คนญี่ปุ่นจะใส่ใจกับคนตรงหน้ามาก สังเกตกันทุกรูขุมขนเลยทีเดียว ทั้ง ท่าทาง คำพูด สีหน้า แววตา สายตา ติ่งหู รูสิว … จากนั้น เขาจะนำข้อมูลต่างๆ ที่ได้มาประมวลและวิเคราะห์ว่า คุณคิดอย่างไร
คนญี่ปุ่นเป็นคนที่สุภาพมาก มารยาทดีมาก และขี้เกรงใจมาก…
คุณสมบัติด้านบนนี่ ทุกท่านทราบดี
แต่เนื่องด้วยคุณสมบัติทั้ง 3 ประการข้างต้น ทำให้คนญี่ปุ่นเป็นคนที่ไม่พูดตรงๆ ไม่แสดงความรู้สึกหรือความต้องการเท่าไร
อันนี้… ทุกท่านก็คงทราบดี
แต่… คุณสมบัติและพฤติกรรมดังกล่าว ได้พัฒนาทักษะอย่างหนึ่งของคนญี่ปุ่นขึ้นมา นั่นคือ ความช่างสังเกต

คนญี่ปุ่นจะใส่ใจกับคนตรงหน้ามาก สังเกตกันทุกรูขุมขนเลยทีเดียว ทั้ง ท่าทาง คำพูด สีหน้า แววตา สายตา ติ่งหู รูสิว … จากนั้น เขาจะนำข้อมูลต่างๆ ที่ได้มาประมวลและวิเคราะห์ว่า คุณคิดอย่างไร เช่น คุณป้าญี่ปุ่นชวนคุณไปทานข้าว
ป้า: สั่งอะไรก็ได้เลยนะจ๊ะ
คุณ: ผมว่าผมเอาเซ็ท A ฮะ (คุณตัดสินใจเลือกเซ็ทนี้ เพราะเป็นเซ็ทที่ถูกที่สุด)
(ระหว่างนั้น คุณป้าเห็นคุณพลิกเมนูไปมา หยุดดูที่หน้าหนึ่งนานเป็นพิเศษ แต่ก็เปิดกลับมาที่เซ็ทเมนูหน้าแรก ป้าเห็นคุณยิ้มเฝือนๆ ตอนตอบว่าเอาเซ็ท A ตอนตอบ คุณใช้คำว่า “ผมว่าผมเอา….” หากนั่นเป็นเมนูที่คุณต้องการจริงๆ ตอบแค่ “ผมเอา…” ก็พอ จากข้อมูลต่างๆ เหล่านี้ ป้าจึงวิเคราะห์ออกมาได้ว่า คุณกำลังเกรงใจที่ป้าต้องเลี้ยงข้าวคุณแพงๆ จึงเสนอไปว่า)
ป้า: ไม่ต้องเกรงใจนะ เอาซูชิก็ได้ เราชอบซูชิไม่ใช่เหรอ
(โป๊ะเชะ! ป้าสังเกตเห็นว่า หน้าที่คุณหยุดดูนานที่สุด คือ หน้าซูชิ ป้าเห็นสีหน้าเคลิบเคลิ้มนิดๆ ของคุณ ป้าก็เลยเดาว่า คุณชอบซูชิ)
คุณ: โอ… ขอบคุณมากครับ งั้นผมเอาซูชิเซ็ทนี้
นี่คือตัวอย่างการพยายามอ่านสีหน้าท่าทางและสังเกตทุกรูขุมขนของคนญี่ปุ่นค่ะ ตัวอย่างที่เห็นได้บ่อยๆ เช่น เวลาไปทานข้าวกับคนญี่ปุ่น เขาจะคอยสังเกตว่า เครื่องดื่มฝ่ายตรงข้ามหมดหรือยัง เวลาเสนอพรีเซนเตชั่นอะไร ต้องอ่านสีหน้าเขาดีๆ ว่าชอบหรือไม่ชอบ บางทีไม่ชอบ แต่ก็พยักหน้า คนชาตินี้ไม่พูดอะไรตรงๆ ค่ะ ต้องอาศัยการสังเกตเอา
