นั่งหลับต่อบนเครื่องบินประมาณ 2 ชั่วโมงจิ๊ดๆ ก็ถึงสนามบินนาฮา ซึ่งตั้งอยู่บนหมู่เกาะโอกินาว่า จังหวัดโอกินาว่า จังหวัดทางใต้สุดของประเทศญี่ปุ่นแล้ว… โอ้โห! ขอบอกเลยว่ารู้สึกตื่นเต้นตั้งแต่ก่อนเครื่องลงเสียอีก คือวิวทะเลมุมสูงก่อนแลนดิ้งนี่ สุโก้ยสุดๆ เลยอ่ะ
หลังจากที่ใช้เวลาเดินทาง (ด้วยตัวหนังสือ) กันมาหลายวัน… ในที่สุดก็ได้มาถึงเกาะโอกินาว่า จริงๆ กันสักที
อย่างที่เล่ามาแล้ว The 8th ได้แวะเที่ยวแอนด์ช้อปปิ้งที่ฮ่องกงก่อนเป็นเวลา 1 วัน 1 คืน พอตื่นเช้ามาก็ไปกินโจ๊ก กินติ่มซำ อร่อยๆ สมกับที่ได้มาเยือนฮ่องกง จากนั้นก็นั่งรถชิวๆ ไปสนามบิน… ที่ว่านั่งชิวๆ ก็เพราะว่า ทั้งๆ ที่เป็นวันที่ต้องเดินทาง ต้องจับเครื่องไปยังประเทศอื่น แต่ก็ไม่ต้องรีบมากมายนัก เพื่อที่จะไปเช็คอินที่สนามบิน เพราะเที่ยวบินวันนี้ไม่ได้เช้าจนเกินไป เครื่องออกราว 11 โมงกว่า จากโรงแรมไปสนามบิน ประมาณ 20 นาทีเท่านั้น ทันถมเถ
นั่งหลับต่อบนเครื่องบินประมาณ 2 ชั่วโมงจิ๊ดๆ ก็ถึงสนามบินนาฮา ซึ่งตั้งอยู่บนหมู่เกาะโอกินาว่า จังหวัดโอกินาว่า จังหวัดทางใต้สุดของประเทศญี่ปุ่นแล้ว… โอ้โห! ขอบอกเลยว่ารู้สึกตื่นเต้นตั้งแต่ก่อนเครื่องลงเสียอีก คือ The 8th มักจะชอบนั่งริมหน้าต่าง คราวนี้ก็โชคดีได้นั่งริมหน้าต่างสมใจอยาก วิวทะเลมุมสูงก่อนแลนดิ้งนี่ สุโก้ยสุดๆ เลยอ่ะ แดดก็จัด น้ำทะเลก็สีเขียวอมฟ้า แล้วก็ใสมากๆ ซะด้วย สามารถมองผ่านน้ำเห็นพื้นทรายกันเลยทีเดียว เรียกว่า Sea Sand Sun แบบเต็มๆ มีคนบอกว่า… โชคดีนะเนี่ย! เพราะวันที่ไปถึง อากาศดี ระดับน้ำก็เหมาะสม ถ้าน้ำทะเลลงจะไม่สวยเท่านี้ The 8th มักจะโชคดีกับการเดินทางไปเยือนที่ใหม่ๆ เป็นครั้งแรกเสมอ

พอเครื่องลงปุ๊บ! ก็เริ่มแอบน้อยใจเล็กๆ เพราะ International Terminal ของสนามบินโอกินาว่านั้นเล็กได้ใจมาก ขนาดกำลังเข้าคิวเตรียมผ่าน ต.ม. ก็สามารถมองเห็นรางรับกระเป๋าที่อยู่ข้างหลังเคาน์เตอร์ของกองตรวจคนเข้าเมืองได้เลย แอบเห็นกระเป๋าตัวเองเลื่อนอยู่บนสายพานระหว่างรอคิวผ่าน ต.ม. ซะด้วย ฮะ ฮะ แต่มารู้ทีหลังว่าทางสนามบินนาฮานั้นกำลังก่อสร้าง อาคาร International Terminal หลังใหม่ที่ใหญ่กว่าเดิม ซึ่งน่าจะเปิดให้บริการได้เร็วๆ นี้ ค่อยรู้สึกหายงอนแทนนักท่องเที่ยวต่างชาติคนอื่นๆ หน่อย ก็แหม… Domestic Terminal ที่อยู่ข้างๆ กัน มันใหญ่กว่าตั้งหลายเท่าตัว มีโซนช้อปปิ้งของฝากใหญ่เชียว