ญี่ปุ่นเตรียมปกป้องธุรกิจร้านหนังสือ หลังพบว่าร้านหนังสือกำลังทยอยหายไปจากญี่ปุ่น
เมื่อหลายปีก่อนสมัยที่นิจยังเป็นนักศึกษาเรียนอยู่ที่โตเกียว ทุกวันเวลาขึ้นรถไฟจะเห็นคนญี่ปุ่นหลายคนหยิบหนังสือขึ้นมาอ่าน โดยตามปกติจะมีการห่อปกทึบไว้เรียบร้อยเพื่อรักษาความเป็นส่วนตัวไม่ให้ใครเห็นว่าอ่านเรื่องอะไรอยู่ เป็นภาพที่เห็นจนชินตาชวนให้นึกชื่นชมว่าคนญี่ปุ่นหลายๆเป็นคนรักการอ่านมากๆ และหลังเลิกเรียนเวลาเดินผ่านร้านหนังสือก็จะเห็นว่าลูกค้าแน่นเต็มร้านแทบจะทุกร้าน ทั้งร้านขายหนังสือมือหนึ่งและมือสอง
ทุกครั้งที่ได้ข่าวว่าแนวโน้มของตลาดร้านหนังสือเป็นไปในทิศทางที่แย่ลง หรือคนอ่านหนังสือน้อยลง รู้สึกใจหาย เพราะไม่อยากให้วัฒนธรรมการอ่านหนังสือหายไป นิจเชื่อว่าหนังสือที่ดีสามารถให้แรงบันดาลใจที่ทรงพลังได้ และหนึ่งในปัจจัยที่จะเปลี่ยนชีวิตคนได้มาก คือการอ่านหนังสือที่มีประโยชน์เพื่อสร้างพลังความคิด
ณ ปัจจุบันโลกของนักอ่านพัฒนาไปไกลมาก หลายคนเลือกที่จะอ่านหนังสือแบบอีบุ๊ค ซึ่งก็มีข้อดีหลายอย่าง เช่น พกพาง่ายเพียงแค่โหลดมาลงไอแพดก็พกไปได้ทุกที่ ไม่ต้องแบกหนังสือหลายเล่มให้หนักอีกต่อไป และไม่ต้องใช้ทรัพยากรกระดาษในการตีพิมพ์อีกด้วย ส่วนตัวเราเป็นคนที่ชื่นชอบความสะดวกสบายของการอ่านอีบุ๊ค แต่ก็ชอบหนังสือแบบกระดาษตรง “อารมณ์”ที่ได้จากรสสัมผัสเวลาที่นิ้วของเราแตะกระดาษไปทีละหน้า ชวนให้คิดถึงวันเก่าๆสมัยเด็กที่ค่อยๆเปิดอ่านแล้วพาสมองโลดแล่นเข้าสู่จินตนาการ และชอบที่จะหาที่คั่นหนังสือน่ารักๆมาคั่นไว้เวลาที่อ่านยังไม่จบ ซึ่งเป็นความรู้สึกคลาสสิคคนละแบบ ที่ต่างจากความสะดวกสบายที่ได้จากการอ่านอีบุ๊ค
เมื่อวันที่ 27 เมษายนที่ผ่านมา เว็บไซต์ kyodonews.net ของประเทศญี่ปุ่นได้เสนอข่าวว่า จำนวนพื้นที่ในประเทศญี่ปุ่นที่ไม่มีร้านหนังสือเพิ่มมากขึ้นถึง 26.2% เมื่อเทียบกับผลการสำรวจในปี 2022 โดย Japan Publishing Industry Foundation for Culture และข้อมูลที่ฟังแล้วรู้สึกว่าน่าตกใจก็คือ เกินครึ่งของพื้นที่เมืองต่างๆและหมู่บ้านที่อยู่ในจังหวัดโอกินาว่า จังหวัดนางาโนะและจังหวัดนารา ซึ่งล้วนแต่เป็นจังหวัดชื่อดังของญี่ปุ่น ณ ตอนนี้ไม่มีร้านหนังสืออยู่เลย เนื่องมาจากการลดลงของประชากรและการเพิ่มขึ้นของร้านขายหนังสือออนไลน์
