แนวเพลงแบบ Denpa Song (電波ソング) ถ้าจะเปรียบเทียบง่ายๆ ก็ให้นึกถึงเพลงประกอบอนิเมชั่นต่างๆ คำนิยามของเพลงแนวนี้คือ “ใช้เสียงแปลกๆ ใช้ทำนองแปลกๆ ใช้เนื้อหาที่อาจไม่มีสาระเลยก็ได้แต่ต้องแบ๊วไว้ก่อน”
จริงๆ แล้วกระแสเพลงญี่ปุ่นในเมืองไทยถึงจะยังเทียบกับฝั่งเกาหลีไม่ได้ แต่ก็ถือว่าเติบโตขึ้นในหมู่นักฟังเพลงพอสมควร อาจเพราะด้วยกระแสปากต่อปากหรือการเติบโตของโซเชียลมีเดียก็แล้วแต่ ตรงนี้ถือเป็นโอกาสของผู้ฟัง (หรือผู้ดู) ที่จะได้เลือกวงหรือแนวเพลงที่ตอบโจทย์ความต้องการของตนได้ดีที่สุด
ดังนั้นผมขอใช้พื้นที่ตรงนี้พูดถึงแนวเพลงของไอดอลจากย่าน Akihabara ที่กำลังมีชื่อเสียงมากขึ้นในญี่ปุ่นและไทยอย่าง Denpa Song นั่นเองครับ

แนวเพลงแบบ Denpa Song (電波ソング) ถ้าจะเปรียบเทียบง่ายๆ ก็ให้นึกถึงเพลงประกอบอนิเมชั่นต่างๆ คำนิยามของเพลงแนวนี้คือ “ใช้เสียงแปลกๆ ใช้ทำนองแปลกๆ ใช้เนื้อหาที่อาจไม่มีสาระเลยก็ได้แต่ต้องแบ๊วไว้ก่อน”
จริงๆ มันมีที่มาก่อนหน้านั้นครับ เป็นเรื่องโหดแนวฆาตรกรรมเลยด้วยซ้ำ ซึ่งเหตุผลของคนร้ายในตอนนั้นก็คือเขาบอกว่ามีพลังบางอย่าง (แกบอกว่าเป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า?) สั่งให้แกไปฆ่าคน เหตุการณ์นี้ล่ะครับทำให้คำว่า “คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (電波-เดนปะ)” กลายเป็นคำสแลงที่แปลว่าพวกที่ใช้ชีวิตอยู่แต่ในโลกจินตนาการของตนเอง เป็นพวกเพ้อฝัน ต่อมาความหมายของคำก็เบาบางลงจนไปผูกติดอยู่กับพวกที่ชอบอนิเมะตามอากิฮาบา ระแทน เรียกง่ายๆ ว่า เดนปะพูดถึงเหล่า “โอตาคุ” ที่หลุดโลกไปครับ

สำหรับบางคนแล้วเมื่อพูดถึงโอตาคุ ก็ต้องนึกถึงชายใส่แว่นหนาๆ ตัวอ้วนๆ ดูแปลกๆ จนเรียกได้ว่าเป็น Stereotype ไปแล้ว (ทั้งที่จริงๆ คนที่ไม่ได้มีรูปรอยแบบนั้นก็เห็นอยู่มากมายในสังคมนะครับ)
แต่ก็อย่างว่าคือเมื่อเหล่าโอตาคุถือเป็น target group สำคัญทางธุรกิจเพราะถือเป็นกลุ่มที่มีเม็ดเงินมหาศาลไว้คอยทุ่มให้กับสิ่ง ที่พวกเขารัก อย่างไรก็ตามเมื่อภาพลักษณ์ของโอตาตุถูกทำลายไปแล้วว่าเป็นเพียงคนกลุ่มน้อย (ที่บางคนอาจยังไม่ให้การยอมรับ) นั่นทำให้เหล่าค่ายเพลงหัวใสคิดขึ้นมาว่า “ทำไมเราไม่ทำสิ่งที่อยู่ในกลุ่มเล็กๆ ให้มัน mass ไปเลยล่ะ?” นั่นเพราะถ้าเรามีฐานแฟนๆ ในลักษณะเดียวกันเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อย่างน้อยยอดขายก็เพิ่มขึ้น หรืออย่างน้อยที่สุดมันก็สามารถกอบกู้ภาพลักษณ์ได้ว่าสิ่งเหล่านี้ไม่ได้มี เพื่อคนกลุ่มเดียวอีกต่อไป
ตัวอย่างด้านบนคือคำอธิบานเพลงแนว Denpa Song ได้ดีที่สุดครับ เพลงนี้ไม่มีอะไรเลยนอกจากทำนองแบ๊วๆ และเสียงพูดว่า “เนโกะ มิมิ โหมด” คือคนเข้ามาฟังจะไม่เข้าใจความหมายที่เค้าต้องการจะสื่อเลยแม้แต่น้อย แต่เราก็จะสัมผัสได้ถึงรังสีความบ๊องแบ๊วที่พุ่งทะยานออกมาจากหน้าจอ เป้าหมายของ Denpa Song ก็คือความรู้สึกแบบนี้ล่ะครับ
อีกตัวอย่างหนึ่งก็คือเพลง Os-Uchuujin ที่ว่าด้วยเด็กสาวแปลกๆ คนหนึ่งที่ออกมาเล่าถึงชายหนุ่มคนแรกที่สามารถเข้าใจและสื่อสารกับเธอทางโท รจิต (?) มึนงงกันเลยทีเดียว (ー ー;)

