Fukui Dinosaur Museum ไดโนเสาร์ที่จัดแสดงที่นี่จะเน้นความสมจริงเป็นหลัก โดยหากเราสังเกตดีๆ เราจะเห็นได้ว่าไดโนเสาร์ทุกตัวกำลังหายใจ! (คือทุกตัวจะเห็นว่าท้องมีการขยับตามจังหวะการหายใจเสมอ) ถือว่าเป็นการเก็บรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ แต่ก็สร้างความสมจริงและเติมเต็มบรรยากาศได้อย่างดีเลยทีเดียวครับ
พูดถึงไดโนเสาร์แล้ว เชื่อว่าสัตว์ชนิดนี้คือขวัญใจของคนหลากหลายวัยครับ ไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ ล้วนต่างต้องเคยประทับใจกับรูปร่างที่ใหญ่โต ตลอดจนความแข็งแกร่งของสัตว์ดึกดำบรรพ์เหล่านี้กันมาแล้วทั้งสิ้น
บางส่วนอาจจะประทับใจจากภาพยนตร์จูราสสิคต่างๆ เช่นเดียวกับตัวผมเอง ดังนั้นผมจึงมีความสุขทุกครั้งเวลาได้ไปเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ตามที่ต่างๆ แต่จากประสบการณ์ที่ผ่านมาทั้งหมด ผมยกให้พิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์แห่ง Fukui ประเทศญี่ปุ่น เป็นหนึ่งในสถานที่ที่ยอดเยี่ยมที่สุดครับ
พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ได้รับการคัดเลือกเป็นหนึ่งใน 3 พิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ที่ดีที่สุดในโลก ร่วมกับพิพิธภัณฑ์จากจีนและแคนาดา โดยในส่วนของ Fukui นั้นถือว่าเป็นพิพิธภัณฑ์ที่ใหม่อยู่ครับ เพราะเพิ่งเปิดบริการในปี 2000 นี้เอง ดังนั้นทุกอย่างจะใหม่และอยู่ในสภาพดีมากๆ คนที่อยากศึกษาไดโนเสาร์ สามารถมาหาความรู้จากที่นี่ได้เลยครับ
โดยปกติแล้วสถานที่แห่งนี้จะมีคนมาเยือนกว่า 800,000 คนต่อปี ทั้งชาวญี่ปุ่นและชาวต่างชาติ (แต่คนไทยยังไม่เยอะมากนะครับ ทางเจ้าหน้าที่เขาฝากมาบอกให้คนไทยไปเยี่ยมกันหน่อย เขาอยากเจอ) ซึ่งทางจังหวัดเขาโฆษณาว่า
“คนในจังหวัดของเรามีแปดแสนคน และคนที่มาชมพิพิธภัณฑ์ก็มีแปดแสนคนต่อปี นั่นหมายความโดยเฉลี่ยแล้วประชาชนทุกคนของจังหวัดเรา เคยมาเที่ยวที่นี่”
สิ่งนี้เพื่อตอกย้ำให้เห็นว่าไดโนเสาร์มีความสำคัญต่อจังหวัดมากๆ ครับ คือเมืองนี้แกใช้ไดโนเสาร์เป็นวาระแห่งชาติเลย คือลงรถไฟมาก็จะเห็นไดโนเสาร์อยู่เต็มสถานี ทั้งป้าย ทั้งหุ่น ทั้งคัทเอาท์ ฯลฯ ยังไม่รวมถึงภาพสามมิติที่วาดเต็มกำแพงถนนให้คนไปถ่ายรูปกัน (คือวงเวียนกลางถนนหน้าสถานี ก็เป็นไดโนเสาร์คอยาวขยับหัวได้ เปลี่ยนไปเรื่อยๆ) คือตอนนี้คนญี่ปุ่นและผู้ที่ชื่นชอบไดโนเสาร์ทั่วโลกจะรู้เลยว่าหากมาญี่ปุ่น ก็ต้องแวะมาที่จังหวัดนี้ เพราะนี่คือดินแดนแห่งไดโนเสาร์ที่รวบรวมฟอซซิล และโครงกระดูกที่สมบูรณ์ที่สุดมาจากนานาประเทศทั่วโลก โดยเฉพาะแถบเอเชีย นำมาปัดฝุ่น ตกแต่ง และจัดแสดงออกมาได้อย่างมีคุณค่าที่สุด จนหลายๆ คนออกปากว่าที่นี่คือสวรรค์ของคนรักไดโนเสาร์เลยล่ะครับ
ในส่วนของคำอธิบายแต่ละอย่างจะมีทั้งหมด 5 ภาษา ได้แก่ ญี่ปุ่น อังกฤษ สเปน จีนและเกาหลี ดังนั้นใครชำนาญภาษาใดก็สามารถเข้าใจได้ไม่ยากเลยครับ โดยฟอสซิลในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้จะมีทั้งฟอซซิลของจริง (เช่นฟอสซิลทีเร็กซ์) และฟอสซิล รีพลิก้า (คือทำทุกอย่างเหมือนของจริงหมด แต่ทำจากเรซิ่นหรือปูน หรือวัสดุอื่นก็ว่ากันไป โดยของจริงจะอยู่ที่พิพิธภัณฑ์อื่น เช่นในอเมริกา เป็นต้น) โดยฟอสซิลที่นี่จะมีอายุระหว่าง 250 ล้านปี และใหม่สุดคือประมาณ 65 ล้านปี
