จุดเด่นของอาจารย์ มิยาซากิ คือมักจะเขียนเรื่องราวให้เกี่ยวข้องกับการอยู่ร่วมกันของมนุษย์และธรรมชาติและมีเรื่องราวเกี่ยวกับเทคโนโลยีล้ำสมัย มาเกี่ยวข้อง ซึ่งเรื่อง Laputa นี้เองก็พูดถึงเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่ชื่อว่าชีต้า
ประมาณ 3 ปีต่อมา หลังจากที่ Nausicaä of the Valley of the Wind อนิเมชั่นเรื่องแรกของสตูดิโอจิบลิออกฉายและประสบความสำเร็จอย่างสูง
อนิเมชั่นเรื่องที่สอง (หรือเรื่องแรกอย่างเป็นทางการ) ของสตูดิโอจิบลิก็คลอดออกมาในปี 1986 กับเรื่อง “Laputa: Castle in the Sky” หรือชื่อไทยว่า “ลาพิวต้า พลิกตำนานเหนือเวหา” เป็นอนิเมชั่นที่เปิดตัวให้กับสตูดิโอจิบลิอย่างยิ่งใหญ่อลังการ กำกับโดย อ.ฮายาโอะ มิยาซากิ Hayao Miyazaki
คนเดียวกับผู้สร้าง Nausicaä of the Valley of the Wind และผลงานอื่นๆ อีกหลายเรื่องของสตูดิโอจิบลิ
จุดเด่นของอาจารย์ มิยาซากิ คือมักจะเขียนเรื่องราวให้เกี่ยวข้องกับการอยู่ร่วมกันของมนุษย์และธรรมชาติและมีเรื่องราวเกี่ยวกับเทคโนโลยีล้ำสมัย มาเกี่ยวข้อง ซึ่งเรื่องนี้เองพูดถึงเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่ชื่อว่า ชีต้า
เธอห้อยคริสตัลอันหนึ่งซึ่งเป็นที่มาให้เธอโดนตามล่าจากกลุ่มโจรสลัดโดล่าที่พยายามจะมาชิงคริสตัลอันนี้ จนเธอพลัดตกจากเรือเหาะสุดล้ำ ร่วงลงมาแต่ด้วยพลังบางอย่างของคริสตัลลึกลับอันนี้ทำให้เธอค่อยๆ ลอยลงมา…
ปาซึ เด็กชายที่ทำงานในเหมืองคนหนึ่งเป็นผู้ที่รับเธอได้ และนำเธอไปพักที่บ้านของเขา
ในบ้านของปาซึมีรูปที่พ่อเขาถ่ายได้ เป็นเกาะลอยฟ้าในตำนานที่ชื่อว่า “ลาพิวต้า”
ซึ่งเป็นเกาะที่ลอยอยู่บนฟ้าที่ไหนสักแห่ง และบนเกาะแห่งนี้ก็มีสมบัติอยู่มากมาย… แต่ว่าไม่มีใครเชื่อพ่อเขาเลยว่าเกาะนี้มีอยู่จริง เขาจึงตั้งใจที่จะสร้างเครื่องบินเพื่อที่จะออกตามหาเกาะนี้ด้วยตัวเอง…
ขณะที่กำลังเล่าอยู่ทันใดนั้นจู่ๆ กลุ่มโจรสลัดนั้นก็มาตามหา ชีต้า พวกเขาจึงต้องหนีอีกครั้ง และขณะที่หนีเขาก็โดดลงมาจากรางรถไฟบนหน้าผา และคริสตัลอันนั้นก็แสดงพลังอีกครั้ง พวกเขาค่อยๆ ลอยลงสู่พื้น ในที่สุด ชีต้าก็เล่าว่าจริงๆ แล้วชื่อของเธอคือ “ลูชีต้า โทเอล อูล ลาพิวต้า” ครอบครัวของเธอเป็นคนที่มาจากเกาะบนฟ้าในตำนาน “ลาพิวต้า”…
แต่หนีจากโจรสลัดสักพักดันมาเจอกลุ่มทหารรัฐบาล อีกกลุ่มที่ตามจับตัวเธอเช่นกัน (นี่มีใครเป็นคนดีบ้างเนี่ย) สุดท้ายเธอก็ถูกจับตัวได้
และเธอก็ได้พบกับ มูสก้า สายลับรัฐบาล
