Ichigaya Memorial Clinic สังเวียนมวยปล้ำที่เล็กที่สุดในโลก….สังเวียนแห่งนี้ออกจะ contrast ไปหน่อยครับ คือชั้นล่างสุดของตึกเป็นที่ฝึกมวยปล้ำ และชั้นบนของตึกจะเป็นคลินิกผู้สูงอายุ และเป็นคลินิกทันตแพทย์ และเมื่อมองไปอีกฝั่งหนึ่งของตึกก็จะเป็นสุสานที่ต่อเนื่องยาวมาจากวัดที่อยู่ถัดไปประมาณห้าร้อยเมตร
“เป็นนักมวยปล้ำจะต้องขึ้นสู้ที่ไหนก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นท้องถนน, ชายหาด, บนเกาะหรือกระทั่งบนเขา” นี่คือคติประจำใจนักมวยปล้ำหลาย ๆ คน แต่สุดท้ายแล้วก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า นักมวยปล้ำอาชีพนั้นล้วนอยากจะขึ้นปล้ำบนสังเวียนใหญ่ ๆ ต่อหน้าคนดูหลักหมื่นหลักแสนทั้งสิ้น หลาย ๆ คนบอกว่าเขาต้องขึ้นปล้ำและเจ็บตัวขนาดนี้จะมาทำเพื่อคนดูไม่กี่คนทำไม (?) ซึ่งก็ถือเป็นอีกมุมมองหนึ่งสำหรับนักมวยปล้ำอาชีพครับ
ที่ญี่ปุ่นมีสนามดัง ๆ ที่ใช้ในการแข่งขันมวยปล้ำอาชีพมากมาย ไม่ว่าจะเป็น โคระคุเอน ฮอลล์, บุโดคัง, โตเกียว โดม, โอซาก้า ยิมเนเซี่ยม, ซูโม่ ฮอลล์ หรือกระทั่งสนามอย่าง ไซตามะ ซุปเปอร์ อารีน่า สนามเหล่านี้จุคนได้ในระดับหลายพันไปจนถึงหลายหมื่น และมีสมาคมมวยปล้ำเพียงไม่กี่สมาคมเท่านั้นที่มีโอกาสใช้สังเวียนเหล่านี้ (หากเทียบกับว่าในญี่ปุ่นนั้นมีสมาคมมวยปล้ำท้องถิ่นอยู่แทบจะทุกจังหวัด ดังนั้นสนามเหล่านี้จึงอาจจะดูไกลตัว ทั้งเรื่องเงิน และเรื่องฐานแฟน ๆ เป็นต้น)
อย่างไรก็ตามยังมีสังเวียนมวยปล้ำขนาดเล็ก ๆ (จุคนได้หลักสิบหรือหลักร้อย) อีกมากมายในโตเกียวและละแวกใกล้เคียง เช่น Isami Wrestling Arena ในไซตามะ ที่จุคนได้ประมาณ 80 คน หรือ Shin Kiba 1st Ring ที่จุคนได้ประมาณ 200-300 คน หรือใน Shinjuku Face ชินจุกุ โตเกียว ก็จุคนได้ในหลักร้อยเช่นกัน สังเวียนเหล่านี้กลายเป็นตัวเลือกของสมาคมระดับกลางหรือสมาคมทั่วไปที่ไม่ได้เงินถุงเงินถังครับ นอกจากนี้ยังจะมีบริการขนส่งเวที ให้กับสมาคมที่ต้องการจัดมวยปล้ำในโรงยิมท้องถิ่น หรือตามต่างจังหวัด ซึ่งไม่ได้เป็นฮอลล์ในการจัดอีเวนท์กีฬาโดยเฉพาะ ก็มีเช่นเดียวกัน เรียกว่าที่ไหน ๆ ก็จัดมวยปล้ำได้ครับสำหรับประเทศญี่ปุ่น
ในขณะเดียวกันทางนิตยสารมวยปล้ำรายสัปดาห์ประเทศญี่ปุ่นได้จัดทำนิตยสารพิเศษขึ้นเพื่อพูดถึงสังเวียนมวยปล้ำที่มีอยู่มากมายในญี่ปุ่น ซึ่งแต่ละที่ก็จะมีรูปแบบใกล้เคียงกัน มียอดผู้ชมที่เท่า ๆ กัน แต่สิ่งที่น่าสนใจและน่าจะนำมาแบ่งปันกันก็คือ “สนามที่เล็กที่สุด” ที่จดทะเบียนใช้งานในฐานะสถานที่จัดอีเวนท์ศิลปะการต่อสู้ ก็คือสนามที่ตั้งอยู่ใจกลางกรุงโตเกียวคือสถานี Ichigaya และตั้งอยู่ในชั้นล่างสุดของ Ichigaya Memorial Clinic นั่นเอง
