“เรื่องสยองขวัญในฤดูร้อน: ฉันกลัวผี ทำไงดี?”
เรื่องผีและสิ่งลี้ลับเป็นเรื่องที่มีอยู่ในความเชื่อของทุกชนชาติ แต่ละท้องที่มีความเชื่อ/ตำนานต่างกัน อย่างชาวญี่ปุ่นเองมีช่วงเวลาที่คนส่วนใหญ่ให้ความสนใจกับเรื่องสยองขวัญในสเกลระดับชาติ คือ ช่วงฤดูร้อน (กรกฏาคม-สิงหาคม) เหตุผลมาจากหลายอย่าง เช่น
_ เดือนสิงหาคมเป็นช่วงที่มีเทศกาลโอบ้ง (お盆祭り) ที่วิญญาณผู้ล่วงลับจะกลับจากภพภูมิมายังโลกมนุษย์
เป็นช่วงระยะเวลาสั้นๆ พอครบกำหนดจะต้องกลับไป แต่ละภูมิภาคจัดงานโอบ้งไม่พร้อมกัน ส่วนใหญ่มักจัดกันวันที่ 12 -16 สิงหาคมของทุกปี เทศกาลนี้ลูกหลานจะกลับมารวมตัวกันที่บ้านเกิดเพื่อทำพิธีที่เป็นการต้อนรับและอำลาวิญญาณบรรพบุรุษ จากความเชื่อว่ามีวิญญาณจำนวนมากเดินทางไปยังที่ต่าง ๆ แม้สายตาเราจะมองไม่เห็น แต่บางคนอาจสัมผัสได้ ทำให้มีเรื่องเล่าขานเกี่ยวกับเหตุการณ์ประหลาดลี้ลับ ในสมัยก่อนจะมีการจัดแสดงละครสดที่เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับผี (บงชิไบ 盆芝居 ) ซึ่งมีความสยองพีคสุดเพราะระหว่างการแสดงอาจมีวิญญาณจริงมาร่วมแสดงด้วย!!!
_ เด็ก ๆ อยู่ในช่วงปิดเทอมฤดูร้อน มีเวลาว่างเยอะ เลยต้องหากิจกรรมตื่นเต้นวัดใจทำกัน เช่น ออกไปเล่นทดสอบความกล้าตามสุสาน/โรงเรียนตอนกลางคืน บางคนเจอของจริง บางคนเจอผีปลอมที่เพื่อนแกล้ง
_ มีประเพณีที่สืบทอดกันนานตั้งแต่โบราณ คือ “ตำนานร้อยเรื่องเล่า” (百物語) โดยให้คนมานั่งล้อมวงผลัดกันเล่าเรื่องผี/ลี้ลับให้ครบ 100 เรื่อง มักเล่นกันตอนกลางคืน
เริ่มจากปิดไฟให้มืด > จุดเทียน 100 เล่มตั้งไว้ตามตำแหน่งต่างๆ > แต่ละคนเริ่มต้นเล่าเรื่องและเมื่อจบให้เป่าเทียนดับ 1 เล่ม > เล่าจนครบ 100 เรื่อง เมื่อเป่าเทียนเล่มสุดท้ายจะมีผี/ปีศาจที่อยู่ในเรื่องเล่าปรากฏตัวออกมา!!!
