ตอนเด็กเราปั่นจักรยานยกล้อ และจินตนาการว่าจักรยามแม่บ้านที่กำลังควบอยู่เป็นมอไซค์ Hurricane ของ V3 …นี่แหละครับคือพลังของฮีโร่เหล่านั้น แต่พอโตขึ้นเรื่องเหล่านี้ก็กลายเป็นเรื่องไร้สาระที่ทำให้ขำกันเท่านั้นตามกาลเวลา…แต่ถ้ามีสักคนหนึ่งที่โตขึ้นพร้อมกับความรู้สึกว่าอยากเป็นยอดมนุษย์หรือฮีโร่นั้นโตตามมาด้วยมันจะเป็นยังไงกันนะ…วันนี้มีอนิเมชั่นที่พูดถึงคนแบบนี้มาเล่าให้ฟังกัน กับ “Samurai Flamenco” หรือ “ซามูไรฟลาเมงโก้”
ในวัยเด็กคุณเคยมีความฝันอะไรบ้างพอจำได้มั๊ย มีใครเคยฝันอยากจะเป็นฮีโร่ แบบพวกมดแดง หรือซุปเปอร์ฮีโร่ บ้างรึเปล่าฮะ?
ผมไม่เคยถึงขนาดฝันอยากจะเป็นฮีโร่อะไรแนวนั้น แต่ก็เหมือนกับเด็กผู้ชายทุกคนที่เคยอยากแปลงร่างได้ และเคยมีโมเม้นท์ที่เล่นเป็นมดแดงกับมนุษย์ 5 สีกับเพื่อนๆ จะออกมากี่ขบวนการก็ดูหมด
ตอนเด็กๆ ผมจำได้ว่าฮีโร่เหล่านี้ เขาฮีโร่มากๆ เท่ เก่ง ยุติธรรม แม้พอโตมาแล้วได้ดูหนังการ์ตูนแนวนี้อีกทีจะรู้สึกว่า ไอ้ 5 สีนี่ก็มุขซ้ำๆ ออกแนวหมาหมู่กันทุกขบวนการ 5 รุม 1 พอกระทืบจนหนำใจ แน่นอนฮะ เราต้องเด็ดรากถอนโคนด้วยการจัดปืนใหญ่ออกมายิงมัน แต่…ชนะตัวเล็กเสร็จ มันยังไม่ตายง่ายๆ ต้องอะไรต่อ…ถูกต้องครับ!! ขยายตัว!! ครับจนบางครั้งคิดว่าทำไม มึงไม่ขยายตัวตั้งแต่แรกฟระ แต่ถึงอย่างนั้นฮีโร่ของเราไม่แคร์ครับ เรียกหุ่นยักษ์ออกมาประกอบร่างกันครับ!! สร้างภาระให้เด็กอย่างเราต้องคอยทิ้งตัวลงไปดิ้นบนพื้นอยากได้ เมื่อยามได้เห็นหุ่นยนต์ยักษ์ตัวนั้น บนชั้นของเล่นในห้าง… ไหนจะไอ้มดเขียว V3 ที่ทำให้ตอนเด็กเราปั่นจักรยานยกล้อ และจินตนาการว่าจักรยามแม่บ้านที่กำลังควบอยู่เป็นมอไซค์ Hurricane ของ V3
นี่แหละครับคือพลังของฮีโร่เหล่านั้น แต่พอโตขึ้นเรื่องเหล่านี้ก็กลายเป็นเรื่องไร้สาระที่ทำให้ขำกันเท่านั้นตามกาลเวลา…
แต่ถ้ามีสักคนหนึ่งที่โตขึ้นพร้อมกับความรู้สึกว่าอยากเป็นยอดมนุษย์หรือฮีโร่นั้นโตตามมาด้วยมันจะเป็นยังไงกันนะ…

วันนี้ผมมีอนิเมชั่นที่พูดถึงคนแบบนี้แหละครับ และส่วนตัวแล้วผมชอบประเด็นของเรื่องนี้มากๆ นั่นคือเรื่อง“Samurai Flamenco” หรือ “ซามูไรฟลาเมงโก้”
เป็นเรื่องของพ่อหนุ่ม ฮาซาวะ มาซายาชิ อายุ 19 ปี ที่มีความใฝ่ฝันในวัยเด็กว่าอยากจะเป็นฮีโร่เหมือนอย่าง“ฮาราคีรี ซันไชน์” ฮีโร่ที่เขาชอบ…


