วิชายุทธ วิถีเซน by Lordofwar Nick
“ฟุโดจิชินเมียวโรคุ” ฉบับสำนักพระราชวัง (0) ปูมหลังของหนังสือเล่มนี้
สวัสดีครับท่านผู้อ่านที่รักทุกท่าน ผมว่าจะ ว่าจะ ว่าจะ ไม่เขียนอะไรหนักๆ แบบที่ต้องใช้ “พลังงานมหาศาล” ในการเขียนแล้วนะ (ฮา) แต่เนื่องจากนี่เป็นส่วนหนึ่งการเรียนรู้ด้วยตัวเอง ๑ และเพื่อเอาสิ่งที่ได้เรียนรู้ด้วยตัวเองมาเผยแพร่บอกต่อ เผื่อใครจะศึกษาก็จะได้ใช้ประโยชน์ต่อไป ๑ ก็เลย เอาวะ ครั้งเดียวในชีวิต ทำมันตอนนี้ซะ ก่อนที่จะสังขารจะไม่อำนวย
หนังสือ “ฟุโดจิ” (不動智 “ปัญญาที่ไม่หวั่นไหว”) นั้น ว่ากันว่าเป็นคำสอนที่ท่านพระอาจารย์ทาคุอัน ได้ให้ไว้แก่ยางิว มุเนะโนริ ผู้เป็นครูสอนวิชาดาบแก่ตระกูลโชกุน เป็นการเอาหลักธรรมคำสอนอย่างเซน มาประยุกต์ใช้โดยโยงเข้ากับวิชาดาบ เป็นการยกระดับจาก “วิชาดาบที่ฆ่า” (人を殺す剣術) เป็น “วิถีดาบที่ทำคนให้มีชีวิต” (人を活かす剣道) จนมีคำว่า เค็นเซนอิจิเนียว (拳禅一如) แปลว่า ดาบกับฌานก็เป็นอย่างเดียวกัน จนเป็นที่ชมชอบอ่านกัน ตั้งแต่ยุคเอโดะจนถึงยุคปัจจุบันนี้
อ้อ ขอนอกเรื่องแป๊บ เรื่องที่ว่าทาคุอันเคยเจอและเคยจับมูซาชิมา “สั่งสอน” นั้น ขอบอกไว้ก่อน ว่าเป็นเพียงจินตนาการของคนเขียนนิยายคือ โยชิคาวะ เอจิ เท่านั้น (ซึ่งตัวผู้เขียนก็ยอมรับเองว่าเป็นเรื่องที่แต่งขึ้นมา มิได้มีเอกสารหลักฐานอ้างอิงใดๆ) แต่เนื่องจากภาพมูซาชิในวัฒนธรรมร่วมสมัยนั้น ล้วนแทบจะเป็นการผลิตซ้ำภาพจากนิยายของโยชิคาวะทั้งนั้น เราเลยได้เห็นบทบาทของ “ทาคุอัน” ในเรื่องราวของ “มูซาชิ” จนกลายเป็นภาพจำไปแล้ว
พระอาจาย์ทาคุอัน โซโฮ (沢庵宗彭) (ที่มา wikipedia)
ท่านทาคุอัน ในเรื่อง “Vagabond” (ที่มา x)
เอาล่ะครับ ก่อนที่จะเข้าสู่เนื้อหาในวันนี้ ยังมีเรื่องที่อยากจะอธิบายอีกสองเรื่อง
เรื่องแรก “ฟุโดจิ” นั้น ไม่ได้มีเวอร์ชั่นเดียว!
