“การศึกษา คือ อาวุธที่ทรงพลังมากที่สุดในการเปลี่ยนโลกนี้”
--เนลสัน แมนเดลา--
นี่น่าจะเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์วงการศึกษาชาติไทย หรืออย่างน้อยก็เป็นครั้งแรกในรอบระดับศตวรรษที่เรามาเปิดเรียนกันตอนเดือนกรกฎาคม ผู้เขียนเลยมีเรื่องสั้นจาก “สถาบันการศึกษา” ที่ผู้เขียนผูกพันที่สุดตอนอยู่ที่ญี่ปุ่นมาฝากครับ
.
.
ปี 2006 ห้องทดลองภาคไฟฟ้า มหาวิทยาลัย Tokyo
ชายใส่แว่นสองคนกับเจ้าหนุ่มอ้วนอีกหนึ่ง และผมยืนอยู่ด้วยกัน ครูผู้ช่วยเดินเข้ามา เราโค้งคำนับเขา
“วันนี้พวกเราจะทำการทดลองเรื่อง Kalman filter ในวิชา Signal processing” 信号処理
Signal processing มันเป็นศาสตร์ที่เริ่มจากความคิดที่ว่า สัญญาณทุกอย่างบนเอกภพแห่งนี้ สามารถแสดงออกมาเป็นในรูปสมการ cosine ได้
สำหรับผมแล้วนี่คือ ศาสตร์มหัศจรรย์เปลี่ยนจักรวาล Signal processing ถูกเอามาใช้ในการอธิบายเปลี่ยนรูปแบบคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า การกำจัดสัญญาณคลื่นรบกวน
และเมื่อเพิ่มมิติของวิชา Signal processing มันคือ Image processing ศาสตร์ที่นำไปสู่การแก้ไขภาพ การปรับภาพให้เนียน ต่อยอดไปจนถึงวิธีบีบอัดไฟล์ของภาพ JPEG
และที่สุโก้ยกว่าคือมันเอาไปใช้เพื่อส่งสัญญาณจากโลกข้ามกาแล็กซี่ได้ โดยหากมนุษย์ต่างดาวพบสัญญาณนี้ จะรับรู้ว่ามีสิ่งมีชีวิตเล็กๆ อย่างพวกเราที่มีอารยธรรมมากมายแต่เจียมตัวอยู่ที่นี่
ปี 2007 ห้องเรียนมหาวิทยาลัย Tokyo
ผู้ชายใส่แว่นเดินเข้ามาในห้องเรียน นักเรียนลุกขึ้นมาโค้งคำนับอาจารย์
“วันนี้เราจะมาเรียนเรื่องในงานวิจัยของครูหนึ่งในวิชา Image processing” กัน
การโค้งคำนับครู เริ่มจากความคิดที่ว่า ความรู้ทุกอย่างบนเอกภพแห่งนี้ สามารถส่งผ่านออกมาจากรุ่นสู่รุ่นได้
สำหรับผมแล้ว นี่คือเรื่องที่มหัศจรรย์มาก ทั้งๆ ที่พวกเรานักเรียนอายุยี่สิบกว่ากันหมดแล้ว แต่ไม่น่าเชื่อ ประเพณีนี้ถูกสืบทอดกันเกือบศตวรรษ ถึงธรรมเนียมของคณะของเรา เด็กๆ ต่างคณะ ต่างชาติมักประหลาดใจกับธรรมเนียมที่ดูแสนโบราณอันนี้
แต่ที่สุโก้ยคือ หลายคนในคณะกลับรู้สึกว่าธรรมเนียมนี้ทำให้พวกเรา เป็นศิษย์มีครู และกลายเป็นอารยธรรมเฉพาะตัวที่ดูน่ารักและเจียมตัวของคณะเราเลยทีเดียว
พวกเราเริ่มทำการทดลองตามที่ครูผู้ช่วยบอกมา
เจ้าแว่นคนแรก คือซุสุคุง เจ้านี่ตั้งใจเรียน ตั้งใจทำการแล็ปมาก
ส่วนเจ้าแว่นคนที่สอง โยชิดะ... เจ้านี่ดูเหมือนจะเน้นอยากให้คนอื่นทำงานแทนตัวเอง
