เรียนภาษาญี่ปุ่นยังไงให้พูดได้เก่งๆ… อย่างที่ทราบกันว่า การเรียนภาษาให้เก่งสักภาษา ไม่ใช่เรื่องที่ฝึกกันได้วันสองวัน จึงอดตั้งคำถามไม่ได้ว่า การเรียนไปถึงขั้นที่คุยกับคนญี่ปุ่นรู้เรื่องนั้น มันจะเป็นไปได้สำหรับเราจริงๆ เหรอ
ผู้ที่มีความชื่นชอบในประเทศญี่ปุ่น ก็คงมีจำนวนไม่น้อยที่อยากจะทำงานที่ได้เกี่ยวข้องกับประเทศญี่ปุ่น หรือใช้ภาษาญี่ปุ่นใช่มั้ยคะ
แต่อย่างที่ทราบกันว่า การเรียนภาษาให้เก่งสักภาษา ก็ไม่ใช่เรื่องที่ฝึกกันได้วันสองวัน (ขนาดตัวเราเรียนภาษาอังกฤษมาตั้งแต่เด็ก กว่าจะพูดได้ยังใช้เวลาตั้งนาน)
แล้วนับประสาอะไรกับการจะเรียนภาษาญี่ปุ่นจนพูดได้กันล่ะ ?
ดังนั้น ใจก็อดตั้งคำถามไม่ได้ว่า กว่าจะเรียนไปถึงขั้นที่คุยกับคนญี่ปุ่นรู้เรื่องขนาดนั้น มันจะเป็นไปเป็นได้สำหรับเราจริงๆ งั้นหรือ
จริงอยู่ที่หลายครั้ง เราเห็นคนไทยบางคน เรียนภาษาญี่ปุ่นมาตั้งนานแล้ว แต่ก็เอาไปพูดกับใครไม่ได้ หรือได้แบบงูๆ ปลาๆ ในขณะที่บางคนเรียนไม่นาน แต่กลับพูดได้ฉะฉานอย่างกับไปอยู่ญี่ปุ่นมาแล้วหลายปี เป็นเพราะอะไรกันนะ ?
แล้วถ้าเราก็เป็นหนึ่งในคนที่ไม่มีโอกาสได้ไปเรียนต่อที่ญี่ปุ่น อย่างมากก็อาจจะมีเวลาเรียนภาษาญี่ปุ่นเพียงในโรงเรียนสอนภาษา หรือเรียนภาษาด้วยตัวเอง จะมีวิธีอย่างไรบ้างนะให้เรียนภาษาแล้วพูดได้เก่งๆ กับเค้าบ้าง
ความจริงการจะพูดภาษาไหนสักภาษาได้เก่งๆ ไม่ได้มีกฎตายตัวว่าเราจำเป็นต้องบินไปเรียนประเทศนั้นเสมอไป เพราะมันมีวิธีในการฝึกซึ่งทำได้เองอยู่ แต่ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับความขยันบวกความตั้งใจล้วนๆ เลยนะ
เจ๊เอ๊ดขอรวบรวมวิธีฝึกที่ได้ผล และเป็นที่นิยมของเหล่านักเรียนที่แม้จะเรียนกันในไทย แต่ก็พูดภาษาญี่ปุ่นกันได้คล่องปรื้ด จนเอาไปสมัครงาน ได้งานทำในบริษัทญี่ปุ่นกันมาแล้วมากมาย
ต่อให้เพิ่งเริ่มเรียนไม่นาน ก็สามารถฝึกตามได้เช่นกันค่ะ
1. ยังไม่เก่งไม่เป็นไร ขอให้อ่านออกเสียงให้เยอะ
การเรียนภาษาต่างกับการเรียนอย่างอื่นอยู่นิดหน่อยตรงที่เราไม่ได้ใช้เพียงความเข้าใจ แต่ยังต้องใช้ “ความเคยชิน” ด้วยค่ะ
ยิ่งเคยชินกับภาษามากเท่าไหร่ ก็ทำให้พูดได้เร็วมากเท่านั้น และการอ่านออกเสียงออกมาบ่อยๆ แบบนกแก้วนกขุนทองนี่แหละ ช่วยให้สมองเราเคยชินได้เป็นอย่างดี แถมยังเป็นสิ่งที่ทำได้ง่ายที่สุดโดยเฉพาะสำหรับคนที่เพิ่งเริ่มเรียนอีกด้วยนะ เพราะมันคือการ “อ่านตามตัวอักษร” เท่านั้นเองค่ะ