ซึ่งได้บอกกับเธอว่า แท้จริงแล้วรัฐบาลต้องการที่ไปที่เกาะลาพิวต้า นอกจากเพื่อสมบัติบนเกาะแล้ว… เป้าหมายจริงๆ ของรัฐบาลก็คือ บนเกาะแห่งนี้มีเทคโนโลยีบางอย่างที่จะสามารถทำให้ยึดครองโลกนี้ได้อยู่… และการที่จะไปถึงเกาะนี้ได้ก็ต้องอาศัยพลังของคริสตัลเพื่อที่จะนำทางพวกเขาไป และคริสตัลนี้จะยอมทำตามคำสั่งของชีต้าเพียงคนเดียว เพราะเธอคือเชื้อพระวงศ์ที่เหลืออยู่ของลาพิวต้าเจ้าหญิงองค์สุดท้ายของเกาะในตำนานเกาะนี้ซึ่งรู้คาถาลับที่สั่งให้คริสตัลนำทางไปที่เกาะได้
ฉากหนึ่งที่สะเทือนใจผมคือตอนที่ชีต้า ถูกบังคับให้บอก ปาซึ ให้เลิกตามหาและลืม “ลาพิวต้า” ซะ… เพราะไม่งั้นทหารจะทำร้ายปาซึ หลังจากเธอบอกปาซึ หัวหน้าทหารมุสก้าก็ส่งเงินให้เขาจำนวนหนึ่ง และบอกว่า เป็นสินน้ำใจ… คนประเภทที่คิดว่าเงินนั้นซื้อและสามารถแก้ปัญหาได้ทุกอย่าง นี่น่าขยะแขยงจริงๆ…
สิ่งหนึ่งที่่ผมว่ามันทำให้เรื่องนี้โด่งดังมากๆ ในตอนนั้น น่าจะเป็นความแฟนตาซีของเรื่องนี้ฉาก และทุกๆ อย่างขนาดดูในปีนี้ 2014 มันยังให้ความรู้สึกตื่นเต้นอยู่เลย ทั้งๆ ที่อนิเมชั่นเรื่องนี้ทำในปี 1986 โดยเฉพาะเรือเหาะต่างๆ ซึ่งถือเป็นไฮไลท์ของเรื่องนี้เลย
และก็ทำออกมาได้อลังการงานสร้างมากๆ จนแทบไม่น่าเชื่อว่านี้คืองานของเมื่อเกือบ 30 ปีที่แล้ว ให้ความรู้สึกเหมือนตอนที่ได้ดู Gundam ภาคแรกที่ได้เห็นอามุโร่และ MX78-2 จนถึงตอนนี้ก็ยังรู้สึกว่ามันเป็นอะไรที่คลาสิคและเจ๋งอยู่เลย…
ส่วนตัวผมคิดว่าเรื่องนี้มันคือความคิดและความต้องการที่แตกต่างของผู้ใหญ่และเด็ก… ทั้งรัฐบาลและโจรสลัดโดล่าต่างก็ต้องการมาที่เกาะแห่งนี้ก็เพื่อสมบัติ ส่วน มูสก้า เขาโหยหาอำนาจและการมาที่ลาพิวต้าก็เพื่อแร่ที่ชื่อว่าอาธีเรี่ยม เป็นขุมพลังงานขนาดใหญ่คล้ายๆ กับพลังนิวเคลียร์นั่นแหละ ซึ่งพลังนี้หากใช้ให้เป็นประโยชน์ก็จะเกิดประโยชน์มหาศาล แต่หากใช้เป็นอาวุธก็จะมีอานุภาพมาก ซึ่งมูสก้า ต้องการใช้อาธีเรี่ยมในการยึดครองโลก
แต่เด็กอย่างปาซึต้องการมาที่เกาะนี้ก็เพื่อพิสูจน์ว่าเกาะนี้มีอยู่จริงและพ่อตัวเองนั้นไม่ได้โกหก
และชีต้าก็แค่อยากจะใช้ชีวิตอย่างสงบสุขและอยากไปที่เกาะลาพิวต้าเพียงเพื่อเติมเต็มความฝันของ ปาซึเป็นจริงเท่านั้นไม่ได้สนใจในสมบัติหรือพลังอะไรเลย
ในทุกวันที่เราโตขึ้นๆ ความต้องการในหัวใจของเราก็มีมากขึ้นตาม บางความต้องการก็อาจจะทำร้ายใครหลายๆ คน ลองมองกลับไปในวันที่เรายังเด็ก ที่ความต้องการของเรานั้นแสนเรียบง่ายดูสักครั้งและลองคิดถึงโลกที่เราอยากจะให้ลูกๆ หลานๆ ของเราโตขึ้น มันคือโลกที่เราแก่งแย่งชิงดี ทำร้ายคนอื่นโดยที่ไม่สนใจอย่างนั้นเหรอ…
อาจจะเป็นแค่มุมมองของเด็กๆ แต่ถ้าเรามองโลกอย่างเด็กๆ มองบ้างบางครั้งผมว่าโลกนี้คงน่าอยู่ขึ้น และมีความสุขมากยิ่งขึ้น…:)
เรื่องแนะนำ :
– แรงบันดาลใจ
– ราเม็งแห่งความฝัน