“ใบไม้ที่ร่วงโรยกับความรักที่จากไป”
หนึ่งในช่วงที่น่าไปเที่ยวประเทศญี่ปุ่นมากที่สุด คือ ฤดูใบไม้ร่วง เนื่องจากใบไม้จะพร้อมใจกันเปลี่ยนจากสีเขียวกลายเป็นสีส้ม แดง เหลือง และอีกหลายเฉดสี
ใบไม้เปลี่ยนสี (紅葉) เริ่มเปลี่ยนสีจากภูมิภาคฮอกไกโดช่วงเดือนกันยายน ค่อย ๆ ไล่ลงไปทางตอนใต้ของคิวชูช่วงประมาณเดือนพฤศจิกายน มีสถานที่ชมใบไม้เปลี่ยนสีที่ได้รับความนิยมเกือบทุกจังหวัด องค์ประกอบจากสถาปัตยกรรมไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นหรือที่เป็นธรรมชาติ เช่น วัด, ภูเขา ล้วนช่วยขับเสน่ห์สีสันนั้นออกมาให้โดดเด่นมากขึ้น
หากเปรียบใบไม้เปลี่ยนสีที่งดงาม ดึงดูด ทำให้หัวใจเราเต้นรัว เป็น “ความรัก” แม้เราอยากให้ใบไม้คงความงามนั้นไว้ชั่วนิรันดร์ แต่ความเป็นจริง คือ ใบไม้จะค่อย ๆ เปลี่ยนไปเป็นสีน้ำตาล สีดำ และสุดท้ายใบจะร่วงโรยหลุดจากต้น ไม่อยู่ในสภาพเดิมอีกต่อไป ความรักสำหรับบางคนก็เช่นเดียวกัน มีช่วงที่ใสสด มีความสุขล้นจนแทบจะสำลักออกมา แต่เมื่อเวลาผ่านไป ความรักมีการเปลี่ยนแปลง และจบลงอย่างโศกนาฏกรรม หลงเหลือบาดแผลไว้ให้กับคนที่ถูกทิ้ง
เมื่อฤดูหนาวมาเยือนต้นไม้ไม่มีใบเหลืออีกต่อไป ไร้ซึ่งความรู้สึกถึงการมีอยู่ของชีวิต การผิดหวังจากความรักเป็นความเจ็บปวดที่หนาวเหน็บ บางครั้งเราได้แต่นอนแน่นิ่งจมดิ่งกับความเศร้านั้น ไม่สามารถขยับตัวไปที่ใดได้ หิมะโปรยปรายลงมาทับถมให้เราจมลึกลงไป หากเราเป็นหน่อ/เมล็ดพันธุ์ของต้นไม้ที่ทนความทารุณจากฤดูหนาวเพื่อรอผลิใหม่ในฤดูใบไม้ผลิปีหน้า เรามีโอกาสที่จะมีชีวิตที่มีความสุขอีกครั้งได้
>> วิธีทนให้ไหวกับความรักที่จากไป
1. ทำใจยอมรับว่าเรื่องเลวร้ายที่ทำให้หัวใจสลายได้เกิดขึ้นจริง (acknowledge and accept)
คนที่ต้องสูญเสียสิ้งสำคัญไป ต้องเผชิญกับกระบวนการ 5 ขั้น (stage of loss- Kluber Ross) กว่าที่จะยอมรับมันได้ แต่ละขั้นใช้เวลาในการก้าวข้ามผ่านไปไม่เท่ากัน แม้จะผ่านขั้นนั้นไปได้ อาจวกกลับมาขั้นเดิมได้
สิ่งสำคัญ คือ เราต้องรู้ตัวว่าอยู่ขั้นไหน (awareness) เพื่อที่เราจะได้รับมือกับมันได้ถูก
“Denial-Anger-Bargaining-depression-acceptance”
@ Denial: ปฏิเสธที่จะรับความจริง
ไม่ว่าใครจะพูดให้ข้อมูลยังไงก็ไม่สามารถทำใจให้เชื่อได้ หลอกตัวเอง ทั้งที่ใจลึกๆก็รู้ว่ามีบางอย่างไม่เหมือนเดิม บางคนไร้ความรู้สึก (numbness) ทำทุกอย่างราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เช่น เห็นแชทแฟนคุยกับผู้หญิงคนอื่นในมือถือของแฟน เนื้อหาคุยกันเหมือนเป็นคนรัก แต่ใจเรากลับคิดว่า “สงสัยมีคนส่งผิด เข้าใจอะไรผิดไป”