เป็นธรรมดาของหนังสือสมัยก่อนที่ต่างก็คัดลอกกันไปต่างๆ เรียกชื่อกันไปต่างๆ และจริงๆ แล้วยังมีเนื้อหาอื่นๆ อย่างเช่นปุจฉาวิสัชนาอีก ไปๆ มาๆ เลยกลายเป็นว่า พบหนังสือ “ฟุโดจิ” ที่เป็นหนังสือฉบับเขียนด้วยลายมือ ถึงห้าฉบับ (ห้าเวอร์ชั่น) ที่มีเนื้อหาต่างกัน! ได้แก่…
- “ฟุโดจิ” ฉบับคลังหนังสือของสำนักพระราชวัง เป็นฉบับที่พระอาจารย์ทาคุอัน ได้มอบให้แก่ อิซุชิ โยชิฟุสะ (出石吉英) ผู้ครองปราสาทอิซุชิ เมื่อปี พ.ศ. 2179 ในหนังสือ “รวมผลงานทาคุอัน” เล่มที่สี่ นั้น ได้กล่าวว่า ในวันที่ 27 เดือนเก้าของปีนั้น พระอาจารย์ได้ถกประเด็นเรื่องพิชัยสงครามกับมุเนะโนริต่อหน้าท่านอิเอมิตสึ (หมายถึงโตกุกาวะ อิเอมิตสึ) แล้วก็เลยเขียนเอาไว้ แล้วมอบให้แก่ท่านอิเอมิตสึ เนื้อหาของเวอร์ชั่นนี้จะสั้นๆ ง่ายๆ จึงเชื่อว่าเป็นฉบับที่ “ออริจินัล” สุด ชื่อเดิมนั้นยาวสุดๆ คือ “มุเมียวจูจิบนโนโชะบุตสึ โนะ ฟุโดจิ” (ปัญญาที่ไม่หวั่นไหวของพุทธทั้งหลาย กิเลสอันเป็นที่อาศัยของอวิชชา 無明住地煩悩諸仏之不動智 ชื่อยาวมาก)
- “ฟุโดจิ” ฉบับหอสมุดมหาวิทยาลัยโทโฮคุ เป็นฉบับที่เอาฉบับคัดลอกของปี พ.ศ. 2317 มาคัดลอกใหม่ (พร้อมกับแก้ไขที่ผิด) ในปี พ.ศ.2351 (โห)
- “ฟุโดจิ” ฉบับห้องสมุดคณะรัฐมนตรี หอจดหมายเหตุแห่งชาติ เป็นฉบับที่ มิยาซากิ เซย์ชิน (宮崎成身) ขุนนางแห่งรัฐบาลโชกุน ทำการคัดลอกในปลายยุคเอโดะ
- “ฟุโดจิ” ฉบับห้องสมุดรัฐสภา
- “ฟุโดจิ” ฉบับห้องสมุดโฮสะ (蓬左文庫) ที่นาโงย่า
โตกุกาวะ อิเอมิตสึ (徳川家光) (ที่มา wikipedia)
อย่างไรก็ดี ฉบับที่ทำเรียงพิมพ์ออกมาเป็นหนังสือตีพิมพ์ในยุคเมจินั้น มักอาศัยฉบับคัดลอกเวอร์ชั่นสาม (ฉบับหอจดหมายเหตุแห่งชาติ) หรือไม่ก็เวอร์ชั่นสี่ (ฉบับห้องสมุดรัฐสภา) เป็นต้นฉบับ ซึ่งผมเชื่อว่า พวกฉบับที่แปลเป็นภาษาอังกฤษ ก็น่าจะมีที่มาจากเวอร์ชั่นดังกล่าวนี่แหละครับ
อย่างไรก็ดี ในที่นี้ (คือคือในซีรี่ส์ที่ผมจะเขียนต่อไปนี้) ผมจะแปลจากเวอร์ชั่นแรก คือ “ฉบับสำนักพระราชวัง” นะครับ ไม่ใช่อะไร มันเนื้อหาสั้นดี (ฮา)
เรื่องที่สอง ว่าด้วยเรื่อง “กิเลสสู่โพธิ” (บนโนโซคุโบะได 煩悩即菩提)
คำนี้ ด้วยตัวคำศัพท์ที่แสดงออกมาในสไตล์ของมหายาน (ที่อิงกับแนวคิดเรื่องทวิลักษณ์ หยิน-หยาง) มันอาจจะฟังดู แปลก แปร่งๆ ในทัศนะของคนไทย (ที่คุ้นเคยกับถ้อยคำแบบเถรวาท) เอางี้ดีกว่าครับ เอาคำนี้ไปละกัน
“ไม่เห็นทุกข์ ไม่เห็นธรรม”
ค่อยเข้าใจง่ายขึ้นไหมครับ? เอาง่ายๆ คนเราทุกข์เพราะดิ้นรน เพราะอยากได้ เพราะคับข้องใจ เพราะไม่เข้าใจ ต่างๆ นานา ทุกข์เพราะสิ่งต่างๆ มันไม่เป็นไปตามใจเรา แต่ก็เพราะสิ่งนี้แหละ มีอาจจะสะกิดเกา ให้เรา “เข้าใจ” บางสิ่งได้
ขอยกตัวอย่างเรื่องพระจุลลปันถกะ ละกันนะครับ
พระจุลลปันถกะ ท่านออกบวชพร้อมพี่ แต่เพราะหัวไม่ดี ท่องจำอะไรกับเขาไม่ได้ จึงโดนพี่ชายไล่ให้ไปสึก พระพุทธเจ้าเห็นดังนั้นจึงช่วย “แนะแนว” ด้วยการเอาผ้าขาวให้ แล้วบอกให้ลูบผ้าไปเรื่อยๆ ท่องภาวนาไปเรื่อยว่า “ผ้าเช็ดฝุ่นหนอๆ” ลูบไปลูบมาผ้ามันก็หมอง จึงคิดได้ว่า