และเมื่อเขาโตขึ้นเขาก็คิดว่าถึงเวลาทำให้มันเป็นจริงซะที… ในตอนกลางวันเขาจะเป็นนายแบบหนุ่มรูปหล่อ พอตกกลางคืนเขาจะกลายเป็น “ซามูไรฟลาเมงโก้” ฮีโร่ผู้คอยปราบปรามคนชั่ว อภิบาลคนดี ปกป้องผู้คนจากเหล่าร้าย… จริงๆ ก็ควรจะเป็นอย่างนั้น แต่มันไม่ใช่ครับ เพราะเขาทำได้แค่เพียงใส่ชุดฮีโร่ออกคอยตักเตือนคนเมาที่ทิ้งของเรี่ยราดและป้าแก่ที่ทิ้งขยะผิดเวลาเท่านั้น…

และคนที่เขาไปเตือนดันคิดว่าเขาเป็นแค่คนบ้าไปซะงั้น… จนเดือดร้อนไปถึงคุณตำรวจนายนึงที่ชื่อว่า คุณโกโตะ

ที่บังเอิญไปเจอและตกกระไดพลอยโจน ต้องไปช่วยเหลือฮีโร่ของเราหลายครั้งจากการโดนเหล่าร้ายรุมตื๊บ… แต่แม้จะเจ็บตัวกี่ครั้ง เขาก็ยืนยันว่าจะไม่เลิกเด็ดขาด!!
ถ้าดูแบบไม่คิดอะไรเรื่องนี้ก็แลดูเป็นการ์ตูนไร้สาระเอาฮา แต่มัน…ก็เป็นอย่างนั้นแหละครับ เฮ้ย…มันก็ไม่ซะทีเดียว… เพราะมันแฝงหมัดเด็ดไว้หลายตอนอยู่เหมือนกัน ขอหยิบยกบางตอนที่ผมชอบมาเล่าให้ฟังดีกว่า…
มีตอนนึงในขณะที่เขาออก “ปฏิบัติการ” ก็ไปเจอกับกลุ่มเด็กเหลือขอ ที่ดึกแล้วไม่ยอมกลับบ้าน เขาจึงเข้าไปไล่ให้พวกนี้กลับบ้านฮะ

แต่พอไปไล่เด็กพวกนี้กลับไล่กระทืบคุณฮีโร่แทนครับ ก็เลยต้องหนีหัวซุกหัวซุน และมาแอบโทรศัพท์ให้คุณโกโตะมาช่วยที…

แต่ขณะที่คุยโทรศัพท์อยู่นั้นก็ได้ยินเสียงของ “ฮาราคีรี ซันไชน์” ฮีโร่ในดวงใจของเขาแวบเข้ามา ว่าถ้าเอ็งอยากจะเป็นฮีโร่ให้ได้อย่างข้า จงไปสู้กับพวกเด็กแวนซ์นั่นด้วยตัวเอง… ทันใดนั้นเขาจึงตัดสินใจที่จะไม่หนีและไม่ขอความช่วยเหลือแล้ว! โคตรเพี้ยน…

ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจที่จะเผชิญหน้ากับเหล่าร้ายเด็กแวนซ์ด้วยตัวข้าเอง…