สิ่งที่เราสามารถเอามาอ่านออกเสียงได้ก็ตั้งแต่ คำศัพท์ ประโยคตัวอย่างสั้นๆ แบบฝึกหัดอ่านในตำราเรียนได้หมดเลยค่ะ อ่านไปเลยวนๆ ไปมาจนกว่าจะสามารถอ่านได้คล่อง
หรือถ้าหากอ่านตำราจนทะลุปรุโปร่งแล้ว จะไปลองหาซื้อหนังสือภาพเด็กง่ายๆ หรือ หนังสือการ์ตูน มาอ่านเพิ่มก็ยิ่งดี อ่านเพลินแล้วเรายังจะได้เพิ่มคลังคำศัพท์ในหัวไปด้วยในตัวค่ะ
2. ฝึก Shadowing
สำหรับใครที่เคยเรียนภาษาที่สามมาก่อนน่าจะเคยได้ยินคำว่า Shadowing แน่นอน ส่วนใครยังไม่รู้จักก็มาลองกันค่ะ
Shadowing จะเป็นวิธีการพูดตามหลังประโยคที่เราได้ยินทันที เปรียบเหมือนกับการเป็นเงาเสียงนั่นเอง เค้าพูดมาหนึ่งประโยค เราก็พูดตามหนึ่งประโยค เค้าพูดอะไรมา ก็พูดตามทั้งหมด เท่านั้นเองค่ะ
ข้อดีของการฝึก Shadowing คือจะช่วยให้เราสามารถออกเสียง สำเนียง และความเร็วการพูดได้แบบคนญี่ปุ่น (เพราะบางทีเราอ่านอยู่คนเดียวมันก็อาจจะบอกเสียงผิดได้ล่ะนะ)
อีกทั้งระหว่างที่ฝึกออกเสียง ก็เป็นการได้ฝึกทักษะฟังไปด้วย เรียกว่ายิ่งฝึกมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งช่วยให้พูดคล่องมากขึ้นเท่านั้นค่ะ
แล้วเราจะไปพูดตามใครดี ?
สำหรับใครที่เรียนภาษาญี่ปุ่นอยู่แล้ว ก็คงจะมีไฟล์เสียงตัวอย่างประโยคอยู่ในมือถือกันบ้างแหละ เปิดมันขึ้นมาค่ะ ไม่ต้องเก็บมันไว้เฉยๆ เปิดฟังแล้วก็พูดตามไฟล์เสียงนั้นไป ถ้าในหนังสือมีประโยคตัวอย่างกำกับว่าไฟล์เสียงนั้นพูดอะไรบ้าง จะเอาหนังสือมาเปิดดูไปด้วยระหว่าง Shadowing ก็ได้ค่ะ จะได้พูดไม่ผิด
หรืออีกวิธีคือถ้าเป็นคนชอบดูซีรีส์ ดูอนิเมะ จะพูดตามตัวละครก็ได้เหมือนกัน นั่งพูดหน้าจอทีวีไปเลยค่ะ ถ้าฟังไม่ออกว่าเค้าพูดว่าอะไร เราเปิดซับไตเติ้ลญี่ปุ่นไปด้วยก็ได้ค่ะ พูดบ่อยๆ รับรองสำเนียงเป๊ะไม่รู้ตัวเลยล่ะค่ะ
すごいですね。(sugoi desu ne ) สุดยอดไปเลย
3. คุยกับคนญี่ปุ่น
วิธีที่ดีที่สุด จะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจากการ ไปคุยกับคนญี่ปุ่นจริงๆ
ทั้งนี้วิธีนี้อาจจะเหมาะสำหรับคนที่เรียนภาษาญี่ปุ่นมาแล้วสักพักแบบที่พอจะชวนสนทนาเบื้องต้นกันได้ค่ะ
ถ้าใครมีเพื่อนคนญี่ปุ่นในที่ทำงาน ก็ชวนเค้าคุยเรื่องง่ายๆ บ่อยๆ หรือถ้าใครเรียนภาษากับเซนเซชาวญี่ปุ่นอยู่แล้วก็ยิ่งดี ให้เราไปชวนเซนเซคุยบ้างค่ะ ( ถ้าเป็นเซนเซ หากเราพูดประโยคไหนผิดไป เซนเซจะช่วยเราแก้ไขให้ด้วย )