ตำนานผีและเรื่องสยองขวัญของญี่ปุ่นมีเรื่องดังหลายเรื่อง หากอยากทำความรู้จักให้ครบแนะนำให้อ่านมังงะเรื่อง “นูเบมืออสูรล่าปีศาจ” ค่ะ (เป็นเรื่องเก่าช่วงยุค 90 หมอตามอ่านในนิตยสาร C-kid และซื้อฉบับรวมเล่มมาสะสม) เนื้อเรื่องสนุก ภาพผีน่ากลัว (บางตอนหมอเปิดเห็นแล้วร้องกรี๊ด)
เรื่องที่ชอบมากสุด อ่านแล้วหลอนต่อเนื่องจนมีผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน คือ กลัวการเข้าห้องน้ำไปเป็นสัปดาห์ เป็นตำนานเรื่อง “ฮานาโกะซังในห้องน้ำ” เรื่องมีอยู่ว่าถ้าเคาะประตูห้องน้ำหญิงห้องที่สามบนชั้นที่สี่หลังเลิกเรียน ให้เคาะ 3 ครั้ง แล้วว่า “คุณฮานาโกะ อยู่ข้างในหรือเปล่า” จะมีเสียงตอบว่า “อยู่จ้า” ถ้าเปิดประตูเข้าไปแล้วก็จะเห็นเด็กหญิงตัวเตี้ยนุ่งกระโปรงแดงคนหนึ่งนั่งรออยู่ในนั้น เวอร์ชั่นนูเบผีฮานาโกะหน้าตาสยองมาก บางคนถูกฮานาโกะทำร้ายจนบาดเจ็บหรือเสียชีวิตได้
สำหรับคนที่ชอบเรื่องสยองขวัญฤดูร้อนนี้น่าจะฟินขั้นสุด เพราะสื่อทุกรูปแบบจะนำเสนอเรื่องหลอนต่าง ๆ เกือบตลอดเวลา เช่น รายการที่ไปถ่ายทำสถานที่ที่ว่ากันว่ามีวิญญาณ, มีการสัมภาษณ์คนที่เคยเจอผี
แต่สำหรับคนกลัวผี ฤดูร้อนนี้เป็นช่างเป็นช่วงที่น่าหวาดกลัวเสียเหลือเกิน
การที่คนเรากลัวผีถือว่าเป็นเรื่องผิดปกติหรือไม่?
กลัวแค่ไหนถึงเรียนว่าป่วย ต้องไปรับคำปรึกษาและบำบัดรักษากับผู้เชี่ยวชาญ?
หมอจะมาไขข้อข้องใจให้ฟังกันค่ะ:))
หลายๆ คนน่าจะมีประสบการณ์ความกลัวกับบางสิ่งหรือสถานการณ์บางอย่าง เช่น กลัวที่สูง, กลัวที่แคบ, กลัวเลือด, กลัวงู, กลัวแมลง หรือกลัวผี ซึ่งถ้ามีอาการกลัวมากจนส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น กลัวที่แคบจนไม่สามารถขึ้นเครื่องบินได้เพราะรู้สึกตื่นกลัว อึดอัด มีอาการทางกายแสดงออกมา ต้องเสียโอกาสในชีวิตจากการที่ไม่สามารถโดยสารเครื่องบินได้ โรคนี้เรียกว่า “โรคกลัวแบบจำเพาะเจาะจง” (Specific Phobia) หากได้รับการบำบัดรักษา อาการจะดีขึ้นได้
== โรคกลัวแบบจำเพาะ (Specific Phobia) ==
_ ข้อมูลความชุกของโรคนี้ในปี 2018 พบว่าในคน 100 คนจะมีคนที่เป็นโรคนี้ 3-15 คนโดยชนิดความกลัวแบบจำเพาะที่พบมากที่สุด คือ โรคกลัวความสูง, โรคกลัวสัตว์ต่างๆ
_ เป็นโรคที่ทำให้ผู้ป่วยกังวลกลัวสิ่งของบางอย่างแบบจำเพาะเจาะจงหรือสถานการณ์บางอย่างเกินกว่าเหตุ ไม่สมเหตุสมผล มีอาการเป็นนานตั้งแต่ 6 เดือนขึ้นไป อาการมักเกิดขึ้นตั้งแต่ในวัยเด็กหรือวัยรุ่น
_ เมื่อเจอกับสิ่งของหรือสถานการณ์บางอย่าง หรือบางคนแค่คิดถึงจะทำให้รู้สึกกลัว กังวล ควบคุมตัวเองไม่ได้
