มวยปล้ำญี่ปุ่นตอนนี้อยู่ในช่วงเวลาที่ยากลำบากครับ ดังนั้นผมจึงอยากนำประเด็นตรงส่วนนี้มานำเสนอออกมา แยกเป็นข้อๆ เพื่อให้ผู้อ่านพอเห็นภาพรวมของสถานการณ์ที่เกิดขึ้นครับ
ก่อนอื่นที่ตั้งใจเขียนเรื่องนี้ขึ้นมา เพราะผมเองเป็นคนหนึ่งที่ทำงานอยู่ในธุรกินมวยปล้ำครับ และเป็นคนนึงที่เชื่อมั่นมาตลอดว่าวงการมวยปล้ำญี่ปุ่นนั้นแม้จะพอมองเห็นข้อเสีย ข้อผิดพลาดอยู่บ้าง แต่ก็ยังมีอนาคตที่มั่นคงสดใส
อย่างไรก็ตามจากการที่ได้คุยกับคนหลายๆ คนในวงการ ตลอดจนภาพแสดงที่ชัดเจนในช่วงหลัง ก็พอจะบอกได้ว่ามวยปล้ำญี่ปุ่นตอนนี้อยู่ในช่วงเวลาที่ยากลำบากครับ ดังนั้นผมจึงอยากนำประเด็นตรงส่วนนี้มานำเสนอออกมา แยกเป็นข้อๆ เพื่อให้ผู้อ่านพอเห็นภาพรวมของสถานการณ์ที่เกิดขึ้นครับ

1. ช่องว่างของสมาคมใหญ่และเล็กขยายตัวขึ้นเรื่อยๆ
หากย้อนกลับไปในช่วงสักสิบยี่สิบปีก่อนจะเห็นว่าวงการมวยปล้ำในญี่ปุ่น (หรือกระทั่งในระดับโลกเอง) จะมีการแข่งขันกันสูง มีสมาคมหลายแห่งที่มีขนาดใกล้เคียงกันและเกิดการต่อสู้ซึ่งกันและกัน ทั้งในด้านธุรกิจ ด้านจำนวนคนดู คุณภาพการปล้ำ ฯลฯ แต่ปัจจุบันสมาคมใหญ่ในอดีตก็ค่อยๆ ล้มหายตายจากกันไป หรือลดขนาดลงไปจนไม่มีศักยภาพมากพอในการต่อสู้
ในวงการมวยปล้ำชายนั้น อันดับหนึ่งในปัจจุบันก็ต้องยกให้ทางฝั่งของ New Japan Pro Wrestling ที่กำลังเติบโตไปในระดับโลก
แต่ถ้าพูดถึงอันดับสองล่ะ?
ค่ายในอดีตที่เคยแข็งแกร่งอย่าง Noah ตอนนี้ก็ตกต่ำลงจนได้บริษัทแม่เดียวกันกับ NJPW เข้ามาดูแล (ดังนั้นจึงถูกลดศักยภาพไปโดยปริยาย) หรือ All Japan Pro Wrestling ค่ายคู่แข่งตั้งแต่ครั้งโบราณก็เละเสียใจไม่เหลือสภาพที่จะมาแข่งด้วยเลย หรือค่ายอื่นๆ ที่มาแรงอย่าง DDT แม้จะเติบโตขึ้นมาก แต่ปีก่อนยอดคนดูในรายการใหญ่ก็หายไปกว่าหมื่นคน และหากเทียบดูแล้วสเกลงานก็ยังต่างกันมากอยู่ดี ตอนนี้อาจถือเป็นเรื่องดีที่มีสมาคมใหม่เปิดตัวขึ้นมาเรื่อยๆ แต่สุดท้ายแล้วเราก็ต้องยอมรับว่าค่ายใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นมามากมายนั้น มันเป็นค่ายที่ไม่มีศักยภาพมากพอที่จะแข่งขันในตลาดใหญ่ แน่นอนมันอาจสนุกสนานในละแวกของตนเอง มีนักมวยปล้ำที่เก่ง และมีฝีมือ แต่ในภายหลังนักมวยปล้ำเหล่านี้ก็จะถูกค่ายใหญ่ๆ ดูดตัวไป จนค่ายตัวเองหมดสภาพในที่สุด กลายเป็นวงจรแบบนี้ครับ