สนามแห่งนี้ก็คือในภาพเลยครับ ห้องล่างสุดที่ปิดอยู่ในภาพเลย หลัก ๆ แล้วมันก็เหมือนอาคารพาณิชย์ชั้นล่างสุดที่แบ่งให้คนเช่านั่นล่ะครับ แต่เขาพลิกแพลงมาทำเป็นสนามมวยปล้ำ ซึ่งแน่นอนว่ามีขนาดที่เล็กมาก ตามสไตล์ตึกของกรุงโตเกียว ที่นี่ใช้เบาะเป็นหลักและปัจจุบันก็เป็นสังเวียนมวยปล้ำประจำของสมาคมกาโตห์ มูฟ (สมาคมของผมเองนั่นแหละ 555) และก็สมาคมอื่น ๆ เช่นสมาคม Gan Puro ค่ายย่อยของสมาคมชื่อดังอย่าง DDT ตลอดจนใช้เป็นที่สอนศิลปะการต่อสู้อย่าง MMA อีกด้วย เรียกว่าเป็นศูนย์กลางขนาดย่อม ๆ สำหรับคนที่อยู่ในใจกลางกรุงโตเกียวครับ
สนามแห่งนี้เริ่มใช้ฝึกสอนตั้งแต่ปี 2006 สำหรับนักมวยปล้ำของค่าย Ice Ribbon ในช่วงก่อตั้ง ซึ่งตอนนั้นยังไม่ได้มีชื่อเสียงหรืองบประมาณอะไร คุณเอมิ ซากุระ ประธานของไอซ์ ริบบอน ในขณะนั้น ก็เลยต้องหาที่ให้เด็ก ๆได้ฝึกซ้อม ตลอดจนจัดโชว์ให้ได้แสดงฝีมือ และก็บังเอิญมาเจอกับสถานที่แห่งนี้เข้า
จริง ๆ แล้วโลเคชั่นของสังเวียนแห่งนี้ออกจะ contrast ไปหน่อยครับ คือชั้นล่างสุดของตึกเป็นที่ฝึกมวยปล้ำ และชั้นบนของตึกจะเป็นคลินิกผู้สูงอายุ และเป็นคลินิกทันตแพทย์ และเมื่อมองไปอีกฝั่งหนึ่งของตึกก็จะเป็นสุสานที่ต่อเนื่องยาวมาจากวัดที่อยู่ถัดไปประมาณห้าร้อยเมตร อย่างไรก็ตามผมมีโอกาสได้พบเจอกับคุณหมอเจ้าของตึกหลายครั้ง ซึ่งท่านก็เป็นคนชอบมวยปล้ำ และมักจะมาชมมวยปล้ำของเราเสมอ ดังนั้นก็มีความยินดีอย่างยิ่งที่จะให้เช่าสถานที่เพื่อจัดมวยปล้ำกันต่อไปอีกนานเท่านานครับ
สนามแห่งนี้นั้นจุคนได้จริง ๆ แล้วเพียง 20 คนเท่านั้น หากวัดกันตามมาตรฐาน (คือต้องวัดจากจำนวนเก้าอี้) แต่ทางค่ายที่มาเช่าสถานที่ก็ใช้วิธีการเอาเก้าอี้แถวหลังออก เพื่อที่จะให้คนเข้ามายืนได้เยอะ ๆ แทน ส่วนเก้าอี้แถวหน้า ๆ ก็ใช้เก้าอี้ที่เตี้ยหน่อย เพื่อให้คนด้านหลังสามารถชมได้อย่างไม่ถูกบดบัง และเนื่องจากมันเป็นตึก และสามารถวางที่นั่งได้เพียงแค่ 3 มุม เขาเลยใช้วิธีการยกหน้าต่างออกซะเลย ทำให้สามารถชมได้ 4 มุมตามแบบฉบับของโชว์มวยปล้ำ (เพียงแต่มุมฝั่งหน้าต่างอาจต้องชะเง้อหน่อยเพราะมันก็จะมีตัวตึกที่บังอยู่) เฉลี่ยแล้วยอดผู้ชมสูงสุดที่สนามแห่งนี้ทำได้ ก็จะอยู่ไม่เกิน 80 คนครับ (คือถ้าจะเบียดอีกก็เบียดได้ แต่คนญี่ปุ่นโดยนิสัยแล้ว หากเขาเห็นว่ามันเต็มจริง ๆ เขาก็จะไม่เสียมารยาทเอาตัวเองเข้ามายัดเพียงเพื่อให้ได้ชม แต่ถ้าเป็นรายการใหญ่จริง ๆ มีคนดัง ๆ มาจริง ๆ ก็อาจเป็นข้อยกเว้น และในกรณีแบบนี้คนที่ถูกเบียดก็จะไม่ได้ว่าอะไร เพราะเข้าใจว่าทุกคนก็อยากดูเหมือนกัน)