ณ ตอนนี้ ทั่วประเทศญี่ปุ่นมีร้านหนังสือทั้งหมด 7,973 ร้าน ถ้าไม่นับรวมร้านหนังสือมือสองและร้านหนังสือในสหกรณ์ของมหาวิทยาลัย ซึ่งลดลงไป 609 ร้าน เมื่อเทียบกับผลการสำรวจครั้งที่ผ่านมา
รัฐบาลญี่ปุ่นกำลังพยายามหาทางที่จะรักษาร้านหนังสือเอาไว้ด้วยเหตุผลที่ว่าร้านหนังสือเป็นสถานที่ที่ขยายขอบเขตความรู้ของคนที่เข้ามาเยือน เพราะเวลาที่คนเดินเข้าร้านหนังสือก็จะมีโอกาสได้พบหนังสือที่มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับสาขาอื่นๆนอกเหนือจากสิ่งที่ตัวเองสนใจ ซึ่งจะตรงกันข้ามกับเวลาที่คนเราสืบค้นหาหนังสือทางช่องทางออนไลน์ เพราะว่าเรามักจะมองหาแต่หนังสือที่ตัวเองสนใจเท่านั้น
ภาพด้านล่างนี้เป็นภาพคุณเคน ไซโต้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรมญี่ปุ่น กำลังเยี่ยมชมร้านหนังสือในกรุงโตเกียวในเดือนเมษายนที่ผ่านมา จากเว็บไซต์ Kyodonews.net ค่ะ
คุณไซโต้มีวิสัยทัศน์ที่ต้องการให้โลกนี้เป็นโลกที่ห้องสมุด ร้านหนังสือ และร้านหนังสือออนไลน์ สามารถอยู่ร่วมกันได้
และทางกระทรวงได้เริ่มมีการจัดทีมงานเพื่อช่วยโปรโมทธุรกิจร้านหนังสือในญี่ปุ่นเรียบร้อยแล้วตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมา
เป็นเรื่องน่าดีใจที่ญี่ปุ่นให้ความสำคัญกับความอยู่รอดของธุรกิจร้านหนังสือเพราะตระหนักว่า ความรู้เป็นสิ่งสำคัญ และการให้โอกาสผู้คนให้ได้มีความรู้นั้นเป็นสิ่งที่สมควรกระทำ
ทักทายพูดคุยกับ คอลัมน์นิจ ได้ที่ >>> Facebook คอลัมน์นิจคิดandไรท์
เรื่องแนะนำ :
– ญี่ปุ่นวางขายผ้าอ้อมรีไซเคิล
– หูฟัง Kinoko no Yama : น้องเห็ดอร่อยที่ทุกคนคุ้นตา วันนี้ช่วยให้คนต่างชาติต่างภาษาเข้าใจกันมากขึ้น
– “ไม่ครบห้า” หนังสือที่อ่านแล้วคิดได้ว่าชีวิตจะครบหรือจะขาดอาจอยู่ที่ความพอใจ
– รวมนามสกุลสุดแปลกในภาษาญี่ปุ่นที่ใครๆก็คาดไม่ถึง
– เมื่อของเล่นเด็กในญี่ปุ่นเริ่มจะ Genderless การสนับสนุนความหลากหลายทางเพศในประเทศก็เริ่มจะคาดหวังได้?
ที่มา:
– https://english.kyodonews.net/news/2024/04/
#ญี่ปุ่นเตรียมปกป้องธุรกิจร้านหนังสือ หลังพบว่าร้านหนังสือกำลังทยอยหายไปจากญี่ปุ่น