ชนชาติที่เรียกได้ว่ากินข้าวเป็นอาหารหลักอย่างเราๆ ถึงจะไปอยู่ที่ญี่ปุ่น ก็คงจะขาดข้าวไม่ได้แน่ๆ จะให้ซื้อข้าวไทยกินก็คงจะไม่ไหว เพราะราคาแพงลิบลิ่ว ไหนๆอยู่ญี่ปุ่นแล้ว ก็กินข้าวญี่ปุ่นนี่แหละ! แต่พอไปถึงหน้าชั้นขายข้าว ถึงกับตาลาย โอ้ยภาษาญี่ปุ่นก็อ่านไม่ค่อยจะได้ แล้วพันธุ์ข้าวยังจะเยอะอีก!! วันนี้เลยจะมาแนะนำความแตกต่างของข้าวญี่ปุ่นแต่ละพันธุ์ค่ะ
การใช้ชีวิตนักเรียนไทยในญี่ปุ่น เราจะหุงข้าวทานเองด้วยค่ะ เพราะทานนอกบ้านทุกมื้อคงหมดตัวกันพอดี และแน่นอนว่า การไปซุปเปอร์มาร์เก็ตแล้วแบกข้าวสาร 5 โล 10 โล เดินหรือขี่จักรยานกลับที่พักเป็นเรื่องปรกติ แต่จะซื้อข้าวแบบไหนดี ซายน์ …หนึ่งในเจ้าหน้าที่แนะแนว#ทีมเจ๊เอ๊ด มีคำแนะนำมาฝากค่ะ
ชนชาติที่เรียกได้ว่ากินข้าวเป็นอาหารหลักอย่างเราๆ ถึงจะไปอยู่ที่ญี่ปุ่น ก็คงจะขาดข้าวไม่ได้แน่ๆ จะให้ซื้อข้าวไทยกินก็คงจะไม่ไหว เพราะราคาแพงลิบลิ่ว ไหนๆอยู่ญี่ปุ่นแล้ว ก็กินข้าวญี่ปุ่นนี่แหละ! แต่พอไปถึงหน้าชั้นขายข้าว ถึงกับตาลาย โอ้ยภาษาญี่ปุ่นก็อ่านไม่ค่อยจะได้ แล้วพันธุ์ข้าวยังจะเยอะอีก!! วันนี้เลยจะมาแนะนำความแตกต่างของข้าวญี่ปุ่นแต่ละพันธุ์ค่ะ
เพื่อให้เข้าใจง่ายที่สุด เราขอยกตารางเปรียบเทียบมาให้ดูเลยละกัน!
ในตารางเปรียบเทียบข้างต้น มีข้าวถึง 11 พันธุ์!! และนี่ยังไม่ใช่ทั้งหมดนะคะ เป็นเพียงแค่พันธุ์เด่นๆ
แต่แค่ 11 พันธุ์เด่นๆ นี้ เราก็แทบจะบรรยายได้ไม่ครบใน 1 บทความแล้วล่ะ เลยจะขอหยิบยกเพียงแค่ 5 พันธุ์มากล่าวถึงในบทความครั้งนี้
พันธุ์แรกที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยก็คือ Koshihikari (コシヒカリ)
![](http://i771.photobucket.com/albums/xx357/marumura/Jed/Japanese%20Rice/3.png)
ถ้าดูจากในตาราง พันธุ์ Koshihkari จะอยู่ในโซน เหมาะสำหรับกินกับอาหารญี่ปุ่น ด้วยจุดเด่นที่มีความเหนียวและความแข็งกำลังดี มีรสชาติดี อีกทั้งยังเป็นพันธุ์ข้าวทนทานต่อโรคได้ดี มีแต่ดีดีดีดี ทำให้ข้าวพันธุ์นี้ เป็นพันธุ์ข้าวยอดฮิตอันดับหนึ่งที่คนญี่ปุ่นชื่นชอบ และมียอดการผลิตเป็นอันดับหนึ่งเลย ใครที่เคยไปกินข้าวตามร้านอาหารในญี่ปุ่น ก็คงจะเคยกินข้าวพันธุ์นี้ไปโดยไม่รู้ตัวแล้วแน่นอน