_ มักจะมีอาการทางกายร่วมด้วย เช่น ใจสั่น หายใจถี่ วิงเวียนศรีษะ พูดติดขัด ปากแห้ง คลื่นไส้ เหงื่อออก มือเท้าสั่น ความดันโลหิตสูง หมดสติ
_ พยายามหลีกเลี่ยงที่จะไม่เจอสิ่งของหรือสถานการณ์นั้นๆ
_ อาการดังกล่าวส่งผลเสียอย่างมากต่อการใช้ชีวิตประจำวัน
>> แบ่งชนิดของความกลัวได้ 5 แบบ
1. กลัวปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ/สิ่งแวดล้อมบางอย่าง (Natural/Environment Type)
เช่น กลัวฟ้าร้องฟ้าผ่า (Astraphobia), กลัวน้ำ (Aquaphobia)
2. กลัวการบาดเจ็บ (Injury Type)
เช่น กลัวการทำฟัน (Dentophobia), กลัวการถูกฉีดยา (Trypanophobia)
3. กลัวสัตว์ต่างๆ (Animal type)
เช่น กลัวสุนัข (Cynophobia), กลัวงู (Ophidiophobia), กลัวแมลง (Entomophobia)
4. กลัวสถานการณ์บางอย่าง (Situational type)
เช่น กลัวการซักล้าง (Ablutophobia), กลัวที่แคบ (Claustrophobia), กลัวที่สูง (Acrophobia)
บางคนที่กลัวผีจะทำให้กลัวการอยู่คนเดียว/อยู่ในที่มืด อาจจัดอยู่ในกลุ่มนี้ได้
5. ชนิดอื่นๆ เช่น กลัวการกลืนสำลัก, กลัวเสียงดัง
>> สาเหตุของโรคกลัวแบบจำเพาะ
_ บางคนไม่พบสาเหตุที่แน่ชัดที่ทำให้มีอาการของโรคนี้
_ ปัจจัยที่อาจส่งผลให้เกิดโรคนี้
1. การที่ได้รับฟังข้อมูลหรือประสบกับเหตุการณ์ที่กระทบกระเทือนจิตใจที่ส่งผลให้เกิดโรคกลัวแบบจำเพาะในเวลาต่อมา เช่น ถูกสุนัขไล่กัดทำให้กลัวสุนัข, ได้ยินข่าวเรื่องเครื่องบินตกทำให้กลัวการขึ้นเครื่องบิน
2. พันธุกรรม หากมีคนในครอบครัวมีอาการของโรคกลัวเฉพาะอย่างจะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นโรคนี้มากกว่าคนทั่วไป
3. การเรียนรู้จากสิ่งแวดล้อมรอบตัว พฤติกรรมของคนใกล้ชิด, การเลี้ยงดูของผู้ปกครอง เช่น พ่อมีอาการกลัวการขึ้นลิฟต์หรือบันไดเลื่อน เมื่อลูกเห็นจะเกิดการเรียนรู้ว่าสิ่งเหล่านี้เป็นอันตราย ทำให้เด็กกลัวตาม
>> การรักษาโรคกลัวแบบจำเพาะ
_ ผู้ป่วยบางคนไม่ได้มารับการรักษาหากหลีกเลี่ยงสิ่งที่ก่อให้เกิดความรู้สึกกลัวได้และอาการป่วยไม่กระทบต่อการดำเนินชีวิตประจำวันมากนัก เช่น กลัวการขึ้นเครื่องบินตอนเดินทางไปต่างจังหวัดเลยวิธีขับรถ/นั่งรถสาธารณะแทน
_ กรณีที่ต้องได้รับการรักษา คือ สิ่งที่กลัวส่งผลต่อการใช้ชีวิตอย่างมาก หลีกเลี่ยงไม่ได้จริงๆ เช่น กลัวเครื่องบินแต่ต้องไปเรียนต่อที่อเมริกา
_ มีวิธีการรักษาหลายอย่าง ควรใช้หลายวิธีร่วมกันจะได้ผลดีกว่า
@ การทำจิตบำบัด