ส่วนผมกับเจ้าอ้วน โตโตกิคุง เราสองคนยังอยู่ในขั้นตั้งคำถามเรื่อง Kalman Filter สัญญาณมันไปเกี่ยวดองกับสมการ cosine ได้ยังไง
ครูผู้ช่วยพยายามอธิบาย Kalman filter ให้พวกเรา
เวลาเราวัดค่าสัญญาณอะไรก็ตามเช่นเวลาเรารับสัญญาณเรดาห์จากเรือ ในโลกความจริงมันจะมีคลื่นแทรกมากมายมันไม่มีวันเพอร์เฟค นี่ยังไม่รวมถึงระดับภาพจากต่างดาว และอื่นๆ
Kalman filter คือวิธีหนึ่งๆ ที่จะช่วยกรองสัญญาณที่รับมาให้มันสมบูรณ์ขึ้น
วันนี้อาจารย์จะมาสอนเรื่องที่อาจารย์กำลังทำงานวิจัยเรื่องหนึ่งอยู่ มันว่าด้วยเรื่อง Kao Gaku
顔学 แปลตรงตัวว่า ศาสตร์ใบหน้า
“ผมตั้งคำถามมานานว่าใบหน้าของคนส่วนที่ทรงเสน่ห์ที่สุดของมนุษย์อะไรกัน คือความจริงบนใบหน้านั้น” อาจารย์เปรย
Kao Gaku คือศาสตร์เพื่อค้นหาความจริงว่าความสวยบนใบหน้า มันอธิบายได้ยังไง มันแสดงออกมาเป็นสมการ cosine บ้าบอได้ไหม
“ผมเริ่มจากเก็บใบหน้าภาพกล้ามเนื้อบนใบหน้าเคลื่อนไหวนับแสนตัวอย่าง กรองส่วนที่ไม่สมบูรณ์ด้วย Kalman Filter”
ผ่านไปสองชั่วโมง พวกเรายังทำการทดลองไม่เสร็จ
เรายังต้องวัดค่าที่ได้จากเซนเซอร์ ป้อนตัวเลขเข้าโปรแกรม MATLAB ใส่ฟิวเตอร์ ดูค่าเฉลี่ย
“จะเสียเวลาทำไปทำไมวะ มีคนเป็นล้านรู้เรื่องนี้ดีกว่าเรา เคยทำการทดลองกรองสัญญาณให้ดีก่อนเราเป็นสิบปีแล้ว” เจ้าโยชิดะ กล่าว
“แต่งานวิจัยระดับโลก ส่วนใหญ่มันก็มาจากการทดลองมากมาย จนค้นพบเรื่องน่าสนใจมากมายที่ทำให้เราเห็นอนาคตได้ไม่ใช่เหรอ?” ผมแย้ง
“แต่ไม่น่ามาเกิดกับพวกเรานะ ยิ่งถ้าผลทดลองมาแปลกตอนนี้ พวกเราคงได้ค้างที่มหาลัยแน่” โตโตกิ กล่าวติดตลก
เราวิเคราะห์ใบหน้าของคน สีผิว ขนาดดวงตา ความห่างจากหน้าผากถึงคิ้ว จมูกถึงปาก และอื่นๆ เป็นตัวเลข เพื่อค้นหาความจริงกับบนใบหน้า ที่ธรรมชาติน่าจะซ่อนไว้ในรูปแบบสมการ มันทำให้เราได้ใบหน้าเฉลี่ย!!
เมื่อเราเห็นค่าเฉลี่ยของหน้าคนทั่วประเทศมีการค้นพบว่า หน้าชายญี่ปุ่นมีแนวโน้มคางที่ยาวหรือแหลมขึ้นเรื่อยๆ ใบหน้าอนาคตชาวญี่ปุ่น อาจจะหน้ากลมลดลง และคางจะยาวขึ้น จนเหมือนเป็นเทรนด์ใบหน้าแห่งอนาคต
“ว่าแต่ปีหน้า พวกเราก็ต้องเลือกว่าจะทำงานวิจัยกับห้องแล็ปอาจารย์คนไหน... นี่พวกนายมีอะไรในใจกันแล้วยัง?” โยชิดะถาม
“ไม่รู้เลยแฮะ ... แต่ได้ข่าวว่า มีห้องแล็ปอันนึง อาจารย์แกสุโก้ยมาก เหมือนสอนหนังสือดี ที่สำคัญทุกปีที่เขาสอน ตอนท้ายคาบเรียนเขาจะนำข้อคิดและแรงบันดาลใจกับนักเรียนแต่ละรุ่นๆ ด้วย” โตโตกิบอก
ห้องไหนๆ อาจารย์คนไหน?