แหล่งผลิตที่สำคัญ คือ จังหวัดนีงาตะ จังหวัดอิบาระงิ จังหวัดโทชิงิ จังหวัดจิบิ จังหวัดมิยาซากิ
ส่วนตัวแล้วผู้เขียนก็ยังไม่เคยซื้อข้าวพันธุ์ Koshihikari นี้มาหุงกินเอง เหตุเพราะมันดัง แล้วเราอินดี้
พันธุ์แรกที่เลือกซื้อมาลองหุงกินก็เลยเป็นพันธุ์ Hitomebore (ひとめぼれ)
![](http://i771.photobucket.com/albums/xx357/marumura/Jed/Japanese%20Rice/4.png)
ถ้าถามว่าทำไมเป็นพันธุ์นี้ ขอตอบแบบสวยๆเลยว่า ชื่อมันเพราะดี Hitomebore แปลว่า รักแรกพบ
จุดเด่นของข้าวพันธุ์นี้ (นอกจากชื่อเพราะแล้ว) คือตัวเม็ดข้าวที่มีความเงางาม เม็ดค่อนข้างใหญ่ และมีความหวานกับความเหนียวที่พอเหมาะ ให้รสชาติเบาๆ นำไปทานกับอะไรก็อร่อยโดยเฉพาะเอาไปทำกับแกล้มเหล้า
แหล่งผลิตที่สำคัญ จังหวัดมิยางิ จังหวัดอิวาเตะ
หลังจากเลือกพันธุ์ข้าวมั่วๆ จากความเพราะของชื่อแล้ว ข้าวพันธุ์ถัดมาที่ผู้เขียนเลือกซื้อกิน (และกินแต่พันธุ์นี้ต่อเนื่องเกือบปี) ก็คือ …
![](http://i771.photobucket.com/albums/xx357/marumura/Jed/Japanese%20Rice/5.png)
พันธุ์ Akitakomachi (あきたこまち)ที่เลือกซื้อพันธุ์นี้มาลองกินเพราะว่า ได้ข่าวว่าไม่เหนียวมาก ใกล้เคียงข้าวไทยมากที่สุด ซึ่งถ้าดูจากในตาราง ก็จะเห็นว่า Akitakomachi เป็นพันธุ์ข้าวกลางๆ ที่อยู่เกือบจะตรงกลางเลย จุดเด่นของข้าวพันธุ์นี้ก็คือ หุงขึ้นหม้อ แถมเย็นแล้วก็ยังอร่อย ทำให้ได้รับความนิยมจากร้านข้าวกล่องและร้านข้าวปั้นอย่างมาก
แหล่งผลิตที่สำคัญ จังหวัดอะคิตะ จังหวัดอิวาเตะ จังหวัดอิบาระงิ จังหวัดจิบะ
สำหรับคนที่ชอบกินซูชิ คงไม่รู้จักข้าวพันธุ์ Sasanishiki (ササニシキ)ไม่ได้
![](http://i771.photobucket.com/albums/xx357/marumura/Jed/Japanese%20Rice/6.png)
ด้วยจุดเด่นที่มีความร่วน หุงเสร็จแล้วให้ความหอม และรสชาติที่ไม่จัด ทำให้ช่วยดึงรสชาติของอาหารที่เรากินคู่ด้วยออกมาได้มาก จึงทำให้ Sasanishiki เป็นพันธุ์ข้าวยอดนิยมสำหรับร้านซูชิ สมัยก่อน Sasanishiki ได้รับความนิยมสูงพอๆกับ Koshihikari เลยล่ะค่ะ แต่เพราะเป็นโรคง่าย เลยไม่ค่อยมีคนปลูก อย่างไรก็ตาม ข้าวพันธุ์นี้ก็มีแฟนคลับที่เหนียวแน่นอยู่ไม่น้อยค่ะ
แหล่งผลิตที่สำคัญ จังหวัดมิยางิ
พันธุ์สุดท้ายที่จะขอกล่าวถึงก็คือ Mori no Kumasan(森のくまさん)ค่ะ