ข้อดีของการได้คุยกับคนญี่ปุ่น คือ จะช่วยเพิ่มความมั่นใจให้เราค่ะ
เพราะสิ่งที่นักเรียนส่วนใหญ่ที่เรียนภาษาญี่ปุ่นกลัวมากที่สุด คือ กลัวที่จะคุยกับคนญี่ปุ่นนั่นแหละ กลัวว่าเค้าจะฟังไม่ออกบ้าง กลัวจะพูดผิดบ้าง แต่ว่าถ้าเราได้ลองพูดกับคนญี่ปุ่นบ่อยๆ ถูกบ้าง ผิดบ้าง ก็ไม่เป็นไร มันจะค่อยๆเพิ่มความมั่นใจให้เราว่า ต่อให้ยังไม่เก่งก็ตาม แต่อีกฝ่ายก็ฟังเรารู้เรื่องบ้างแล้วจริงๆ ทำให้มีกำลังใจกลับไปเรียนสุดๆเลยล่ะค่ะ
และถ้าใครยังคงคิดว่า ไม่เอาอะ ไม่กล้าชวนคุย กลัวพูดผิดแล้วจะโดนมองไม่ดีหรือโดนหัวเราะก็ไม่ต้องกังวลเลยค่ะ โดยส่วนใหญ่แล้วคนญี่ปุ่นเลาที่เห็นชาวต่างชาติพยายามฝึกหรือพูดคุยภาษาญี่ปุ่นกับตนเองนั้น เค้าก็จะพยายามตั้งใจฟังเรามากๆ ถ้าพูดแล้วคนญี่ปุ่นฟังไม่ออกในตอนแรกก็ลองพูดอีกครั้งค่ะ ไม่ต้องกลัว จะได้รู้ว่าแบบไหนพูดผิดหรือถูก เก็บไว้ปรับปรุงต่อไปค่ะ ^^
4. ฝึกพูดคนเดียว
แต่ถ้าหากจนแล้วจนรอดก็ไม่มีเพื่อนญี่ปุ่น หรือ ไม่มีครูญี่ปุ่นให้มาฝึกด้วยกันได้ ก็ยังมีทางออกสุดท้าย แถมเป็นวิธีฝึกที่ดีสุดๆ และทุกคนที่อยากพูดญี่ปุ่นเก่งๆ ควรทำ นั่นก็คือการฝึกพูดคนเดียวค่ะ
ต้องบอกก่อนว่าการพูดคนเดียวต่างจากการอ่านออกเสียงคนเดียวค่ะ การอ่านออกเสียงนั้นจะเป็นการฝึกให้สมองชินกับการเปล่งเสียงภาษาญี่ปุ่นออกมา ผ่านการอ่านแบบไม่ต้องคิดหรือแต่งประโยค แต่ในขณะที่การพูดคนเดียว เราจะต้องคิดก่อนที่จะพูดออกมา เสมือนกับการคุยกับใครสักคน
การพูดคนเดียว เราจะได้ฝึกทักษะคล้ายกับการคุยจริงกับคนญี่ปุ่นเลยค่ะ คือเราจะดึงคำศัพท์ ไวยากรณ์ ที่เคยเรียนขึ้นมาใช้จริง ซึ่งจะทำให้เราไม่ลืมสิ่งที่เรียน และ ให้สมองได้ชินกับการคิดเป็นภาษาญี่ปุ่น
การพูดคนเดียวสามารถทำได้ง่ายมาก จะทำตอนอยู่คนเดียวก็ได้ หรือตอนเพื่อนอยู่ด้วยก็ได้ (แต่ต้องบอกเพื่อนไว้ก่อนนะเพื่อนจะได้ไม่ตกใจ ) อาจจะเริ่มต้นง่ายๆ เช่น การพูดกับตัวเอง อย่างพูดสิ่งที่คิด หรือรู้สึกในใจออกมา ถ้าหากใครเพิ่งเริ่มเรียน ยังรู้คำศัพท์ไม่เยอะ ก็พูดแค่คำง่ายๆ คล้ายๆกับการอุทานก่อนก็ได้ค่ะ จะบ่นว่า ร้อน ( あつい!:atsui) หนาว (さむい!:samui ) ง่วงนอน(ねむい!:nemui )พวกนี้ก็ได้
หรือถ้าใครเก่งขึ้นหน่อย เราก็ฝึกพูดคนเดียวด้วยการจินตนาการเพื่อนทิพย์ขึ้นมาแล้วสร้างสถานการณ์ว่ากำลังคุยกับเพื่อนในประเด็นบางอย่างก็ได้ค่ะ ยิ่งคุยประโยคยาวๆยิ่งดี จะได้เรียบเรียงประโยคเก่งๆ!
