คุณแม่ชาวญี่ปุ่น … ในปัจจุบันผู้หญิงต้องทำงานนอกบ้านด้วย ดังนั้นถึงจะเหนื่อยจากการทำงานนอกบ้านมาทั้งวันแล้ว พอเลิกงานปุ๊บก็ต้องวิ่งไปรับลูกต่อปั๊บ พอกลับเข้าบ้านก็ต้องทำกับข้าวและเตรียมข้าวกล่องให้ลูกไปโรงเรียนซึ่งอาจทำให้พักผ่อนไม่เพียงพอ
ด้วยสภาพเศรษฐกิจของประเทศญี่ปุ่นในปัจจุบัน ทำให้ผู้หญิงที่สมัยก่อนพอแต่งงานก็ลาออกเป็นแม่บ้านต้องออกมาทำงานนอกบ้านเพื่อช่วยหารายได้เข้าบ้านด้วย จำนวนผู้หญิงที่ทำงานนอกบ้านเพิ่มจาก 15.48 ล้านคนในปี 1985 เป็น 24.36 ล้านคนในปี 2014 จากจำนวนคนทำงานทั้งหมด ปัจจุบันผู้หญิงทำงานคิดเป็นถึง 43% จาก 36% ในช่วง 30 ปีที่แล้ว
ทั้งนี้รัฐบาลและบริษัทต่างๆ เองก็ได้ออกนโยบายช่วยส่งเสริมให้การทำงานของคุณแม่ทั้งหลายง่ายขึ้น ทั้งพยายามทำให้ความแตกต่างน้อยลงด้านตำแหน่งงานที่เมื่อก่อนผู้ชายจะได้ตำแหน่งสำคัญๆและค่าแรงสูงกว่า ในขณะที่ผู้หญิงจะได้ทำแต่งานเอกสารหรือบริการ แต่อย่างไรก็ตามการทำงานของผู้หญิงในฐานะแม่และพนักงานบริษัทก็ยังยากอยู่ดี
2 ปีก่อนบริษัทซอฟต์แวร์ชื่อดังของญี่ปุ่น Cybozu ผู้ซึ่งสนับสนุนการทำงานของผู้หญิงที่รับบทบาทแม่ ได้ออกโฆษณาเพื่อให้เข้าใจถึงหัวอกแม่ๆ ที่เป็นผู้หญิงทำงานทั้งหลาย โดยโฆษณาได้กล่าวเกี่ยวกับแม่คนหนึ่งที่ทำงานประจำที่ออฟฟิศ และต้องรับภาระดูแลลูกชายตัวเล็กในวัยอนุบาล โดยดิฉันสรุปประเด็นจากโฆษณาและจากมุมมองผู้หญิงทำงานคนหนึ่งดังนี้ค่ะ
1) งานเพิ่มเป็น 2 เท่า
แม้ว่าในปัจจุบัน ผู้หญิงต้องทำงานนอกบ้านด้วย แต่ภาระดูแลงานบ้านและเลี้ยงลูกยังถูกคาดหวังจากสังคมญี่ปุ่นว่าควรเป็นหน้าที่ของฝ่ายหญิง ดังนั้นถึงจะเหนื่อยจากการทำงานนอกบ้านมาทั้งวันแล้ว พอเลิกงานปุ๊บก็ต้องวิ่งไปรับลูกต่อปั๊บ พอกลับเข้าบ้านก็ต้องทำกับข้าวและเตรียมข้าวกล่องให้ลูกไปโรงเรียนซึ่งอาจทำให้พักผ่อนไม่เพียงพอ กลายเป็นว่า ผู้หญิงต้องทำงานมากขึ้นเป็นสองเท่าตัว โดยผู้เป็นสามีสามารถกล่าวได้ว่าติดงานสำคัญ และให้ผู้หญิงเป็นคนดูแลบ้านและลูกเป็นหลัก
ในโฆษณาแสดงให้เห็นอารมณ์สับสนและหดหู่ของคุณแม่ที่เหน็ดเหนื่อยกับภาระหน้าที่ทั้งที่บ้านและที่ทำงาน บางทีก็คิดว่า หรือว่าเธอรักลูกไม่พอ แต่บางทีก็คิดว่า หรือเธอรักตัวเองไม่พอกันแน่
2) บริษัทนิยมจ้างผู้ชายและผู้ชายมีตำแหน่งการงานสูงกว่า
ระบบการทำงานของญี่ปุ่นที่เน้นการจ้างงานตลอดชีพนับตั้งแต่จบการศึกษา จึงทำให้เป็นการยากมากที่จะลาหยุด (แม้แต่ลาคลอดก็ตาม) มีผลสำรวจว่าผู้หญิงส่วนใหญ่รู้สึกไม่สบายใจเวลาโดนถามขณะสัมภาษณ์ว่ามีแผนจะมีลูกไหม เพราะการโปรโมทขึ้นตำแหน่งหรือเงินเดือนจะดูระยะเวลาการทำงาน หลายๆบริษัทจึงนิยมจ้างผู้ชายมากกว่าและให้ตำแหน่งสูงกว่า เพราะบริษัทเกรงว่าผู้หญิงทำงานไปสักพักก็จะลาคลอดหรือลาออกไปเลี้ยงลูกทำให้สิ้นเปลืองค่าฝึกอบรบพนักงาน ปัจจุบันผู้หญิงที่มีตำแหน่งเป็นผู้บริหารคิดเป็นเพียง 9% ทั้งๆ ที่มีผู้หญิงทำงานคิดเป็น 40% ของทั้งองค์กร
3) คนญี่ปุ่นนิยมเลี้ยงลูกเอง
คนญี่ปุ่นนิยมเลี้ยงลูกเองมากกว่าไปจ้างสถานรับเลี้ยงเด็ก นอกจากนี้ในหลายๆแห่งยังหาสถานรับเลี้ยงเด็กยากมากและราคาแพง คนญี่ปุ่นยังเชื่อมั่นว่าเลี้ยงลูกเองจะสามารถดูแล อบรม สั่งสอน ได้ใกล้ชิดกว่า
ติดตามอ่านเรื่องราวการทำธุรกิจด้วยใจรักจนประสบความสำเร็จได้ในหนังสือ “Japan Success ธุรกิจสำเร็จได้ด้วยใจรัก” และ หนังสือจิตวิทยาความรักความสัมพันธ์ “เมื่อจิตวิทยา ทำให้คนรักกัน” สามารถพูดคุยสื่อสารกับพิชชารัศมิ์ได้ที่ FB: Life Inspired by พิชชารัศมิ์
เรื่องแนะนำ :
– ผู้ชายญี่ปุ่น 10 ประเภท
– ชิเซโด้ บริษัทผู้ผลิตเครื่องสำอางเพื่อช่วยผู้มีปัญหาแผลเป็นร้ายแรง
– การบริการญี่ปุ่นที่ดูเปลี่ยนไป
– Kato Sangyo บริษัทที่พนักงานกว่าครึ่งอายุมากกว่า 60 ปี
– บริษัทญี่ปุ่นที่สั่งให้พนักงานสื่อสารกันเป็นภาษาอังกฤษ
– ผู้หญิงญี่ปุ่นอยากแต่งงานเร็ว และผู้ชายแบบไหนที่พวกเธอไม่ชอบ
ขอบคุณข้อมูล : https://www.japantimes.co.jp/opinion/2017/10/22/commentary/japan-commentary/cant-keep-waiting-gender-equality/#.Wr7q8DO-nIU