ไดโนเสาร์ที่นี่จะจัดแสดงทั้งกระดูกไดโนเสาร์ที่พบในญี่ปุ่นและในเอเชีย โดยจะมีแผนที่ให้เรามาเลคเชอร์ได้เลยครับ ว่าแต่ละประเทศมีไดโนเสาร์ที่ไหนบ้าง โดยที่นี่ยังมีกระดูกของไดโนเสาร์ไทยจัดแสดงเช่นกัน (แต่เป็นของรีพลิก้านะครับ ไม่ใช่กระดูกจริง) และนอกจากไดโนเสาร์แล้ว ที่นี่ยังมีฟอสซิลของสัตว์ชนิดอื่นๆ ที่มีอายุกว่าร้อยล้านปี จัดแสดงด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นหอย ใบไม้ กิ่งไม้ หิน ฯลฯ
ไดโนเสาร์ที่จัดแสดงที่นี่จะเน้นความสมจริงเป็นหลัก โดยหากเราสังเกตดีๆ เราจะเห็นได้ว่าไดโนเสาร์ทุกตัวกำลังหายใจ! (คือทุกตัวจะเห็นว่าท้องมีการขยับตามจังหวะการหายใจเสมอ) ถือว่าเป็นการเก็บรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ แต่ก็สร้างความสมจริงและเติมเต็มบรรยากาศได้อย่างดีเลยทีเดียวครับ
ปกติแล้วที่ญี่ปุ่นจะพบซากไดโนเสาร์ใหม่ๆ อยู่เรื่อยๆ เหตุผลคือญี่ปุ่นเพิ่งมาจริงจังเรื่องการขุดไดโนเสาร์ไม่นาน หากเทียบกับในประเทศอื่นๆ โดยทางเจ้าหน้าที่แจ้งว่าหากวัดจากการที่รัฐบาลเข้ามาสนับสนุนอย่างจริงจัง ก็เพิ่งจะสามสิบกว่าปีที่ผ่านมานี้เองครับ ทำให้ตอนนี้ยังมีซากไดโนเสาร์ที่คาดว่าหลงเหลืออยู่ในญี่ปุ่นอีกเป็นจำนวนมาก โดยวิธีการที่เขาหาซากไดโนเสาร์ก็คือการใช้สัญญาณดาวเทียม หรือเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ ฉายลงไปในพื้นที่ต่างๆ ที่คาดว่าจะมี (คือเทียบจากบริเวณที่ขุดพบไดโนเสาร์ครั้งก่อนๆ มาคำนวนและประมาณการ) เพื่อหาว่าจุดใดที่น่าจะมีอะไรฝังอยู่ในดิน และลงมือขุดเจาะตรงนั้น โดยวิธีทางวิทยาศาสตร์ที่เจริญขึ้น ทำให้ญี่ปุ่นพบฟอสซิลไดโนเสาร์เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะในรอบห้าปีก่อนหน้านี้ที่พบฟอสซิลถึงประมาณ 4 – 5 ชนิด!
บริเวณที่ค้นพบไดโนเสาร์มากและน่าจะมีอีกคือบริเวณเมืองเซนได และไดโนเสาร์ที่พบในญี่ปุ่นส่วนมากจะเป็นไดโนเสาร์ในยุคครีเทเชียส อนึ่งการขุดเจาะแต่ละครั้งจะทำได้เพียงในช่วงหน้าร้อน เพราะตอนหน้าหนาว พื้นที่ส่วนใหญ่ที่น่าจะมีไดโนเสาร์ มักจะถูกปกคลุมด้วยหิมะซึ่งสูงเฉลี่ยแล้วกว่า 3 เมตร ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการขุดเจาะ และโดยปกติแล้ว หน่วยงานรัฐบาลจะเข้ามาสนับสนุน และยังจับมือกับมหาวิทยาลัยที่มีภาควิชาธรณีวิทยา ซึ่งมหาวิทยาลัยเหล่านี้จะส่งนักศึกษามาช่วยกันขุดเจาะทันทีที่ทางหน่วยงานขอความช่วยเหลือ ซึ่งเด็กหนุ่มสาวไฟแรงเหล่านี้ ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ทางญี่ปุ่นยกย่องว่ามีส่วนช่วยในการค้นพบไดโนเสาร์ของญี่ปุ่นครับ
พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ตั้งอยู่ในเมือง Katsuyama จังหวัด Fukui ซึ่งสามารถเดินทางไปได้โดยรถไฟ Katsuyama Eiheiji Line ใช้เวลาจากตัวเมือง Fukui ไม่นานครับ รับรองว่าจะประทับใจแน่นอน
สำหรับใครที่อยากไปเที่ยวที่นี่มากแต่ยังหากโอกาสไปไม่ได้สักที ทาง Google แกไปสำรวจมาให้เราก่อนแล้วครับ โดยคุณสามารถเที่ยวเล่นในทุกๆ บริเวณของพิพิธภัณฑ์ได้เลย ผ่านทางนี้
ขอให้สนุกกับการเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์นะครับ และพบกันใหม่สัปดาห์หน้าหรือทางทวิตเตอร์ @pumiiiiiiiiii สวัสดีครับ ^^
เรื่องแนะนำ :
– TONAMI : THE CITY OF TULIP “เมืองแห่งทิวลิปที่สวยที่สุดในโลก”
– การจากไปของ “Takahashi Minami” และความเปลี่ยนแปลงของ AKB48
– สุดยอดเกมมวยปล้ำญี่ปุ่นในตำนาน
– ทำไมต้องไปญี่ปุ่นกับทัวร์
– เกือบตายในบาร์ญี่ปุ่น : การเอาตัวรอดจากคลับบาร์ในเวลาที่โดนโกง