いい天気ですね。( ii tenki desu ne ) อากาศดีจังเลย
ทั้งหมดนี้ก็เป็นวิธีที่เจ๊เอ๊ดนำมาฝากกัน อยากให้กำลังใจทุกคนอีกครั้งว่าความสำเร็จนั้นจะมาถึงเราช้าเร็วแค่ไหน ก็ขึ้นอยู่กับตัวเราเองทั้งหมด ขอให้ทุกคนอย่าท้อแท้ค่ะ ! がんばってね!
และสำหรับใครอยากเริ่มต้นเรียนภาษาญี่ปุ่นกับคอร์สเรียนที่จะช่วยให้การฝึกพูดพัฒนาไปแบบก้าวกระโดด มาทางนี้เลยค่ะ ตอนนี้สถาบันสอนภาษาญี่ปุ่น Jeducation Center ของเจ๊เอ๊ด กำลังเปิดรับสมัครนักเรียนเทอมใหม่รับต้นปี เทอมมกราคม 2022 แล้ว
● ผู้เรียนจะได้เรียนด้วยหลักสูตรแบบเดียวกับที่ประเทศญี่ปุ่น ด้วยคอร์สเรียนที่เน้นการได้ใช้ภาษาสื่อสารจริงตลอดเวลา
● เข้าใจภาษาญี่ปุ่นได้เองอย่างธรรมชาติ คิดและพูดเป็นภาษาญี่ปุ่นโดยไม่ต้องแปลไทย ด้วยการใช้ภาษาญี่ปุ่นในการเรียนทั้งหมดตั้งแต่ต้น ทำให้พัฒนาทักษะการพูดได้อย่างรวดเร็วกว่าเดิม
● เรียนกับอาจารย์ชาวญี่ปุ่นผู้มีประสบการณ์และเทคนิคการสอนภาษาให้ชาวต่างชาติโดยเฉพาะ
● เลือกได้ทั้ง เรียนสดออนไลน์ / เรียนสดที่สถาบัน
ผู้สนใจสามารถดูคอร์สเรียนสำหรับผู้เริ่มต้นได้ที่นี่เลยค่ะ
https://bit.ly/jcen-beginner-jan22
สำหรับผู้มีความรู้ภาษาญี่ปุ่นอยู่แล้ว สามารถเข้าทดสอบระดับภาษาได้ #ฟรี เพื่อเทียบระดับชั้นเรียนที่เหมาะสำหรับตัวคุณ
คลิกเพื่อเริ่มทำแบบทดสอบ
https://bit.ly/placement-jcenter
หรือสอบถามรายละเอียดคอร์สเรียนได้ที่นี่เลยค่ะ
Line 👉 http://bit.ly/jed-line
เรื่องแนะนำ :
– ยุคโควิดกับชีวิตติดเรียน…ภาษาญี่ปุ่นออนไลน์ (Jcenter)
– สอนลูกแบบเศรษฐศาสตร์การศึกษา ตามตำราอาจารย์ Nakamuro
– ความสุขของนักเรียนในญี่ปุ่น ในวันที่คุณพ่อคุณแม่มาเยี่ยม
– อะไรนะ! สั่งซื้อขนมตอนนี้ อีก 10 ปีข้างหน้าค่อยได้ทาน!!!
– Jikanyu ไปให้ถึงกุนมะกับประสบการณ์แช่ออนเซน 45-48 องศา
#เรียนภาษาญี่ปุ่นยังไงให้พูดได้เก่งๆ