และเจ้าโตโตกิก็เปิดเว็บไซต์โชว์รูปนี้
พวกเราร้องเฮ้ย ตกใจว่าอาจารย์มหาลัยญี่ปุ่นมาลงภาพอะไรบ้าบอในเว็บทางการมหาวิทยาลัยโตไดเนี่ย
อาจารย์ถอดแว่นพูดทิ้งท้ายก่อนจบคาบเรียน
เมื่อผมวิจัยเรื่องศาสตร์แห่งใบหน้าไปเยอะๆ เราต้องมานั่งขบคิดนิยาม “ความสวย”
ภาพใบหน้าที่เกิดจากการแต่งรูป อาจจะไม่ใช่ความสวย
แต่ถ้าเวลาเราดูดารานักร้อง และก็ชมหน้าพวกเขา พวกนี้คือความสวยระดับสิบวินาที
แต่หากเราหันตะแคงไปเจอหน้าภรรยาที่นอนบนเตียงด้วยกัน ทั้งๆ ที่ผ่านไปเนิ่นนานมากๆ ทำไมเรายังชมผู้หญิงคนนี้ว่าสวยได้ล่ะ? ความอ่อนโยนบนใบหน้า รอยยิ้ม? แบบนี้คือความสวยระดับสิบปี
อะไรกันที่มนุษย์อย่างเราถึงออกปากชมว่า “สวย” อะไรกันคือนิยาม สมการ ทฤษฎีที่ซ่อนอยู่ในนั้น... ครูเพียงคนเดียวอาจไม่สามารถค้นพบปริศนานี้ได้... แต่อยากให้พวกเธอช่วยวิจัย ช่วยกันค้นหาความจริงนี้ด้วย
ซุสุกิหันมา... “อ๋อ อาจารย์ฮาราจิมะ นี่เอง”
“แกเอาศาสตร์เรื่อง Image processing” ไปวิจัยต่อเรื่องใบหน้าของมนุษย์น่ะ Kao gaku
เพื่อให้เข้าใจเรื่องใบหน้า ความสวยงามแกเลยลงทุนแต่งหน้าเป็นคาบุกิเองดูเลยเพื่อจะทำการทดลองว่าอยากให้วิชา Image processing เปลี่ยนหน้าเขาจากรูปชายแก่ๆ เป็นนักแสดงคาบูกิดู
ว่าแต่ว่า... ไอ้ศาสตร์ Kao Gaku มันมีอะไรสุโก้ยนะ ไม่เข้าใจแฮะมัน
พวกเราเหล่าเด็กน้อยที่ยังนั่งทำแล็บฟิวเตอร์อยู่ยังงงๆ หวังว่าจะมีสักวันหนึ่ง เราจะได้เห็นคำตอบนี้
ปี 2007 ถึงปี 2015
ในโลกใบนี้... ถูกสร้างมาว่าหากมีคนเห็นด้วยและเห็นต่าง
ความเห็นอีกฝั่งหนึ่งที่พูดเสียดสีอาจารย์ฮาระจิมะอยู่เสมอ
“มันไม่ใช่งานวิจัยที่จับต้องได้ แล้วจะไปถึงรางวัลระดับโลกไหม? ดูแล็บอื่นสิ เช่นยิงแสงเลเซอร์ไปทั่วนครวัด นครธม เพื่อประมวลผลออกมาเป็นโมเดลนครวัด นครธมสามมิติ ที่สมบูรณ์ที่สุดในจักรวาล งานแบบนี้สิถึงจะได้ลุ้นโนเบล”
“แล้วไอ้ศาสตร์ใบหน้า มันเจ๋งยังไงวะ มันน่าจะสู้ศาสตร์ในการจี้สิวบนใบหน้าให้หายไปจริงๆ ไม่ได้ด้วยซ้ำ”
ปี 2016-2020
โลกรู้จัก แอพแต่งรูปให้สวยดั่งใจ
โลกรู้จัก ฟิวเตอร์ในอีกรูปแบบหนึ่ง ฟิวเตอร์หูแมว ฟิวเตอร์หนวด ฟิวเตอร์ตาโตที่พวกเราสนุกสนาน
โลกรู้จัก กับแอพมากมายที่เปลี่ยนหน้าคนจากชายเป็นหญิง จากหญิงเป็นชายก็ได้ (เดือนที่ผ่านมันฮิตมากกก)
วันนี้พวกเราได้คำตอบที่สุโก้ยมากๆ แล้วว่า Kao Gaku ศาสตร์แห่งหน้าของอาจารย์ฮาราจิมะ มันสุโก้ยยังไง
มันทำให้มนุษย์บนโลกกว่าพันล้านคน มีรอยยิ้มบนใบหน้ายังไงล่ะ!
ผู้เขียนอยากให้เปิดเทอมใหม่นี้... พวกเราหรือลูกหลานของเรา... ไม่ได้แค่คิดว่าเรียนเพื่อหน้าที่ เรียนเพื่อแค่ทำเกรด...
แต่อยากให้พวกเขาเรียน เรียนเพื่อให้พวกเขาจะได้เนรมิตอนาคตของโลก ตามความเข้าใจของเขาเองขึ้นมา
เรื่องแนะนำ :
- 人間性 Ningen Sei ว่าด้วยเรื่อง “ความเป็นมนุษย์”
- [เรื่องสั้นสามมิติ] เทพเจ้ายังเรียกพ่อ
- [เรื่องสั้นหักมุม] กำเนิดตำนานใหม่ “Kimetsu no Yaiba ดาบพิฆาตอสูร” เพลงดาบพิชิต One Piece
- [ทดความคิด] อาเบะ... ฉันเป็นเพียงชายคนหนึ่ง
- 信頼 SHINRAI มีนาคมของญี่ปุ่นในปี 2011 แอบคล้ายๆ กับโลกในวันนี้ … มีนาคม 2020
#เรื่องสั้นสองมิติ “เปิดเทอมใหญ่หัวใจว้าวุ่น”