2. นักลงทุนไม่มีความเข้าใจในเรื่องมวยปล้ำ
แน่นอนว่าสิ่งที่ทำให้ศักยภาพในการแข่งขันพัฒนาได้เร็วที่สุดก็คือเงินลงทุน ส่วนใหญ่แล้ววงการมวยปล้ำจะใช้วิธีการที่มีผู้ลงทุนรายหลักอยู่เบื้องหลัง และใช้นักมวยปล้ำที่ได้รับการเคารพนับถือออกมาหน้าฉากในตำแหน่งผู้บริหาร ทั้งนี้เพื่อช่วยในส่วนของภาพลักษณ์และความน่าเชื่อถือในการติดต่องาน ทีนี้ปัญหาที่เกิดขึ้นก็คือ นักธุรกิจ นักลงทุนหลายคนรู้ว่าวงการมวยปล้ำจำเป็นต้องมีพวกเขา จำเป็นต้องใช้เงินของเขา ดังนั้นในบางครั้งพวกเขาจะมีข้อเสนอหรือข้อเรียกร้องที่ไม่เป็นธรรมนักในการวางแผน เช่นต้องการให้นักมวยปล้ำคนหนึ่งคนใดชนะ เป็นข้อต่อรอง วิธีการเหล่านี้เริ่มมีมากขึ้นเรื่อยๆ ครับ จนทำให้ค่ายมวยปล้ำหลายค่ายที่ช่วงนึงทำท่าจะดี แต่ก็เจอปัญหาภายในจนหมดอนาคตไปเสียอย่างนั้น

3. มาเฟีย
จริงๆ มาเฟียเป็นสิ่งที่อยู่คู่มานานแล้วกับวงการมวยปล้ำครับ จริงๆ ก็คือวงการสื่อบันเทิงญี่ปุ่นทั้งหมดนั่นแหละ มีการกล่าวกันว่ามาเฟียของแต่ละจังหวัดนั้น จะมีธุรกิจหลักอย่างหนึ่งคือการดูแล Hall หรือ Entertainment Zone ในจังหวัดนั้นๆ ซึ่งนั่นหมายถึงการปล่อยเช่าสถานที่แข่งขัน สถานที่จัดแสดง ซึ่ง(ลือ) กันว่าสมาคมแต่ละแห่งก็ต้องมีการพูดคุยกับมาเฟียเหล่านี้ก่อนเพื่อให้งานผ่านพ้นไปด้วยดี (ในกรณีนี้หมายถึงสมาคมใหญ่เท่านั้นนะครับ สมาคมเล็กๆ ที่ไม่มีมีผลต่อธุรกิจในภาพรวมอะไร แกก็จะปล่อยๆไป)
ในเรื่องนี้เคยมีบันทึกเอาไว้ในหนังสือชีวประวัติของไดนาไมท์ คิด นักมวยปล้ำชายชาวอังกฤษที่มาใช้ชีวิตอยู่ในญี่ปุ่นและมีชื่อเสียงครับ เขาบอกว่าตอนนั้นเขาขึ้นปล้ำให้กับสมาคม New Japan Pro Wrestling ตอนนั้นประธานสมาคมคือ อันโตนิโอ อิโนกิ (นักมวยปล้ำคางยื่นที่ทุกคนน่าจะรู้จักกัน เพราะถูกเอามาล้อบ่อยๆ) โดยปกตินั้นอิโนกิเป็นคนดุมากและคนในหลังเวทีก็จะให้การเคารพ
แต่มีอยู่วันหนึ่งเขาบังเอิญเปิดประตูไปผิดห้อง และภาพที่เขาเห็นก็คืออิโนกิกำลังก้มหัวโค้งให้เหล่ามาเฟียมากมายอย่างนอบน้อม ซึ่งนั่นคือครั้งแรกที่เขาสัมผัสถึงสถานการณ์ที่มวยปล้ำต้องเกี่ยวข้องกับวงการมาเฟีย
