ชีวิตดี๊ดี… กับคำตอบสุดอึ้งของคนญี่ปุ่น นักข่าวมารุมุระขอรวบรวมตัวเลขหรือเหตุการณ์หลาย ๆ ที่น่าจะทำให้เราค้นพบว่าชีวิตที่ดีของเขา โดยเฉพาะคนญี่ปุ่นเขาน่าจะนิยามและให้คำตอบนี้กันยังไง
“ชีวิตเราดีไหม?”
เมื่อวันก่อน…. จู่ ๆ ผมก็พบคำถามอันนี้ โดยส่วนตัวมันเป็นคำถามที่ตอบยาก เพราะนิยามชีวิตที่ดีแต่ละคน แต่ละชาติเผ่าพันธุ์ หรือแค่แต่ละเพศวัยก็น่าจะแตกต่างและหลากหลาย สำนักข่าวมารุมุระเลยลองรวบรวมตัวเลขหรือเหตุการณ์หลาย ๆ ที่น่าจะทำให้เราค้นพบว่าชีวิตที่ดีของเขา โดยเฉพาะคนญี่ปุ่นเขาน่าจะนิยามและให้คำตอบนี้กันยังไง
เริ่มจาก.. ความเท่าเทียมกันของชีวิตผู้คนเลยดีกว่า (ขอโทษทีนะครับ เริ่มเปิดเรื่องมาเป็นระดับวาระแห่งชาติ อ้างอิงเรื่องใหญ่ไฟกระพริบแบบนี้)
ตัวเลขตัวหนึ่งที่ถูกการยอมรับเอาไว้วัดความเหลื่อมล้ำของคนในชาติ ด้วย “เงิน” คือดัชนีจีนี่ … ซึ่งประเทศไทยของเราค่อนข้างขึ้นชื่อมาตลอดว่าคนรวยจะรวยและสุขมากมาย ส่วนคนจนจะรับความทุกข์ไปอย่างหนักหน่วง… ส่วนญี่ปุ่นเขาจะพยายามลดช่องว่างความเหลื่อมล้ำทางการเงิน ซึ่งไทยห่างกับญี่ปุ่นอยู่เยอะอยู่ พูดง่าย ๆ คือ สังคมญี่ปุ่นจะพยายามเฉลี่ยความมีชีวิตดีดี๊ที่วัดด้วยความจนกับความรวยของคนให้รับไปพอ ๆ กัน หรือให้ใกล้ที่สุดเท่าที่เป็นไปได้…
แต่ถ้ามองชีวิตในเมืองของญี่ปุ่นแล้ว… หากจะบอกว่าชีวิตที่ดีคือสะดวกสบาย ก็จริงแค่กึ่งเดียว เพราะเกินครึ่งค่อนก็ต้องเดินทางโดยรถไฟสาธารณะ ที่ยังแน่นและโหดร้ายกว่าไทยอยู่ (ข้อมูลเพิ่มเติมลองอ่านบทความที่เคยพูดถึงความไม่คูล เจแปนที่นี่ได้ครับ : https://www.marumura.com/not-cool-japan/)
หรือกระทั่งวันนี้ ทั้งๆที่ประเทศญี่ปุ่นพยายามหาแคมเปญมากมาย ให้คนญี่ปุ่นทำงานน้อยลง ให้ work life balance ดีขึ้นแต่ตัวเลขบางอย่างกับย้อนแย้งความคิดนี้ อาทิเช่น ผลสำรวจกับฟ้องว่าคนในวัย 35-39 ยิ่งทำ OT มากยิ่งเป็นกลุ่มที่ได้รายได้มาก อย่างตัวอย่างภาพด้านซ้ายนี้ คนที่ทำ OT ต่อเดือนไม่ถึงสี่สิบชั่วโมง จะเป็นกลุ่มที่มักได้รายได้น้อยกว่า สามล้านเยนต่อปี พูดง่ายๆ คือ ยิ่งอยู่บริษัทนาน ๆ ยิ่งจะมีโอกาสรวย คนญี่ปุ่นยังไม่หลุดพ้นกับความคิดที่ว่าทำงานเสร็จเร็วกลับตรงเวลาจะเจริญ คนญี่ปุ่นยังเหมือนเชื่อว่ายิ่งทำงานในบริษัทนาน ๆ ยิ่งจะก้าวหน้าเร็ว !?
แต่หลังจากผมพูดคุยกับคนญี่ปุ่นตลอดสัปดาห์นี้ที่ผ่านมา ทำให้ผมรู้สึกเองเรื่องหนึ่งว่าทั้ง ๆ ที่คนญี่ปุ่นไม่น่ามีชีวิตของเขาโดยเฉพาะวันทำงานดี๊ดีมากมาย พวกเขาต้องเหนื่อยกับการไปทำงาน พวกเขาต้องอดทนทำงานที่มี working hours ที่มากกว่าไทยเกือบเท่าตัว โดยหลาย ๆ โอกาสไม่กล้าที่จะเบิก OT ด้วยซ้ำเพราะกลัวจะถูกมองว่าทำงานไร้ประสิทธิภาพ จะมีดีหน่อยคือ สามารถกิน Starbucks ชิล ๆ ได้ในราคาที่สบายกระเป๋าตังค์กว่าเมืองไทยมากมาย
(ไม่ได้คิดจะโฆษณานะครับ แต่พูดถึงสตาร์บัคส์… ต้องแนะนำผู้อ่านให้รู้จักบทความร้านสตาร์บัคส์สุดฟินในญี่ปุ่น : https://www.marumura.com/great-starbucks-in-japan/)
จนมาถึงปลายสัปดาห์… ผมพบผู้ใหญ่ท่านหนึ่งในบริษัทญี่ปุ่นชื่อดัง ท่านได้ทิ้งคำนิยามชีวิตที่ดีของเขาให้ผมได้ฟัง… เล่นเอาผู้เขียนถึงบางอ้อ ทำให้ผมยอมรับว่าทำไมพวกเขาที่ใช้ชีวิตกันดูตึงแบบนี้ กลับเชื่อว่าตัวเองมีชีวิตที่ดีได้
ชีวิตที่ดี คือชีวิตมีพอ พอที่จะเสียสละให้ส่วนรวมมากกว่าให้ตัวเอง
แล้วท่านผู้อ่านที่รักล่ะครับ…. พวกเรามีชีวิตที่ดี๊ดีแล้วหรือยัง ?
เรื่องแนะนำ :
– ว่าด้วยเรื่องสมอง part 2 : พลังแห่งสมาธิเพื่อเอาชนะปลาทอง
– Quiz เด็กประถมฮาเฮ (มีรางวัล)
– ข้อคิดกับสถิติมาราธอนที่ช้าที่สุดในโลก
– สามเรื่องที่น่าจะมีสาระ (แต่ไม่ต้องรู้ก็ได้แค่อยากบอก) เกี่ยวกับหนัง AV ญี่ปุ่น Part 2.9
– สามเรื่องที่น่าจะมีสาระ (แต่ไม่ต้องรู้ก็ได้แค่อยากบอก) เกี่ยวกับหนัง AV ญี่ปุ่น Part2