โดยปกติแล้วแนวเพลงแบบนี้ได้ชื่อว่าเติบโตใน Akihabara ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของเหล่าโอตาคุในใจกลางกรุงโตเกียวครับ ส่วนตัวแล้วผมไปที่อากิบะบ่อยมาก เรียกได้ว่าไปทุกวันถ้าผมอยู่ญี่ปุ่น ที่นั่นจะมีวงดนตรีมากมายที่เล่นเพลงแบบ Denpa Song ครับทั้งพวกที่มาแนวใสๆ หรือแนวประยุกต์ไปสาย Hardcore ก็มีเช่นกัน
การแสดงของวงเหล่านี้ จะมีหลายระดับ เริ่มจากร้านอาหารเล็กๆ ในอากิบะ (ส่วนใหญ่ก็เป็นห้องเล็กๆ จุประมาณ10กว่าโต๊ะในห้องแถวชั้นบนๆ) ถ้ามีระดับขึ้นมาหน่อยก็จะเริ่มกระจายไปตามไลฟ์เฮ้าส์ที่ใหญ่ขึ้น (พวกนี้จะอยู่รอบนอกของอากิบะตามซอยๆครับ ไม่ได้อยู่ย่าน Electric Town เหมือน AKB cafe) หรือถ้าวงไหนดังจริงๆ ก็จะไปที่ Zepp Tokyo ซึ่งจุได้ประมาณ 2,500-3,000 คน เรื่อยไปจนถึง Nippon Budokan ที่มีความจุ 20,000คน แต่ก็มีเพียงไม่กี่วงที่จะได้ไปถึงจุดนั้นครับ

วงสไตล์นี้ที่ดังที่สุดผมยกให้ Momoiro Clover Z ครับ (บอกไว้ตรงนี้ว่าศิลปินที่ทำอัลบั้มออกมาเขาไม่ได้ประกาศอย่างจริงจังนะครับ ว่าทำเพลงออกมาแนว Denpa แต่ผมถือว่าวงนี้เป็นแนวเดียวกันก็เพราะกิมมิคคาแรกเตอร์ที่ดัดแปลงมาจากอนิ เมชั่นหรือเหล่าเรนเจอร์ต่างๆพอสมควร)
Momoclo ได้รับรางวัลหลายๆรายการและได้ไปจัดแสดงมาแล้วในหลายๆ แห่งทั่วโลก (ตัวผมเองก็เก็บแผ่นอยู่บ้างเหมือนกัน ฮ่าๆ) ลองติดตามผลงานของพวกเธอดูก็ได้ครับ (อนึ่งวงนี้ไม่ได้เกิดขึ้นที่อากิบะนะครับ แต่เริ่มที่สวน Yoyogi ในฐานะ Street Performance ก่อน) นอกจากนี้พวกเธอยังได้จัดคอนเสิร์ตที่ Saitama Super Arena และขายบัตร 10,000 ใบหมดเกลี้ยงในเวลาอันรวดเร็ว!

โดยส่วนตัวผมชอบวง Dempagumi inc. มากที่สุดในสายของ Denpa ครับ พวกเธอมีสโลแกนว่า “เราจะนำความแบ๊วไปสู่โลกใบนี้!!!” เอาเป็นว่าในครั้งต่อไปผมจะมาพูดถึงวงนี้ครับ
พบกันใหม่สัปดาห์หน้าหรือทางทวิตเตอร์ @pumiiiiiiiiii ครับ
เรื่องแนะนำ :
– วงการหนังสือญี่ปุ่นเป็นอย่างไร
– อาชีพนักมวยปล้ำที่ญี่ปุ่นสามารถเลี้ยงตนเองได้หรือไม่?
– Ichigaya Memorial Clinic สังเวียนมวยปล้ำที่เล็กที่สุดในโลก
– “กรรมการมวยปล้ำ” ผู้ปิดทองหลังพระที่แท้จริง
– ความน่ารักของอามาโนะ อากิ และสิ่งที่เรียนรู้ได้จากอามะจัง