คนญี่ปุ่นเป็นชาติที่หลีกเลี่ยงความไม่แน่นอน หลีกเลี่ยงความเสี่ยง ไม่ชอบแก้ปัญหาสถานการณ์เฉพาะหน้า แม้แต่กรณีงานเลี้ยงสังสรรค์……
วันก่อนลูกศิษย์ดิฉันไปแข่งการประกวดและ ได้รับรางวัลกลับมา ดิฉันอยากเลี้ยงฉลองพวกเขา จึง Line หาเด็กที่อาวุโสที่สุดในกลุ่ม เพื่อให้เขาช่วยหาวันว่างหน่อย ส่วนดิฉันก็มานอนนึกว่าจะพาเด็กๆ ไปทานที่ไหนดี
วินาทีนั้น ดิฉันรู้สึกถึงภารกิจที่ดิฉันลืมเลือนไปนาน … ภารกิจที่เคยทำบ๊อยบ่อยสมัยอยู่ญี่ปุ่น… นั่นคือ การเป็น “แม่งาน” ภาษาญี่ปุ่นเรียกตำแหน่ง “แม่งาน” นี้ว่า “คันจิ/Kanji (幹事)” อ่านเหมือนคำว่า ตัวอักษรคันจิเลย แต่เขียนคนละแบบ(ถ้าหมายถึงอักษรคันจิ ใช้ตัวนี้ 漢字)
หลายคนอาจมองว่าแม่งานเป็นสตรี (เจ๊) หัวแรงหลักในการจัดงานยิ่งใหญ่ เช่น งานมงคลสมรส งานคืนสู่เหย้า อะไรก็ว่าไปแต่ตำแหน่งคันจิ หรือแม่งานของคนญี่ปุ่นนั้น จะมีอยู่ทุกงานเลี้ยงจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นงานใหญ่ของบริษัท เช่น งานเลี้ยงต้อนรับพนักงานใหม่ หรืองานย่อยๆ อย่างงานกินเลี้ยงปีใหม่ในชมรม งานสังสรรค์ทั่วไป ขนาดไปทานข้าวกัน 4-5 คน ก็ยังต้องมีแม่งาน

ทำไมต้องมีคันจิ? ลองอ่านภารกิจของคันจิต่อไปนี้ดูก่อนนะคะ
หน้าที่ของคันจิ
1. ติดต่อผู้ร่วมงาน
คันจิต้องมี Contact ของทุกคน หากเป็นเพื่อนกัน เรามีอีเมล Line เบอร์โทรของกันและกันอยู่แล้ว แต่หากเป็นงานเลี้ยงบริษัท เช่น งานฉลองรับพนักงานใหม่ คันจิถึงกับต้องทำตาราง Excel ระบุชื่อ เบอร์โทร อีเมล ตำแหน่ง แผนกเลย เพื่อที่ว่าจะได้ติดต่อใครฝ่ายไหนได้ง่าย แม้จะยังไม่รู้จักกันดีก็ตาม
คันจิจะติดต่อทุกคนเรื่องวันและเวลาที่นัด เมื่อใกล้ถึงวันงานก็อีเมลแจ้งทุกคนอีกครั้ง
2. กำหนดวัน
อันนี้เป็นภารกิจสุดโหดหินที่สุด การถามวันว่างของทุกคน และพยายามจัดวันให้ตรงกัน ถ้ากินเลี้ยงกันในหมู่เพื่อน คันจิต้องพยายามหาวันที่คนว่างตรงกันมากที่สุด ถ้าเป็นงานบริษัทคันจิต้องติดต่อผู้ใหญ่เพื่อหาวันว่างของท่านๆ ก่อน แล้วค่อยให้พนักงานคนอื่นเลือกวัน