สิ่งที่ต้องระวัง: การปฏิเสธความจริง ไม่รับรู้ข้อมูล ทำให้ไม่ได้ชีวิตอยู่บนข้อเท็จจริง เป็นการเสียโอกาสในการจัดการแก้ปัญหา
@ Anger: โกรธคนอื่น และ/หรือโกรธโทษตัวเอง
เมื่อรู้หรือคิดว่าตัวเองถูกทรยศ เราอาจโทษว่าเป็นความผิดของอีกฝ่าย บางคนโวยวายก้าวร้าว (aggression ) แต่บางคนเลือกที่จะประชดประชัน ดื้อเงียบ (passive aggressive) คิดแผนแก้แค้นอีกฝ่าย แต่บางคนเลือกที่จะโกรธตัวเอง
สิ่งที่ต้องระวัง: บางคนหุนหัน ใจร้อน (impulsive) ทำอะไรด้วยความโกรธ โดยไม่คิดถึงผลเสียที่จะตามมา เช่น โพสต์ประจานความเลวของอีกฝ่ายทาง social media, ไปด่าทออีกฝ่ายอย่างรุนแรงโดยไม่ฟังคำชี้แจง จนอีกฝ่ายโกรธกลับ ยิ่งทะเลาะกันมากขึ้น
@ Bargaining: หวังว่าอาจมีโอกาสได้หวนคืน
ทำใจไม่ได้ว่าถูกเท ถูกปฏิเสธ ถูกทรยศ คิดว่าอีกฝ่ายอาจเปลี่ยนใจ หรือถ้าไปง้อเขาอาจจะกลับมา
มีความหวังว่า “ทุกอย่างจะเหมือนเดิม”
สิ่งที่ต้องระวัง: บางทีการมีความหวังอาจเป็นแค่หวังลมๆแล้งๆ ไม่สามารถ move on ชีวิตต่อไปได้ เพราะยังจมกับอดีต, ไปตามง้ออีกฝ่ายจนทำให้ชีวิตเขาแย่/รำคาญ ไม่ชอบเรามากกว่าเดิม
@ Depression: เศร้าเสียใจ
รู้ว่าความรักครั้งนี้ได้จบลง ไม่มีวันที่จะเหมือนเดิม เศร้า เสียใจ ร้องไห้ ฝังจมกับอดีตทั้งที่ดีและเจ็บปวด
ไม่อยากทำอะไร ใช้ชีวิตไปวันๆ ไม่มีความสุข
กินไม่ได้ นอนไม่หลับ
ความคิดความจำแย่ การตัดสินใจไม่ดี
โทษตัวเอง มองตัวเองแย่ เป็นคนผิด
มองไม่เห็นอนาคต คิดว่ามีชีวิตอยู่ต่อไปไม่ได้
สิ่งที่ต้องระวัง: ขั้นนี้ต้องระวังว่าอาจป่วยเป็นโรคซึมเศร้าได้
@ Acceptance: ทำใจว่าเรื่องได้เกิดขึ้นจริง เกิดไปแล้ว จบไปแล้ว
เข้าใจเรื่องที่เกิดขึ้น ยอมรับว่ารักนั้นได้จบลง
สิ่งที่เป็นอยู่คือปัจจุบัน มีชีวิตอยู่ต่อไป
แม้บางครั้งจะหวนคิดถึงอดีตความรักที่เราเคยมีมัน แต่ก็ไม่เป็นไร เพราะตอนนี้เรามีชีวิตใหม่แล้ว
2. ทบทวนชีวิต ตั้งเป้าหมายในชีวิตใหม่
เดิมแผนการในชีวิตอาจมีคนรักเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญ เช่น อยากมีลูก, มีครอบครัวที่สมบูรณ์ แต่ฝันของเขาอาจไม่ได้มีเราอยู่ในนั้น เราต้องยอมรับความจริง
แม้มันเป็นเรื่องที่เจ็บปวด แต่เราต้องใช้เวลาในการก้าวผ่านมันไปให้ได้ การที่เรายังรู้สึกเจ็บปวดก็ไม่เป็นไร ให้เวลาและให้อภัยตัวเอง