_ วิธีที่ได้ผลมากที่สุด คือ การทำจิตบำบัดแบบให้เผชิญกับสิ่งกลัวแบบค่อยเป็นค่อยไป ไล่จากที่กลัวน้อยไปกลัวมาก (Gradual exposure and Desensitization) ผู้ที่จะช่วยทำจิตบำบัดให้ เช่น นักจิตวิทยา, จิตแพทย์
_ ก่อนที่จะไปเผชิญกับสิ่งที่กลัวต้องฝึกทักษะในการจัดการกับอาการทางกายและอารมณ์กลัวที่จะเกิดขึ้น เช่น การผ่อนคลายความเครียด (Relaxation technique)
_ การกินยา บางครั้งที่ผู้ป่วยมีอาการกังวลอย่างมาก อาจไม่พร้อมให้ความร่วมมือในการทำจิตบำบัด อาจต้องให้ยาที่ช่วยลดความกังวลลงในระดับหนึ่งก่อน
อย่างเรื่อง “กลัวผี” แม้เราจะไม่เคยเจอผีเลยก็ตาม มีสมมุติฐานหลายอย่างที่นำมาใช้อธิบาย เช่น
_ ธรรมชาติคนเราจะกังวลกลัวในสิ่งที่ไม่สามาารถหาเหตุผลมาอธิบายได้ เพราะไม่รู้ว่าต้องจัดการรับมือกับมันอย่างไร อย่าง “ผี” ในปัจจุบันยังไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่สามารถชี้ชัดบอกได้ว่ามันคืออะไรกันแน่ เมื่อเราไม่รู้ทำให้เรายิ่งจินตนาการถึงความน่ากลัวว่าผีสามารถทำร้ายเราหรือทำให้ต้องเจอกับเรื่องไม่ดี
_ เรื่องกลัวผีเป็นเรื่องของวัฒนธรรมความเชื่อ เมื่อเด็กเห็นผู้ใหญ่/คนอื่นกลัว ทำให้เด็กเกิดความกลัวเช่นเดียวกัน
หากกลัวในระดับปกติ เช่น ไปดูหนังผีมาเลยเปิดไฟนอนในคืนนั้น แต่วันต่อมาปิดไฟนอนหลับได้, เวลาที่กลัวผีพยายามควบคุมตัวเองด้วยการสวดมนต์/ใส่เครื่องรางที่นับถือเพื่อให้อุ่นใจขึ้น ไม่สติแตก ถือว่ายังอยู่ในเกณฑ์ที่ยอมรับได้
แต่ถ้ามี “อาการกลัวผี” จนส่งผลเสียอย่างมากในการใช้ชีวิต เรียกว่าเป็น “โรคกลัวแบบจำเพาะเจาะจง” (Specific phobia) เช่น ต้องมีคนอยู่ด้วยตลอดเวลา ซึ่งในชีวิตจริงไม่สามารถทำอย่างนั้นได้, กังวล ระแวงว่าผีจะโผล่มาเมื่อไร จนมีผลต่อสมาธิและความคิดความจำ, มีอาการทางกายที่ทำให้ไม่สบายตัว
แนะนำให้พบผู้เชี่ยวชาญเพื่อที่จะวางแผนในการรักษาช่วยเหลือต่อไป
ทักทายพูดคุยกับหมอแมวน้ำเล่าเรื่องได้ที่ www.facebook.com/sealpsychiatrist
เรื่องแนะนำ :
– “เทศกาลโอบ้งระลึกถึงบรรพบุรุษ: กตัญญูแค่ไหนกำลังดีย์”
– “โตเกียวโอลิมปิก 1964: ฟื้นคืนจากความสิ้นหวังไปสู่แสงอันเจิดจ้า”
– “การตัดสินใจจัดพิธีเปิดโตเกียวโอลิมปิก: หยุดแค่นี้หรือไปต่อดี”
– “ไคเซน: ทำงานอย่างฉลาดพาชาติเจริญ”
– “สูญสิ้นความเป็นคน: รอยยิ้มที่กลบเสียงร่ำไห้”
คลินิก JOY OF MINDS
ทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลรักษาปัญหาด้านสุขภาพจิตโดยเฉพาะ
https://www.facebook.com/Joyofminds/
Tel: 090-959-9304
#เรื่องสยองขวัญในฤดูร้อน: ฉันกลัวผี ทำไงดี?