ตัดภาพมาอีกทีเขาก็กำลังโดน เด็กแวนซ์รุมแกล้งอยู่…

ขณะที่เขากำลังโดนรุมตื๊บอยู่นั้น เด็กแวนซ์ก็ถามว่า มายุ่งกับพวกตรูทำไมแว้… ตรูก็อยู่กันเงี้ยไม่เคยมีใครมาเจือก…
แต่เขากลับตอบว่า…
“นายคงคิดว่านายเป็นคนพิเศษ คิดว่าทำอะไรก็ได้ ไม่มีผู้ใหญ่คนไหนมาสนใจ…
แต่จริงๆ แล้ว ทุกคนสนใจทั้งนั้นแหละ พวกนายมันน่ารำคาญ แต่พวกเขากลัวและไม่อยากมีปัญหาเลยไม่พูด…
และพวกเขาไม่สนใจว่านายจะเป็นยังไง ได้แต่หัวเราะแล้วก็ไม่พูดอะไร…
เขาคิดว่าพวกนายมันไม่มีค่า…
แต่ผมคิดว่า… ถ้าไม่ไล่พวกนายกลับ ก็จะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
เมืองนี้จะไม่เปลี่ยน สังคมนี้จะไม่เปลี่ยน อนาคตก็จะไม่เปลี่ยน ผู้ใหญ่ก็จะไม่เปลี่ยน พวกนายก็ไม่เปลี่ยน ตัวผมก็ไม่เปลี่ยน
ผมจึงอยู่ที่นี่เพื่อที่จะบอกว่า พวกนายมันน่ารำคาญ! อย่าส่งเสียงดัง อย่ากีดขวางถนน กลับบ้านไปซะ
ถ้าอยากสร้างความรำคาญ ก็ไปทำกับพ่อแม่ซะ เพราะมีแค่พวกเขาเท่านั้นแหละ ที่สมควรจะสนใจ พวกนาย!!!! “

มันโดนครับ… ส่วนตัวผมเชื่อว่าเด็กจะเติบโตขึ้นอย่างไร ครอบครัวและสังคมก็เป็นส่วนสำคัญ แม้ฮีโร่ของเรา เขาจะดูปัญญาอ่อนขนาดไหน แต่ผมว่าสิ่งที่เขาอยากจะสื่อสารนั้นมีความหมายมากครับ…
อีกตอนคือ ตอนที่คุณโกโตะ อยากจะบอกให้มาซายาชิ เลิกเป็น “ซามูไรฟลาเมงโก้” สักพัก

เพราะมีหลายคนร้องเรียน เรื่องคนบ้าใส่ชุดรัดรูป มาคอยตักเตือนอะไรแปลกๆ ให้เพียบ… เลยอยากจะขอให้มาซายาชิ ช่วงนี้เพลาๆ ฟลาเมงโก้สักพักเถอะนะ… แล้วก็ตบหน้าด้วยคำถามที่ว่า ทำไปแล้วได้อะไร? แล้วไปคอยตักเตือนชาวบ้านเนี่ย… ตัวเองไม่เคยทำผิดเหรอ ห๊ะ???

แต่มาซายาชิ กลับตอบด้วยเรื่องเล่าว่า… เขาเป็นคนที่ไม่ใช้ร่ม ไม่ว่าจะฝนตกแดดออกก็ไม่เคยพกร่ม เพราะว่าเมื่อตอนอยู่ ป.1 ขณะกำลังจะกลับบ้าน ฝนก็ตกลงมา แต่ร่มของเขาเนี่ยดันมีเด็กคนอื่นเอาไปใช้ ดังนั้นเขาก็เลยต้องหยิบของคนอื่นไปใช้ต่อ วันต่อมา มีเพื่อนของเขาคนหนึ่งไม่มาโรงเรียน เพราะป่วยที่ต้องเดินตากฝนกลับบ้าน…
คุณตาของมาซายาชิ เลยให้ไปขอโทษเด็กคนนั้นที่บ้าน พอได้เห็นเพื่อนตัวเองนอนซมไข้ ก็รู้สึกผิดมาก… “ร่ม” เป็นสิ่งของที่ถูกขโมยมากที่สุดในญี่ปุ่น เมื่อเวลาฝนตกกระทันหัน หลายๆ คนก็ “ยืม” ร่มคนแปลกหน้า และคนที่ถูกเอาร่มไป ก็หยิบของคนอื่นต่อไปอีก…
“ก็แค่ร่มเอง” แล้วเรื่องนี้ก็กลายเป็นวัฏจักร… เราสร้างปิศาจขึ้นโดยไม่รู้ตัว… เขาก็เลยตัดสินใจไม่ใช่ร่มซะเลย เพราะเขา “กลัว” ที่จะทำผิดอีก
ผมว่าประเด็นนี้ดีมากครับ เพราะไอ้เรื่องที่คิดว่าเล็กๆ นี่แหละ ถ้ามันทำกันทุกคนก็กลายเป็นเรื่องใหญ่อยู่ดี
คนเราทำผิดโดยไม่มี “ความกลัว” ว่าคนอื่นจะลำบาก ผมว่าหลายๆ คนก็คงเคยเจอและเคยทำ เป็นสิ่งที่น่าคิดมากๆ อีกอย่างหนึ่ง
ตัดกลับมา… พอคุยกันเสร็จ ขณะที่กำลังจะกลับบ้านฝนก็กำลังตก แต่แล้วร่มของคุณโกโตะก็มีใครสักคนหนึ่งหยิบไป แต่ที่สำคัญร่มอันนี้เป็นร่มของแฟนคุณโกโตะที่ฝากเอาไว้ซะด้วย…