อย่าคิดว่า ทักษะช่างสังเกตนี้เป็นทักษะที่ละเอียดอ่อน คงมีแค่สาวๆ ญี่ปุ่นเท่านั้นที่ทำ ดิฉันมีตัวอย่างหนุ่มญี่ปุ่น 2 คน ชื่อ จุน กับ โคบาริ มาเล่าให้ฟังค่ะ
จุนกับโคบาริเป็นนักศึกษาที่มาแลกเปลี่ยนที่มหาวิทยาลัยดิฉัน และดิฉันเป็นอาจารย์ที่ปรึกษา นานๆ ทีสองคนนี้ก็จะเข้ามาปรึกษาเรื่องรายงานเกี่ยวกับสังคมไทยที


ตลอด 6 เดือนที่ทั้งคู่อยู่ไทย ดิฉันเจอแค่ 4-5 ครั้งเองค่ะ เมื่ออาทิตย์ก่อน เจ้าจุนบินมาเที่ยวเมืองไทย เลยนัดเจอดิฉัน เราก็นั่งเม้าท์มอย ต่างฝ่ายต่างอัพเดทชีวิตการทำงานของกันและกัน เจ้าจุนก็เม้าท์ถึงมัทสึโมโต้…เด็กแลกเปลี่ยนคนหนึ่ง ที่ชอบโดนเพื่อนในรุ่นแซว มัทสึโมโต้นี่ เป็นเด็กในที่ปรึกษาของอาจารย์ A
ขณะเม้าท์มอยอยู่นั้น จุนถามดิฉันว่า “อาจารย์ A กับอาจารย์ B ไม่ถูกกันเหรอ”
ดิฉันอึ้งไป สารภาพว่าดิฉันเองไม่ทราบ เลยถามจุนว่า รู้ได้ไง
จุนบอกว่า สังเกตตอนอาจารย์ 2 ท่านนี้อยู่ด้วยกัน เขาไม่ค่อยคุยกัน มันเหมือนมีบรรยากาศมาคุอะไรบางอย่าง เนื่องด้วยพวกนักเรียนญี่ปุ่นสงสัยกันมาก เลยใช้มัทสึโมโต้ให้ไปถามอาจารย์ A (อีเด็กพวกนี้ก็ช่างกล้า) อาจารย์ A ยิ้มๆ ไม่ได้ปฏิเสธ พวกจุนก็เลยฟันธงว่าอาจารย์ 2 ท่านนี้ไม่ถูกกันแน่นอน
ดิฉันอึ้งไป … ตูทำงานมหาวิทยาลัยนี้มา 2 ปี ไม่เห็นเคยรู้กรณีพิพาทของอาจารย์ 2 ท่านนี้เลย หลังจากแยกกับจุน ดิฉันก็เลยโทรไปถามรุ่นพี่ว่า เขาไม่ถูกกันจริงเหรอ รุ่นพี่บอกว่า เขางอนๆ กันอยู่น่ะ โอ้…. คนญี่ปุ่นช่างสังเกตจริงๆ (ขนาดเจ้าจุนเจออาจารย์ A กับอาจารย์ B พร้อมหน้าพร้อมตากันแค่ครั้งเดียว)
ความช่างสังเกตของนักศึกษาญี่ปุ่นผู้น่ารักของดิฉันยังไม่สิ้นสุดแค่นี้ค่ะ จุนบอกว่า ผมกับโคบาริยังมีข้อสงสัยอีกประการหนึ่ง “เกตุวดีเซ็นเซมีแฟนแล้วเหรอครับ”
(ปกติคนญี่ปุ่นเขาไม่ถามเรื่องส่วนตัวนะ แต่ 2 ตัวนี้มันเกรียนมาก)
ดิฉันก็อึ้งไป …. ไม่ตอบ แต่ถามกลับว่า ทำไมเหรอ