อันนี้ให้เห็นในภาพรวมของสนามที่สนามนั้นก็จะมีการวาดมุมแดงมุมน้ำเงิน โดยการทาสีเสานั่นเอง (จากภาพด้านบนมุมแดงก็คือตรงที่ตากล้องยืนหัวโด่อยู่ตรงมุมขวาบนของภาพ) ตรงพื้นก็จะเป็นเบาะ ในภาพจะเป็นเบาะที่ค่อนข้างหนาหน่อย หรือจะเป็นแผ่นยางเฉย ๆ ก็ได้ และติดเทปกาวให้เรียบร้อย เพื่อป้องกันการขยับของเบาะซึ่งอาจทำให้เกิดอันตรายขณะต่อสู้
แฟนมวยปล้ำอาจจะสงสัยว่า “เด้งเชือกยังไง”… “จับเชือกยังไง?” ก็บอกเลยว่าเด้งเชือกอะไรไม่ได้หรอกครับ ก็เดินออกไปตั้งหลักแล้ววิ่งเข้ามาโจมตีแทน ส่วนการจับเชือกเวลาถูกล็อคและต้องการให้กรรมการปล่อย ก็คือการคลานออกไปจับขาคนดู หรือไปจับขอบของเวที (เบาะ) ให้ได้นั่นเอง
ทีนี้ถามว่าทำไมการปล้ำแบบนี้มันถึงประสบความสำเร็จ? ทำไมถึงมีแฟน ๆ ติดตาม ทั้งที่มันดูไม่เต็มประสิทธิภาพเหมือนการปล้ำบนเวที?
ในที่นี้แฟนมวยปล้ำในญี่ปุ่น (รวมถึงในไทยที่เคยมาชมการปล้ำมวยปล้ำบนเบาะของเรา) ก็จะพูดเหมือนกันว่าการปล้ำแบบนี้รู้สึก “ใกล้ชิด” กับนักมวยปล้ำมากกว่า เพราะแน่นอนเราชอบใครสักคนนึง เราก็อยากจะใกล้ชิด อยากจะรู้สึกเป็นเพื่อน เป็นครอบครัวเดียวกัน
สมมติการปล้ำในสนามใหญ่ ๆ มันเหมือนเราไปเพื่อความบันเทิงเฉย ๆ เราไม่ได้รู้จักนักมวยปล้ำ เราเสพความสนุกจากตัวการแข่งขันเฉย ๆ แต่ในสนามเล็ก ๆ แบบนี้ เราอยู่ห่างจากนักมวยปล้ำไม่ถึงฟุต บางทีนักมวยปล้ำก็มาเล่นกับเรา (อย่างเช่นนักมวยปล้ำต้องการเด้งเชือก ก็จะมาบอกให้คนดูรอจังหวะ “ผลัก” ตอนนักมวยปล้ำวิ่งมาหา เป็นต้น) และพอมวยปล้ำเลิกเราก็จะได้ต่อคิวถ่ายภาพร่วมกับนักมวยปล้ำ ช่วยกันซื้อของสนับสนุน หรือแฟน ๆ บางคนยังมาช่วยเก็บขยะ (หรือในอีเวนท์ใหญ่ ๆ ที่ใช้เวที แฟนมวยปล้ำหลายคนก็จะมาช่วยกันขนย้ายเวทีอีกด้วย ทั้งนี้เพื่อให้นักมวยปล้ำที่เขารักได้รีบกลับบ้านไปพักผ่อน ไม่ต้องมาเหนื่อยต่อหลังจากมอบความสุขให้แฟน ๆ ไปแล้ว ถือเป็นมิตรภาพที่เราจะไม่ได้เห็นนักในอีเวนท์ของค่ายใหญ่ ๆ ที่นักมวยปล้ำกับแฟน ๆ ค่อนข้างห่างเหินครับ)
มวยปล้ำนั้นมีหลากหลายสไตล์ และแต่ละที่ก็ย่อมมีแฟนมวยปล้ำของตนเองอยู่เสมอ ดังนั้นหากมีโอกาสก็อยากให้แฟนมวยปล้ำในไทยลองหามวยปล้ำหลากหลายรูปแบบชม เชื่อว่าจะสนุกสนานไม่แพ้มวยปล้ำในสังเวียนใหญ่ ๆ อย่างที่คุ้นเคยแน่นอนครับ
แล้วพบกันใหม่สัปดาห์หน้าครับ ^^
เรื่องแนะนำ :
– “กรรมการมวยปล้ำ” ผู้ปิดทองหลังพระที่แท้จริง
– ความน่ารักของอามาโนะ อากิ และสิ่งที่เรียนรู้ได้จากอามะจัง
– (18+) มวยปล้ำแบบ Ultra Violence เมื่อการหลั่งเลือดคือความสุขของเรา
– The เป็นนักมวยปล้ำญี่ปุ่นต้องทำอะไรบ้าง?
– ว่าด้วยเรื่องของคอสตูมนักมวยปล้ำญี่ปุ่น