มีหลายเว็บที่ทำเป็นตารางสำเร็จให้ คันจิแค่เซ็ทช่วงเวลาและเมสเสจ ก็สามารถส่งลิ้งค์ให้สมาชิกได้เลย เช่น
http://chosuke.rumix.jp/admin3.aspx
http://chouseisan.com/
http://chosuke.rumix.jp/admin3.aspx
มีก่อนจะมีพวก Google docs อีก ก็สะดวกดีค่ะ
3. เลือกสถานที่
เมื่อ หาวันที่ลงตัวได้แล้ว ภารกิจถัดไปของคันจิ คือ การไปหาสถานที่ไปกิน ปัจจุบันร้านอาหารญี่ปุ่นมีจำนวนมากแข่งขันกันสูง ทำให้ทุกร้านต้องสร้างความแตกต่าง ทั้งด้านบรรยากาศ ที่นั่ง สไตล์อาหาร คันจิก็คอยเลือกคอยดู โดยหลักอาจถามสมาชิกก่อนเป็นแนวว่ามีใครอยากทานอาหารประเภทไหนบ้าง
คันจิเองก็ต้องคิดหาร้านที่น่าจะถูกใจสมาชิกส่วนใหญ่ ซึ่งนั่นคือการโชว์กึ๋นของคันจิค่ะ สมัยดิฉันเป็นนักศึกษา ดิฉันก็จะดูว่าถ้าเป็นกลุ่มคนไทย ก็ต้องหาโต๊ะใหญ่ๆ ให้นั่งด้วยกัน ไม่เน้นดื่มแต่เน้นกิน เอาร้านที่ไม่แพงนัก เพราะนักเรียนต่างชาติอย่างพวกเราชอบเม้าท์มอยชอบกิน แต่ไม่ดื่มหนักเท่าคนญี่ปุ่น ส่วนสถานที่ก็ต้องเอาใกล้ๆ สถานีรถไฟเผื่อกลับดึก พวกเราไม่มีปัญญาจ่ายค่าแท็กซี่หากรถบัสหมด
ส่วนคันจิญี่ปุ่นนั้นละเอียดยิ่งกว่านั้นค่ะ ลูกศิษย์ที่เรียนภาษาไทยกับดิฉันเคยจัดงานส่งท้ายปีเก่ากัน คันจิคิดขนาดที่ว่าผู้เรียนส่วนใหญ่อายุมากเวลาหาร้านอาหาร เธอจะเลือกร้านที่ไม่ต้องนั่งเสื่อทาทามิ เพราะนั่งไม่ถนัดเมื่อย ต้องหาร้านที่เป็นเก้าอี้แทน
หากผู้ร่วมงานเป็นผู้ชายเสียเยอะ เราอาจหาร้านประเภท “ดื่มไม่อั้น” เพราะผู้ชายญี่ปุ่นชอบดื่มเบียร์ คิดง่าย สั่งง่าย ดื่มง่าย ส่วนหากผู้หญิงเยอะหรือหญิงล้วน เราก็ต้องหาร้านที่มีเครื่องดื่มหลากหลาย เช่น ค็อกเทล เหล้าสาเกหลายๆ แบบ หากเป็นช่วงหน้าหนาว เราต้องหาร้านที่ไม่ต้องถอดรองเท้าก่อนเข้าไป เพราะสาวๆ มักจะใส่บู๊ท นั่งถอดเข้าถอดออกลำบาก (คิดกันไปถึงขั้นนั้น…ใส่ใจทุกขั้นตอนจริงๆ คนญี่ปุ่น….)