![](http://i771.photobucket.com/albums/xx357/marumura/Jed/Japanese%20Rice/7.png)
ที่เลือกพันธุ์นี้มาก็เพราะว่า ชื่อพันธุ์ข้าวที่น่ารักสุดๆ จนได้รับเลือกเป็นอันดับ 1 พันธุ์ข้าวชื่อเก๋ จากเว็บ http://okome-ranking.net/ เลยล่ะค่ะ เพราะข้าวพันธุ์นี้ เป็นข้าวของจังหวัด Kumamoto (จังหวัดที่มี Kumamon เป็นมาสคอตนั่นแหละค่ะ) และปลูกอยู่ในป่า ข้าวพันธุ์นี้จึงได้ชื่อว่า Mori no Kumasan (Mori = ป่า / Kuma = หมี / San = การผลิต) [หรือถ้าให้เจ๊เรียกเองจะเรียกว่า ข้าวพันธุ์คุณหมีป่า เพราะ San แปลว่าคุณได้ด้วย] นอกจากจุดเด่นเรื่องชื่อแล้ว ข้าวพันธุ์นี้ก็ยังมีจุดเด่นที่เป็นข้าวเม็ดเรียวเล็ก มีความหนึบ และความหวานอร่อย จนได้รับรางวัลผลผลิตรสชาติดีเยี่ยมอันดับที่ 1 ในปีพ.ศ. 2556 ด้วย
แหล่งผลิตที่สำคัญ จังหวัดคุมะโมโต้
นอกจากเรื่องพันธุ์ข้าวที่ต้องเลือกแล้ว อีก 1 จุดที่อยากให้สังเกตเวลาซื้อข้าวญี่ปุ่นก็คือ ให้ดูว่าที่บนถุงมีคำว่า 無洗米 อยู่รึเปล่า (คำนี้เป็นคำโปรดของผู้เขียนเลยล่ะค่ะ) เพราะถ้ามีคำนี้อยู่บนถุงแล้วล่ะก็ แปลว่าข้าวนี้ ไม่ต้องทำการซาวก่อนหุงนั่นเอง!! เทข้าวใส่หม้อใส่น้ำปิดฝาแล้วหุงโลดค่ะ!
พบปะ “เจ๊เอ๊ด” และ #ทีมเจ๊เอ๊ด ได้ที่ >>> www.facebook.com/jeducationfan
ข้อมูลเรียนต่อญี่ปุ่น-เรียนภาษาญี่ปุ่น >>> www.jeducation.com
เรื่องแนะนำ :
– ชมซากุระที่พิพิธภัณฑ์ศิลปะกลางป่า..Miho Museum
– แทนที่การ “ตัด” ด้วยการ “เติม”
– ตะลุย 29 สถานีรถไฟสายยามาโนเตะในวันเดียว กับ Tokyo Yamathon
– เปิดโลกอิสระที่แดนอาทิตย์อุทัย กับการเรียนภาษาญี่ปุ่นระยะสั้น
– ตีตั๋วความรักชั้นหนึ่ง สู่สถานีรถไฟแห่งความสุข Kofuku Station
ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพ :
http://www.yamatane.co.jp/kome/story/brand.html
http://okome-ranking.net/Okome_Tokuchou.html
http://www.maff.go.jp/j/heya/kodomo_sodan/0004/04.html
http://taroyan3rd.com/m/
http://item.rakuten.co.jp/i-collect/1110863/
http://www.irisplaza.co.jp/
http://komegura85.net/
http://item.rakuten.co.jp/rcmd/ok-hs-misasa2/
http://www.t-srecomme.com/