แต่ International Terminal (ในปัจจุบัน) เล็กกระจิดริด ก้าวไม่กี่ก้าวก็หมดแล้ว ไม่มีอะไรให้ทำเลย มีแต่สิ่งจำเป็นๆ เท่านั้น แต่…ญี่ปุ่นเขาก็ขึ้นชื่อเรื่องการจัดเต็มสิ่งอำนวยความสะดวกที่ “จำเป็น” ภายในพื้นที่ที่จำกัดนะ เห็นได้จากการที่ Terminal เล็กๆ แห่งนี้ มี WiFi ฟรี ที่สัญญาณเต็มแม็กซ์ตลอดเวลาเชียวแหล่ะ
อันที่จริงก็ใช้เวลาในสนามบินแป๊บเดียว แต่แอบเม้าท์สนามบินเค้าซะเยอะเชียว ไปเที่ยวโอกินาว่ากันดีกว่า…
แต่.. จะใช้คำว่า “เที่ยว” ก็คงจะไปถูกนัก เพราะกำหนดการแรกในโอกินาว่าก็คือ “ช้อปปิ้ง” ที่ ASHIBINAA เอ้าท์เลท ชื่อเต็มๆ ของที่นี่ก็คือ ASHIBINAA Okinawa Outlet Mall
Ashibinaa>>http://www.ashibinaa.com/floor/index.html
Ashibinaa อาจจะไม่ได้ใหญ่โตเหมือนเอ้าท์เลทอย่างที่ Gotemba หรือที่ Rinku บนเกาะฮอนชู แต่พอได้ลองเดินดูแล้ว ก็เมื่อยได้ใจเหมือนกัน Shop รองเท้า กระเป๋า เสื้อผ้า หรือนาฬิกา ทั้งแบรนด์ใน (ญี่ปุ่น) และแบรนด์นอกชื่อดังมารวมตัวกันอยู่เพียบ โชคดีที่ The 8th ไม่ใช่ขาช้อป ถึงจะเดินไปเซอร์เวย์สินค้าและราคามาหลายร้าน แต่ก็เสียสะตังค์ไปน้อยกว่าเพื่อนร่วมทริปคนอื่นๆ
The 8th ได้ไปสำรวจร้าน CROC ที่มีสินค้าแบบที่ไม่มีในเมืองไทยหลายชิ้นเหมือนกัน LEVIS ก็ราคาน่ารักน่าลุ้น แอบไปเล็งเข็มขัดเส้นละ 1,000 เยนของเขาอยู่นานสองนาน สุดท้ายก็ตัดใจ เพราะของเก่ายังมีใช้อยู่ ยังไม่จำเป็นต้องใช้ COACH เป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่เพื่อนร่วมทริปสอยมา ด้วยความถูกใจในราคาเป็นที่สุด พี่เค้าเล่าให้ฟังว่าฝากคนรู้จักซื้อกระเป๋า COACH รุ่นนี้มาสักพักละ ยังไม่ได้ แถมราคามันยังโหดอีกด้วย (ถ้าจำผิด น่าจะฝากซื้อที่อเมริกา) แต่กลับได้จากที่นี่แทน ในราคาที่พี่เค้าว่าถูกสุดๆ น่าจะลดสัก 70% ได้มั้ง อีกร้านหนึ่งที่ The 8th แอบแวะไปเช็คเทรนด์ก็คือ NIXON เป็นร้าน Accessory แนวๆ หน่อย สินค้าที่ขึ้นชื่อก็เป็นพวกนาฬิกาสีสันสดใสได้ใจ เป็นแบรนด์ที่น่าสนใจทีเดียว ดีไซน์ไม่หรูหราฟู่ฟ่า แต่สีสันถูกใจวัยโจ๋ หรือคนที่ชอบของมีสไตล์แน่ๆ …เกือบได้ติดมือกลับมาเหมือนกัน เจอรุ่นเรียบๆ ตัวเรือนใหญ่ๆ หน่อย (เป็นแบบ Unisex) ในร้านมีอยู่ 3 สี คือ เทา เขียว (สีใบตองสด) และขาว (ข๊าวววว ขาว) เล็ง 2 สีหลังไว้ ราคา 16,500 เยน พอไหว.. เพราะเจ้า BabyG ที่ใส่อยู่มันถลอกปอกเปิกไปหมดละ หาตัวสำรองไว้ก็ดีเหมือนกัน แต่พอเอาออกจากตู้โชว์มาวางบนข้อมือ ก็จำใจต้องคืนพี่พนักงานขายในชุดฮิปฮ็อปไป …ตัวเรือนใหญ่เกินข้อมือเยอะไปหน่อย ไม่เหมาะกับเราอย่างยิ่ง เสียใจนะ.. เราไม่ใช่คู่กัน T-T