จุนบอกว่า ตอนที่เจอครั้งแรกกับครั้งที่สอง อาจารย์ไม่เหมือนเดิม คือว่า จุนกับโคบาริมาเจอดิฉันครั้งแรกตอนประมาณเดือนตุลาปีก่อน คุยกันเรื่องโครงรายงาน หลังจากนั้น 3 เดือน ก็มาเจอกันอีกรอบเพื่อรายงานผลความคืบหน้า มีทติ้งแต่ละครั้งนี่ ไม่เกิน 1 ชั่วโมง ดิฉันจับความได้ว่า หลังมีทติ้งครั้งที่ 2 ตาจุนกับตาโคบาริแอบไปเม้าท์กัน 2 คน
ตาโคบาริเริ่มก่อนว่า “อ.เกตุวดีต้องเพิ่งคบใครแน่ๆ ตอนคุยกันเมื่อ 2-3 เดือนก่อน ไม่ได้ท่าทางแบบนี้” จุนก็เห็นด้วย แต่ทั้งคู่ก็ยังไม่แน่ใจจนจุนมาคอนเฟิร์มดิฉันคราวนี้
อืม… ช่วงนั้น มีคนกิ๊กๆ ด้วย จะว่าไป ทั้งคู่ก็ค่อนข้างทายถูก
แต่นั่น…. ไม่ใช่ประเด็น!
นังผู้ชายญี่ปุ่นพวกนี้เป็นอะไร… สายตาแหลมคมกันเสียเหลือเกิน ดิฉันพยายามเค้นจากจุนว่า เอ็งรู้ได้อย่างไร แต่จุนบอกว่า มันเป็นสัญชาตญาณ … นังพวกนี้นิ่
ดิฉันเลยไปลองนั่งเสิร์ชว่า พวกผู้ชายเขาสังเกตกันอย่างไร ได้ข้อมูลประมาณว่า ผู้หญิงที่เพิ่งคบแฟนนั้น มักมีลักษณะดังต่อไปนี้ ….
• สวยขึ้น ผิวดีขึ้น (อันนี้คล้ายๆ ของไทย ผู้หญิงที่มีความรักจะสวยขึ้น)
• ใส่เสื้อผ้ามีสีสันมากขึ้น จากกางเกง อาจเปลี่ยนมาเป็นกระโปรง จากเสื้อสีทึม อาจใส่สีสันมากขึ้น
• ดูร่าเริง (แหม่…คนมีความรักก็ย่อมมีความสุขสิ)
• กรณีที่ผู้หญิงคนนั้นนิสัยดุ ทำงานเอาจริงเอาจัง หากมีแฟน เจ้าหล่อนจะหยวนกับเรื่องอะไรต่อมิอะไรมากขึ้น ใจดีขึ้น
นอกจากนี้ ยังมีบทความทำนองว่า “วิธีสังเกตว่า สาวในออฟฟิศไปค้างบ้านแฟนมาเมื่อคืนหรือเปล่า” “วิธีสังเกตว่า เพื่อนร่วมงานสาวมีแฟนแล้วหรือยัง” อีพวกผู้ชายญี่ปุ่นก็ช่างสังเกต ช่างเม้าท์เหมือนกันนะคะเนี่ย
กลับมาที่ประเด็นของจุนและโคบาริค่ะ ที่ดิฉันตกใจ คือ ทั้งคู่เจอดิฉันแค่ครั้งละ 1 ชั่วโมง แถมห่างกันตั้ง 2-3 เดือน แต่ก็ยังอุตส่าห์เห็นความเปลี่ยนแปลงของดิฉันได้ ทายถูกทั้งเรื่องของดิฉัน และเรื่องของอาจารย์ A เลย เก่งจริงๆ (อันนี้ยอมรับ)