เมื่อรักต้องจบไปแล้ว เราต้องหาเป้าหมายใหม่ในชีวิต โดยไม่ได้มีเขาอยู่ในนั้น แม้ไม่มีเขาแต่เรามีโอกาสที่จะมีความสุขอีกได้ เช่น เปลี่ยนไปโฟกัสที่การพัฒนาตัวเองเพื่อให้ทำงานได้ดีขึ้น
สิ่งที่ต้องระวัง คือ ถ้าตั้งเป้าที่ยากและสูงเกินไป จะทำให้ท้อใจได้ง่าย ดังนั้นควรตั้งเป้าที่ทำได้จริง แบ่งเป้าเป็นระยะสั้นและยาว พยายามหาความสุขเล็กๆน้อยๆให้ได้ระหว่างทาง
ถ้ายังตั้งเป้าไม่ได้ ไม่ต้องโทษตัวเอง เพระการตั้งเป้าถือเป็นเรื่องที่ต้องใช้พลังใจมากในระดับหนึ่ง
วันนี้เราอาจยังไม่แข็งแรงพอ แต่ไม่ได้หมายความว่าในอนาคตเราจะทำไม่ได้
อาจปรึกษาคนที่เราไว้ใจว่าจะเอายังไงกับชีวิตดี
พยายามชื่นชมตัวเอง หาข้อดีของตัวเองให้เจอ
ไม่ใช่ว่าความรักที่ทำให้ใจสลายครั้งนี้จะหมายความว่า “เรามันห่วย เรามันแย่ เค้าเลยทิ้งเราไป”
3. ฟื้นฟูสภาพจิตใจและร่างกาย
หลังจากที่เราใจสลาย ร่างกายเราก็คงแย่ไม่แพ้กัน ดังนั้นต้องพยายามดูแลตัวเองด้วย เช่น กินให้อิ่ม, นอนให้หลับ, ออกกำลังกาย
อย่าทำตัวโทรมหรือปล่อยให้ตัวเองเฉา
อย่างน้อยภายในใจเศร้าเสียใจ แต่พยายามดูแลความสะอาด แต่งตัวให้ดูดี ตัวเราเองเห็นจะได้รู้สึกดีกับตัวเองมากขึ้น
แม้ไม่มีเรี่ยวแรง แต่ต้องพยายามฝืนตัวเองไปทำกิจกรรม (behavioral activation)
หาที่ปรึกษาที่ระบาย
หาคนออกไปทำกิจกรรมด้วยกัน
ไม่ทำให้ชีวิตของตัวเองแย่ เช่น กินเหล้า, เล่นพนัน
หากสภาพจิตใจยังไม่พร้อม การมีคนใหม่เพื่อทดแทนคนเก่า อาจไม่ใช่ทางเลือกที่ดีนัก เพราะแผลเก่ายังไม่หาย ไปคบคนใหม่อาจผิดหวังอีก หรือเป็นการไม่แฟร์กับคนใหม่ที่เป็นได้แค่คนแก้เหงา
มีบางคนเคยกล่าวไว้ว่า “ไม่มีใครทดแทนใครได้หรอก”
การทำใจต้องใช้เวลาและความอดทนอย่างมาก
แต่สุดท้ายเราจะผ่านมันไปได้
เราจะเป็นหน่อของต้นไม้ที่แม้จะมีช่วงเวลาที่ต้องอดทนกับความเจ็บปวดจากความหนาว แต่สุดท้ายเราสามารถผลิหน่อขึ้นมาใหม่ในฤดูใบไม้ผลิที่กำลังจะมาถึง
ทักทายพูดคุยกับหมอแมวน้ำเล่าเรื่องได้ที่ www.facebook.com/sealpsychiatrist
เรื่องแนะนำ :
– “ผิดมั้ยที่ฉันแตกต่างจากคนส่วนใหญ่ในสังคมญี่ปุ่น”
– “คุณบนดวงจันทร์ตรงนั้นเหงามั้ย”
– “ซูโม่: ชายร่างใหญ่กับวินัยของเขา”
– “นักเรียนญี่ปุ่นเรียนออนไลน์: เครียดจนต้องสลายหายไป”
– “เรื่องสยองขวัญในฤดูร้อน: ฉันกลัวผี ทำไงดี?”
คลินิก JOY OF MINDS
ทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลรักษาปัญหาด้านสุขภาพจิตโดยเฉพาะ
https://www.facebook.com/Joyofminds/
Tel: 090-959-9304
#ใบไม้ที่ร่วงโรยกับความรักที่จากไป