หลังจากใช้เวลาอยู่ที่ Ashibinaa ราวสองชั่วโมง The 8th ได้ของติดมือกลับมาเพียงชิ้นเดียว นั่นก็คือหมวกแก๊ป สีขาวเรียบสนิท ของ Adidas ราคา 800 เยน (ลด 55%) ได้เสียเงินในที่สุด.. สบายใจแล้วก็ขึ้นรถ ออกเดินทางต่อไปยังเมือง Onna เพื่อกินมื้อค่ำ และเข้าพักที่โรงแรมสไตล์รีสอร์ทในบริเวณนั้น
เกาะโอกินาว่าเป็นเกาะเล็กๆ เสน่ห์อีกอย่างหนึ่งของการเที่ยวเกาะนี้ก็คือการเดินทางจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่ง ใช้เวลาไม่นานนัก ทริปนี้เดินทางนานสุดก็คือระหว่างเมือง Naha กับเมือง Onna นี่แหล่ะ แต่ที่ว่านานแล้ว… ก็แค่ 45 นาทีเท่านั้น เม้าท์ๆ โม้ๆ ดูวิวสองข้างทางไปเรื่อยๆ แป๊บเดียวก็ถึง แทบไม่ทันรู้ตัวเลย
แวะกินมื้อค่ำแบบบุฟเฟ่ต์กันที่ โรงแรม Onna Marine View Palace มีอาหารญี่ปุ่นหลากหลายชนิดให้เลือกชิมกัน แต่ส่วนใหญ่จะมีรสชาติเข้มข้นกว่าอาหารญี่ปุ่นจากภูมิภาคอื่น ซึ่งน่าจะถูกปากคนไทย มีบางเมนูที่เป็นสไตล์โอกินาว่าด้วย อย่างเช่น สาหร่ายพวงองุ่น ของขึ้นชื่อของที่นี่
ค่ำแล้ว.. มองอะไรไม่เห็นแล้ว แต่เขาบอกว่าโรงแรมนอกเมืองนาฮาส่วนใหญ่จะเป็นสไตล์รีสอร์ท แล้วก็ตั้งอยู่ริมทะเลเกือบจะทั้งหมด อยากรู้เหมือนกันว่าวิวที่โรงแรม Onna Marine View Palace จะเป็นยังไง แต่ก็หมดสิทธิ์เห็นเสียแล้ว เนื่องจากเราไม่ได้นอนที่นี่ในคืนนี้ พอหนังท้องตึง.. เราจึงออกเดินทางกันต่อ ไม่กี่นาทีก็ถึง โรงแรม Miyuki Beach Hotel เป็นโรงแรมริมทะเลอย่างที่บอก วิวจะเป็นอย่างไรคงต้องรอถึงเช้า แต่มีห้องอาบน้ำร้อนรวมซะด้วย ต้องไปแช่แก้เหมื่อยให้หายคิดถึงออนเซนญี่ปุ่นกันหน่อยละ ^^
สัปดาห์หน้า The 8th จะไปเที่ยวที่ไหนในโอกินาว่าบ้าง แล้วจะมาเล่าให้ฟังกันต่อนะจ้ะ สำหรับวันนี้… สวัสดีจ้าาาาาา
สนับสนุนการเดินทางโดย : Maritime Travel Service
เรื่องแนะนำ :
– รีวิวเที่ยวโอกินาว่าครั้งแรก ตอนที่ 6 : ปิดทริป
– รีวิวเที่ยวโอกินาว่าครั้งแรก ตอนที่ 5 : ตะลุยเที่ยวโอกินาว่า
– รีวิวเที่ยวโอกินาว่าครั้งแรก ตอนที่ 3 : กระเป๋าเป็นเหตุ?!?
– รีวิวเที่ยวโอกินาว่าครั้งแรก ตอนที่ 2 : วันเดินทาง
– รีวิวเที่ยวโอกินาว่าครั้งแรก ตอนที่ 1 : วีซ่า Multiple ญี่ปุ่น