4. ส่งอีเมลแจ้ง
เมื่อได้วันและสถานที่แล้ว คันจิก็ส่งอีเมลแจ้งสมาชิกทุกคน อันนี้แทบเป็นกฎเหล็กเลยว่าอย่าแจ้งโดยวาจา ต้องให้เป็นลายลักษณ์อักษร เพื่อให้แขกดูทีหลังได้ง่าย ไม่ว่าจะเป็นงานเลี้ยงที่ informal แค่ไหนก็ตาม ก็ต้อง Line หรืออีเมลบอกให้เรียบร้อย
เนื้อหาต้องมีอย่างน้อย 2 สิ่ง คือ วันและเวลา สถานที่ หากรู้ค่าอาหารล่วงหน้า ก็แจ้งค่าอาหารไปเลย ร้านอาหารญี่ปุ่นมักจัดอาหารคอร์สอยู่แล้ว หากจะสั่งเครื่องดื่มเป็นดื่มไม่อั้น ก็ทำให้เรารู้ราคาล่วงหน้าได้เลย การแจ้งค่าอาหารไม่ใช่เรื่องน่าเกลียดค่ะ จะดีเสียอีกคนจะได้เตรียมเงินไปให้พร้อม เพราะโดยปกติทุกคนหารเท่ากันอยู่แล้ว (ยกเว้นงานเลี้ยงในแผนกหรือในบริษัท ที่เจ้านายอาจออกมากกว่า)
(ตัวอย่างอีเมล)
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
สวัสดีค่ะ ทุกคน
ใกล้ถึงวันสิ้นปีแล้วนะ ชมรมเราปีนี้ทำกิจกรรมอะไรสนุกๆ ร่วมกันมาเยอะมาก เรามาร่วมฉลองกันเถอะ ในงาน จะมีการจับฉลากและเล่นบิงโกด้วย รายละเอียดตามที่เขียนไว้ต่อไปนี้เลยจ้า
วันที่: วันศุกร์ที่ XX เดือน YY เวลา 19.00 น. ถึง 22.00 น.
สถานที่: ร้าน Haru
ที่อยู่และเบอร์โทรศัพท์: ….. (เขียนไว้ เผื่อใครเสิร์ชหาเองได้)
ค่าอาหาร: คนละ 4,000 เยน
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ถ้ามีใครแคนเซิลกระทันหัน คันจิก็ต้องเป็นคนรับเรื่องและโทรไปติดต่อที่ร้าน อย่างที่บอก….เวลาไปทานกันหลายๆ คน คนญี่ปุ่นมักสั่งอาหารชุดไว้เพราะสะดวกดี ทุกคนกินเหมือนๆ กัน ทางร้านก็เตรียมง่าย หากแคนเซิลกระทันหัน บางทีทางร้านเตรียมทุกอย่างไว้แล้วเปลี่ยนไม่ทัน คนที่แคนเซิลต้องจ่ายค่าอาหารก็มีค่ะ เพราะฉะนั้นใครนัดทานข้าวกับคนญี่ปุ่นต้องระวังนะคะ ถ้าไปไม่ได้ต้องรีบบอกล่วงหน้าค่ะ
5. กำหนดที่นั่ง
ใครอ่านมาถึงหัวข้อนี้ อาจจะรู้สึกว่า…พวกเอ็ง จริงจังไปไหม แต่นี่….คือ คนญี่ปุ่นค่ะ
หากปล่อยให้นั่งอิสระ คนสนิทกันก็อาจจะนั่งด้วยกันไปโดยปริยาย ไม่ได้เกิดการพูดคุยแลกเปลี่ยนกับคนใหม่ๆ คันจิก็อาจจัดแจงที่นั่งให้ใครนั่งตรงไหน หากทานข้าวในหมู่เพื่อนหรือรุ่นพี่รุ่นน้องในชมรม โดยปกติ เรามักเล่นเกมจับฉลากกันค่ะ เก้าอี้แต่ละตัวมีหมายเลขอยู่ คันจิจะทำสลากมาให้จับ แล้วก็ไปนั่งตามนั้นก็ยุติธรรมดี
