว
– กองทัพคันโต (6) : สู่เมืองฮาร์บิน
– กองทัพคันโต (5) : บุกรุกเมือง Mukden
– กองทัพคันโต (4) ระเบิดสร้างสถานการณ์สู่ปฏิวัติแมนจูเรีย
อ้างอิง
– https://ja.wikipedia.org/wiki/満州事変
– https://en.wikipedia.org/wiki/Flag_of_Manchukuo
#กองทัพคันโต (9) : ประเทศแมนจูรัฐหุ่นเชิดของญี่ปุ่น