เพราะฉะนั้น เวลาอยู่กับคนญี่ปุ่น ระวังนะคะ เขาสังเกตคุณทุกอณูไปเรียบร้อยแล้ว และที่เฮียๆ แกดูสุภาพ พูดน้อยๆ นี่ ในหัวพวกเขาอาจกำลังวิเคราะห์ประมวลผลข้อมูลที่เก็บได้จากการสังเกตทุกอย่างของคุณก็ได้ สุดท้ายนี้ ขออำลาด้วยวิธีสังเกตว่า หนุ่ม/สาวคนนั้นมีเจ้าของแล้วหรือยัง สไตล์ญี่ปุ่นค่ะ
วิธีที่หนุ่มญี่ปุ่นสังเกตว่า สาวที่หมายปองมีคนจองแล้วหรือยัง
1. ดูมือถือบ่อยๆ (อันนี้ คนไทยส่วนใหญ่ทำ อาจไม่ค่อยมีประโยชน์)
2. มักใส่สร้อยหรือแหวนหรือเครื่องประดับเดิมๆ (นัยว่า..แฟนให้)
3. รู้เรื่องแมนๆ เช่น ฟุตบอล เบสบอล แบรนด์เสื้อผ้าชายยอดฮิต (นัยว่า … แฟนเล่าให้ฟัง)
4. วันหยุดเสาร์อาทิตย์หรือวันสำคัญๆ เช่น คริสต์มาสอีฟ วาเลนไทน์ มักไม่ว่างตลอด
5. ไม่ค่อยเคอะเขินเวลาคุยกับผู้ชาย
6. พยายามลดความอ้วน (555…)
วิธีที่สาวญี่ปุ่นสังเกตว่า หนุ่มที่หมายปองมีคนจองแล้วหรือยัง
1. ลองถามว่า เสาร์อาทิตย์ทำอะไร ถ้าตอบแนวว่า “อยู่บ้านเล่นเกม” คาดว่ายังโสดค่ะ
2. งานอดิเรกหลากหลายหรือไม่ ถ้าพี่แกบ้ามอเตอร์ไซค์ ชอบปีนเขา ชอบสะสมของเก่า คาดว่ายังโสดค่ะ
3. ผู้ชายที่ไม่ค่อยกล้าคุยกับผู้หญิง ไม่รู้ว่าจะคุยยังไง หรือคุยไม่ค่อยเก่ง คาดว่ายังโสดค่ะ
4. หากหนุ่มคนนั้นห้อยพวงกุญแจหรือสวมสร้อยที่ดูอาจไม่ค่อยเข้ากับรูปลักษณ์ภายนอกแก มีความเสี่ยงสูงที่จะมีแฟน แล้วแฟนเป็นคนซื้อของเหล่านั้นให้ค่ะ
ป.ล. ใครอยากเห็นภาพหน้าจริงของจุน และเรื่องราวของจุนกับโคบาริ ติดตามในเพจเลยนะจ๊า https://www.facebook.com/gadewadeemarumura
ทักทายพูดคุยกับเกตุวดี ได้ที่ >>> Facebook เกตุวดี
เพื่อนๆ ทราบหรือยังว่า คอลัมน์ Japan Gossip ของพวกเราถูกรวมเล่มเป็นหนังสือแล้ว!!! ชื่อ “Japan Gossip: เม้าท์ญี่ปุ่นให้คุณยิ้ม” มีแทรกการ์ตูนและเกร็ดเรื่องเล่าญี่ปุ่นเพิ่มด้วย

การ์ตูนปกน่ารักมาก แต่ยืนยันว่า เกตุวดีตัวจริงสวยและเซ็กซี่กว่า

ใครสนใจ ลองหาไว้วางในห้องน้ำเพื่อนั่งอ่านให้ขำยามเช้าตอนประกอบภารกิจ หรือจะซื้อฝากคนที่จะไปเที่ยว/เรียนญี่ปุ่นก็ได้ เราไม่ว่ากัน หาซื้อได้ตามร้านหนังสือทั่วไป เช่น ซีเอ็ด นายอินทร์ เลยค่ะ เล่มละ 180 บาท