นอกจากนี้ คันจิอาจต้องคอยดูว่าใครสูบบุหรี่ ใครไม่สูบ ใครดื่มหนักหรือใครไม่ดื่มเหล้าเลย ถ้าเอาคนสูบบุหรี่กับไม่สูบ หรือคนดื่มกับไม่ดื่มเหล้ามานั่งด้วยกัน ทั้ง 2 ฝ่ายก็คงไม่สนุก คันจิเองอาจจัดแจงแก๊งค์ดื่มให้ไปนั่งที่เดียวกันด้วย (ส่วนคนไทยเราจะจัดกลุ่มกันเองโดยธรรมชาติ ไม่ต้องมีใครมาจัดแจง)
6. ดูแลภาพรวม
เมื่อทุกคนเริ่มรับประทานอาหาร คันจิจะคอยดูว่าทุกคนได้เครื่องดื่มหรือยัง พร้อมคัมไป (ชนแก้ว) ก่อนทานข้าวไหม (การคัมไปเป็นพิธีกรรมก่อนกินข้าวของคนญี่ปุ่นไปแล้ว) ใครได้อาหารครบหรือเปล่า จาน ตะเกียบ เรียบร้อยไหม คันจิก็จะแอบชำเลืองมองตรวจดูความเรียบร้อยทุกอย่าง

ถ้างานนั้นมีการเล่นเกมหรือจับสลาก คันจิก็ต้องคอยดูจังหวะเวลาว่าจะเริ่มเล่นช่วงไหน และเป็นคนเตรียมอุปกรณ์ต่างๆ ทั้งหมด
7. รวบรวมและจ่ายค่าอาหาร
เมื่อใกล้งานเลิกคันจิจะแจ้งทุกคนเรื่องค่าอาหาร และเก็บเงินในตอนนั้น คันจิที่เก่งจะเตรียมแบงค์ย่อยล่วงหน้าเพื่อจะได้ทอนเงินได้เลย หากเก็บค่าอาหารล่วงหน้าได้ คันจิก็จะแอบย่องไปจ่ายเงินทุกอย่างให้เรียบร้อย
จากที่เล่ามาทั้ง 7 ภารกิจ จะเห็นได้ว่างานคันจิ เป็นงานที่ต้องใส่ใจในรายละเอียด ต้องมีทักษะการบริหารจัดการคนหมู่มาก ต้องใส่ใจความชอบของคน คนญี่ปุ่นจึงมักมอบตำแหน่งนี้ให้กับพนักงานที่เด็กที่สุดค่ะ ถือเป็นการฝึกทักษะ Management และการได้ติดต่อรู้จักกับคนหลายกลุ่ม ถ้าเป็นในชมรมก็มักจะเป็นพี่ปี 2 ที่จัดการ ปี 3 ปี 4 ก็คอยตอบอีเมลสวยๆ น้องปี 1 ก็สังเกตดูวิธีรุ่นพี่ทำงานกันไป
+++++++++++++++++++++++++++++
คนญี่ปุ่นเป็นชาติที่หลีกเลี่ยงความไม่แน่นอน หลีกเลี่ยงความเสี่ยง ไม่ชอบแก้ปัญหาสถานการณ์เฉพาะหน้า แม้แต่กรณีงานเลี้ยงสังสรรค์ …… พวกเขากลัวและกังวลกับสิ่งต่อไปนี้
ถ้าสมาชิกแคนเซิลจะทำอย่างไรดี (ร้านอาหารก็กลัว เพราะต้องเตรียมอาหารชุดล่วงหน้า)
– จะจ่ายเงินเท่าไรดี (ร้านอาหารรู้ทันเลยคิดราคาเป็นเซ็ทไว้เลย เพื่อแจ้งให้ลูกค้าเตรียมเงินได้ง่าย)
– คนที่มางานจะสนุกไหม จะไม่ชอบอาหารหรือสถานที่อะไรบ้างหรือเปล่า
และนั่น …. ทำให้เกิดตำแหน่ง “คันจิ” หรือแม่งานขึ้นมาคอยประสานและลดความกังวลของคนญี่ปุ่น ตลอดจนร้านอาหารนั่นเอง เพียงแค่การทานข้าวสังสรรค์ร่วมกัน คนญี่ปุ่นยังใส่ใจในรายละเอียดและจริงจังขนาดนี้ … นี่แหละค่ะ คนญี่ปุ่น ☺
ทักทายพูดคุยกับเกตุวดี ได้ที่ >>> Japan Gossip by เกตุวดี Marumura
#จัดงานเลี้ยงแบบคนญี่ปุ่น