และที่ฮาคือสุดท้ายก็เป็นหน้าที่ของ “ซามูไรฟลาเมงโก้” ออกไปทวงร่มคืนมาให้คุณโกโตะจนได้… ดูอนิเมชั่นเรื่องนี้จบทำให้ผมรู้สึกว่า บ้านเมืองเราต้องการคนแบบนี้บ้างแหละ…

ในโลกความเป็นจริงของเรา… คุณรู้มั๊ยครับ ว่าพวกเราเนี่ยทำผิดกฏหมาย ศีลธรรม หรือมนุษยธรรม กันแทบจะทุกวัน ด้วยความมักง่าย ลองสังเกตุดูง่ายๆ อย่างเราแกะพลาสติคหุ้มขวดน้ำออก เราก็ทิ้งมันลงบนพื้นอย่างไม่ใยดี สะพานลอยอยู่บนหัวก็ยังจะไม่ใช้กัน แซงตรงเส้นห้ามแซง จอดรถในที่ห้ามจอด ดึกๆ หน่อยไม่มีรถก็ทำเป็นมองไม่เห็นไฟแดง หรือลักไก่กลับรถตรงที่เขาไม่ให้กลับ…
หรือแม้แต่การโหลดเพลงเถื่อน โหลดหนังเถื่อน และไหนจะเรื่องเล็กๆ น้อยๆ อย่างถังขยะที่เขาแยกๆ ประเภทให้ ทิ้งตรงกันบ้างมั๊ย… โอ๊ย…หยุมหยิมอีกมากมาย และเพราะด้วยคิดว่ามันเล็กๆ น้อยๆ และบางครั้งเราก็ทำมันและแก้ตัวว่าเป็น “เรื่องแค่นี้เอง” โดยที่ไม่รู้ตัว… และที่แย่กว่าคือทำเองไม่พอ แต่ดันไปมองคนที่ทำถูกกฏเป็นพวก “แปลกแยก” หรือ “ประหลาด” ไปซะได้… และนี่แหละคือสิ่งที่เราปลูกฝังมันลงไปในสังคมของเรา ในชีวิตประจำวันของเราจนแกะไม่ออก
ช่วงนี้เป็นช่วงของวันเด็ก…อยากให้ลองคิดถึงอนาคตว่าคุณอยากจะให้ลูกของคุณเติบโตขึ้นมาในสังคมที่ยอมรับเรื่องที่ผิดได้อย่างหน้าตาเฉยจริงๆ เหรอ… ฮีโร่คนนี้สร้างได้ครับ… เริ่มจากตัวคุณ ลองหักห้ามใจไม่ทำอะไรที่มันเป็นเรื่องที่เราก็รู้ว่ามันผิดดูบ้าง จากวันละเรื่องสองเรื่อง วันหนึ่งคุณก็จะรู้สึกว่าการทำผิดแม้เรื่องเล็กๆ น้อยๆ มันเป็นเรื่องน่าละอาย แล้วมันจะค่อยๆ ส่งต่อไปถึงคนที่อยู่รอบๆ ตัวคุณเองโดยไม่รู้ตัว…
และวันหนึ่งที่ไม่รู้เหมือนกันว่าจะอีกนานแค่ไหน แต่ถ้ามีคนที่เริ่มทำจริงๆ สังคมที่สงบสุขและน่าอยู่ สังคมที่ทุกๆ คนไม่ฉวยโอกาสที่จะเอาเปรียบกัน บ้านเมืองที่สะอาดกว่านี้ คงจะมาถึงในสักวัน…:)


เรื่องแนะนำ :
– เรื่องของเด็กๆ กับอนิเมชั่น “Laputa”
– แรงบันดาลใจ
– ราเม็งแห่งความฝัน