“ผ้านี้แต่ก่อนก็ขาวบริสุทธิ์ แต่พอถูกลูบบ่อย ๆ ก็กลับดำ สรรพสิ่งมันช่างไม่ยั่งยืน”
จับเอาตรงนี้มา เจริญวิปัสสนากรรมฐานยกผ้าผืนนั้นขึ้นเปรียบเทียบกับอัตตภาพร่างกายเป็นอารมณ์ จนได้บรรลุเป็นพระอรหันต์ปฏิสัมภิทาในวันนั้นเอง
กิเลส คือ ธรรมชาติ (สภาพ) ที่ทำให้จิตร้อนเร่า เศร้าหมอง
เพราะมีสิ่งนี้ จึงเอาสิ่งนี้มาสะกิดจิตใจ ให้คิดได้ ให้รู้ถึงสัจธรรม
สิ่งที่ผมจะกล่าวคือ แนวทางของการฝึกตนเพื่อความรู้แจ้งอย่างเซนนั้น ไม่ได้มีอะไรมากไปกว่า การทำตัวเองให้เห็นทุกข์ เห็นทุกข์เพื่อจะให้เห็นธรรม และ “ฟุโดชิ” คำสอนของท่านทาคุอันนั้น ก็มิได้มีอะไรมากไปกว่า การเอาแนวคิด “กิเลสสู่โพธิ์” (คือ “เห็นทุกข์จึงเห็นธรรม”) เอามาใส่ลงในแก่นของวิชาดาบ นั่นเอง
ฉะนั้น สำหรับผู้ฝึกวิชาดาบนั้น หนทางคือเอา “วิชาดาบ” นี่แหละ มาเป็นเครื่องพิจารณาให้เห็นธรรม เหมือนอย่างที่พระจุลปัณฑกะใช้ “ผ้าขาว” นั่นเอง
ที่ผมต้องพูดนี่ ก็เพราะอยากให้ท่านผู้อ่านมีความเข้าใจที่ถูกต้องเสียก่อน จะได้ไม่คิดฟุ้งๆ ไปว่ามันเป็นเรื่องลี้ลับ แปลกพิเศษ สวิงสวาย อะไรเลย ก็ธรรมะของพระพุทธเจ้านี่แหละ แค่เปลี่ยนวัตถุแห่งการพิจารณามาเป็น “วิชาดาบ” เท่านั้นเอง
ขณะที่กำลังเขียนอยู่นี้ (เตรียมต้นฉบับมาตั้งแต่ต้นปี 2024) ผมบาดเจ็บที่หลังคอนะ ที่ผ่านมาบ่าซ้ายมีปัญหา ทำกายภาพฯ แล้ว นวดแล้ว ก็เหมื่อนจะดีแต่ไม่ดี แต่ก็นะ ยังประคองสังขารไปซ้อมบีเจเจอยู่ (ฮา) วันไหนไม่ง่วงเกินกลับมาแล้วก็ยังซ้อมท่าดาบอิไอบ้าง ก็เอาความเจ็บปวดที่เจอทุกวันๆ นี่แหละมาพิจารณา ทำไปแบบนี้เรื่อยๆ สักวันคงได้มีดวงตาเห็นธรรมกับเขาบ้าง พอบ่าหาย เจ็บหลังเอวอีก ก็ต้องบริหารร่างกายเสริมอีก “ไม่เห็นทุกข์ ไม่เห็นธรรม” ไหมล่ะนั่น
“ฟุโดจิชินเมียวโรคุ” ฉบับสำนักพระราชวังนี้ ผมอาศัยคำคัดลอกพิมพ์จากบทความวิชาการเรื่อง 沢庵宗彭『不動智神妙録』古写本三種・『太阿記』古写本一種 โดย ซาโต้ เร็นทาโร่ (佐藤錬太郎) ฉบับลงในเว็บไซด์ของมหาวิทยาลัยฮอกไกโด นะครับ โดยเอาคำพิมพ์มาคัดลอกและดัดแปลงเครื่องหมายบางอย่างในประโยคพอให้พิมพ์ได้ และจัดย่อหน้าใหม่ให้เหมาะกับการนำเสนอเนื้อหาเป็นตอนๆ
สัปดาห์หน้าเรามาเริ่มอ่านกันเลยนะครับ (อ่านทีละนิด ค่อยๆ นะครับ ผมเองกว่าจะแปลได้แต่ละย่อหน้านี่ก็ นะ 555) เจอกันครับผม
เรื่องแนะนำ :
– American Samurai ตอนเด็กดูแล้วประทับใจ แต่พอดูๆ ไป เอ๊ะมันอิหยังวะ?
– เซนกับบราซิลเลี่ยนยูยิตสู (ตอนพิเศษ) มีภูเขา เราต้องปีน
– เมื่อญี่ปุ่นต้อง “แปลงสาร” ในวิดีโอเกมเพื่อไม่ให้ “ขัดใจฝรั่ง”
– Advanced Daisenryaku: Deutsch Dengeki Sakusen เกมในดวงใจที่คงไม่มีวันเล่นจบ
– ตามหาวิชาดาบอิไอ (10) คำสอนสะเกาจิต สะกิดใจ จากวิชาดาบอิไอ
#”ฟุโดจิชินเมียวโรคุ” ฉบับสำนักพระราชวัง (0) ปูมหลังของหนังสือเล่มนี้