สิ่งนี้คือปัญหาสำหรับคนที่ไม่มีคอนเนคชั่นครับ การเติบโตก็จะเป็นไปได้ยาก (บางคนก็บอกว่ามวยปล้ำบางรายการเป็นการฟอกเงินของมาเฟียด้วยซ้ำ เพราะบางคนไปดูในสนาม จะเห็นเลยว่าสนามใหญ่มาก ค่าเช่าไม่ใช่ถูกแน่ๆ และคนดูก็ไม่มีเลย จะได้กำไรจากไหน แต่พอเห็นรายงานผลการแข่งขันทางทีวี ปรากฏผู้สื่อข่าวแจ้งว่ามียอดคนดูแปดพันซะงั้น !? กรณีแบบนี้เราจะเห็นได้บ่อยๆในญี่ปุ่นเลยล่ะครับ เป็นเรื่องที่น่ากังวลมากๆ เลย)

4. นักมวยปล้ำรุ่นใหม่ที่ไม่สามารถทดแทนรุ่นเก่าได้
ตอนนี้ไม่ใช่แค่ในวงการไอดอลนะครับ ที่พอรุ่นเก่าย้ายออกไปหรือเลิกไป รุ่นใหม่จะดูอ่อนด้อยกว่าคือไม่สามารถมาทดแทนรุ่นเก่าได้ ในที่นี้ไม่ใช่เพียงแค่ในเรื่องของคุณภาพนะครับ แน่นอนว่าเรามีนักมวยปล้ำหน้าใหม่มากมายที่มีศักยภาพสูง บางทีเก่งกว่านักมวยปล้ำรุ่นเก่าด้วยซ้ำ แต่สิ่งที่มันไม่มีคือจำนวนแฟนๆ ครับ
แฟนรุ่นเก่ามักเหนียวแน่นมาก เพราะสมัยก่อนความนิยมของมวยปล้ำมันสูงกว่าสมัยนี้ คนเข้าถึงมวยปล้ำได้ง่ายกว่า ตอนนี้สิ่งที่เกิดขึ้นคือเรามีมวยปล้ำทางฟรีทีวีน้อยมาก หรือแทบจะไม่มีเลย ดังนั้นการถือกำเนิดของนักมวยปล้ำหน้าใหม่จึงกลายเป็นเรื่องไกลตัว พวกเขาอาจไม่ได้ดูข่าว หรือไม่รู้จักเลยด้วยซ้ำ ขณะที่แฟนดั้งเดิมก็จะติดตามชมแต่นักมวยปล้ำรุ่นเก่า และถ้าเขาจะแนะนำให้คนที่อยากดูมวยปล้ำเข้ามาชมโชว์ เขาก็จะแนะนำด้วยนักมวยปล้ำที่เขารู้จักนั่นแหละ
นั่นคือเหตุผลที่หลายๆ สมาคมต้องจ้างนักมวยปล้ำอย่างดัมพ์ มัตสึโมโตะ มาปล้ำร่วมกับเด็กสาวต่างๆ (ที่พอดูแล้วอาจจะเห็นว่ามาโดนยำอย่างเดียวเลย) แต่นั่นก็เพราะเราสามารถใช้ประโยชน์จากความดังของนักมวยปล้ำสมัยก่อนได้ครับ ช่วยมาผลักดันนักมวยปล้ำรุ่นใหม่ และตอนนี้สื่ออินเตอร์เน็ท หรือสตรีมมิ่งต่างๆ ก็คือความหวัง (ตอนนี้มวยปล้ำค่ายเล็กค่ายน้อยก็สามารถหาชมได้ทางสตรีม nico pro wrestling แล้ว ซึ่งช่วยได้มาก)
อย่างไรก็ตามก็ยังถือว่าเป็นอัตราส่วนที่น้อยมากอยู่ดีหากเทียบกับการเติบโตของค่ายใหญ่ที่มีระบบฝึกดาวรุ่งที่ดีอยู่แล้ว มันทำให้เห็นว่าการตามทันเป็นเรื่องที่ยากมาก และเมื่อใดที่ความ stand-alone ของค่ายใหญ่เกิดขึ้น เป้าหมายของเด็กใหม่ก็จะกลายเป็นการปล้ำให้เก่งเพื่อรอวันถูกดึงตัวไปเท่านั้น ไม่ใช่การพัฒนาค่ายของตนให้เติบโตไปในระดับสูง อันนี้คือสิ่งที่ต้องพยายามแก้ไขครับ

5. ค่าเรียนนักมวยปล้ำใหม่แพงมาก
อันนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะการสมัครเรียนนั้นต้องใช้ทั้งแรงกายและแรงใจและเหนื่อยมาก ปกติแล้วการฝึกฝนมวยปล้ำนักมวยปล้ำจะต้องเข้าไปอยู่ในระบบยิมของเขา คือกินนอนอยู่ด้วยกัน ทำอาหารกินด้วยกัน เรียกว่าเป็นครอบครัวเดียวกันครับ คือเหมือนเราเข้าโรงเรียนประจำที่เดินทางฝึกมวยปล้ำเท่านั้น
มีคนรู้จักของผมหลายคนที่เข้าฝึกเป็นนักมวยปล้ำด้วยความหวังว่าจะได้ขึ้นโชว์เป็นซุปเปอร์สตาร์บนเวทีอย่างที่เขาเห็นในโทรทัศน์มาตลอด แต่สุดท้ายคนเหล่านั้นก็กลายเป็นคนที่ต้องหอบข้าวของหนีออกไปจากโรงฝึกอย่างช่วยไม่ได้ เพราะทนความหนักหน่วงของการฝึกไม่ไหว ที่สำคัญค่าฝึกจากที่ผมเห็นเรทล่าสุดยังอยู่ที่ประมาณ 3,500 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งถือเป็นจำนวนเงินที่สูงมาก และแน่นอนว่าไม่ได้การันตีด้วยซ้ำว่าคุณจะได้เป็นนักมวยปล้ำ
ตรงนี้ทำให้คนใหม่ๆ ไม่ค่อยเข้ามาฝึกมวยปล้ำกันครับ หรือหากในบางค่ายที่ไม่ได้เป็นค่ายระดับเมเจอร์ ค่าฝึกก็จะถูกลงมาหน่อย หรืออาจแลกมากับการที่คุณต้องเป็นคนรับใช้ ช่วยขนเวที ขนเบาะ หรือทำหน้าที่จิปาถะต่างๆ ก็มีเช่นกัน แต่สิ่งที่แย่ก็คือ บางสมาคมก็รับเด็กใหม่เหล่านี้เข้ามาเพื่อจะให้เป็นคนงานเนี่ยแหละครับ ไม่มีแพลนจะให้เป็นนักมวยปล้ำอาชีพด้วยซ้ำ สิ่งนี้เกิดขึ้นมานานแล้วและน่าเสียดายที่มันยังมีอยู่ในปัจจุบันครับ
วงการมวยปล้ำนั้นเป็นวงการที่มีรากฐานในญี่ปุ่นมาอย่างยาวนาน ดังนั้นเราก็อยากจะให้วงการมวยปล้ำมันมีอยู่ต่อไปครับ สิ่งที่พอจะช่วยได้จริงๆ สำหรับตอนนี้ก็คือการสนับสนุนช่องทางรับชมที่ถูกกฏหมาย
หากใครมีโอกาสไปญี่ปุ่นและสนใจมวยปล้ำ ก็อยากแนะนำให้ลองไปชมกันครับ หรือหากใครอยากชมแบบสดๆ หรือเทป ก็มีช่อง nico pro wrestling ซึ่งสามารถหักบัตรเราดูได้เลย โดยเข้าไปดูรายละเอียดทาง http://www.nicovideo.jp/ ครับ
เรื่องแนะนำ :
– ตำนาน HAYABUSA นักมวยปล้ำที่เป็นแรงบันดาลใจให้ผู้คนทั่วโลก
– TOKYO JOSHI ค่ายมวยปล้ำหญิงที่มาแรงที่สุดของประเทศญี่ปุ่น
– ฟุกุอิเมืองที่ทำให้ความสุขเบ่งบาน
– Eihei-ji วัดในตำนานที่ชีวิตนี้ต้องไปเยือนสักครั้ง
– พิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ที่ FUKUI 1 ในสถานที่ที่ดีที่สุดในโลกสำหรับคนรักไดโนเสาร์