การอยู่ในต่างแดน หมอดูเป็นที่พึ่งทางจิตใจที่สำคัญมาก คนจนก็หวังพึ่งโชคชะตาอีกแบบหนึ่ง คนรวยที่ประสบความสำเร็จไปแล้วก็อยากพึ่งหมอดูในอีกแบบหนึ่ง จนก็มีความทุกข์อีกแบบ รวยก็มีความทุกข์อีกแบบ
ภาพโดย : อ.วิโรจน์ สายดนตรี
อาชีพของคนไทยอีกอาชีพหนึ่งที่ผมได้เห็นในญึ่ปุ่น คือหมอดู หมอดูคนไทยที่หากินอยู่ในญี่ปุ่นมีไม่มาก แต่ประสบความสำเร็จและหาเงินได้มาก
ผมได้มีโอกาสได้รู้จักหมอดูคนไทยอยู่คนหนึ่งเป็นผู้หญิงอายุประมาณ 45 ปี มากับพี่หงษ์ พามาหาส้มเพื่อจะมาดูดวงกันเล่นๆ แต่หมอดูคนนี้น่าจะรู้จักกับพี่แกมานานมากแล้ว วันที่หมอดูมาทานข้าวและดูดวงให้ส้ม ผมก็นั่งฟังอยู่ด้วย ก็ได้ความรู้ดีครับ
หมอดูคนนี้ดูโดยใช้ไพ่ในการเสี่ยงทาย รวมกับเวลาเกิด ทำนายอดีตก่อนและก็ทำนายเรื่องอนาคต ดูกันแบบไทยๆ ล่ะครับ หลังจากดูให้ส้มเสร็จพี่หงษ์ก็ชวนผมให้ดูด้วยแต่ผมก็ปฎิเสธ อย่างที่เคยบอกแหละครับ ผมไม่ชอบการดูดวง อาจเป็นเพราะผมไม่ค่อยเชื่อ แต่ผมก็ได้มีโอกาสคุยกับหมดดูคนนั้น
เธอเล่าว่าตั้งใจมากอยู่ญี่ปุ่นเพื่อมาหางานทำเมื่อ 15 ปีที่แล้ว ในขณะนั้นเธออายุประมาณ 30 ปี เธอเริ่มต้นงานในโรงงาน แล้วก็เป็นแม่บ้าน ไม่มีเงินเก็บ เริ่มศึกษาการดูดวงแบบของญึ่ปุ่น แต่ก็ไม่สามารถหาลูกค้าได้ เนื่องจากไม่รู้จักว่าจะหาลูกค้าจากที่ไหน ก็เลยหันมาศึกษาการดูดวงแบบไทยๆ จากอินเทอร์เน็ต แล้วก็เริ่มดูดวงกับคนไทยที่รู้จักกัน ใช้เวลาแค่ไม่นานก็มีลูกค้าเยอะจากการบอกต่อ มีทั้งนักศึกษาไทย นักธุรกิจไทย นักท่องเที่ยวไทย และลูกค้าที่น่าจะทำเงินให้เธอมากที่สุด คือลูกค้าแบบพี่หงส์นี่แหละ
พี่หงษ์เป็นนกต่อตัวสำคัญ แต่ไม่ใช่การหลอกกันนะครับ เป็นการเปิดประตูธุรกิจให้กับหมอดูคนนั้น หมอดูคนนั้นถึงดูเกรงใจพี่หงษ์มาก ใครเป็นเพื่อนพี่หงส์แล้วอยากดูดวงเพื่อใช้ช่วยเป็นข้อคิดในการดำเนินชีวิต หรือแนวทางในการทำธุรกิจ หรือแม้แต่เรื่องความรัก แกก็จะนัดให้ ซึ่งค่าดูก็ไม่แพงเท่าไหร่ พี่หงส์ก็ไม่ได้อะไรนะครับ
การอยู่ในต่างแดนหมอดูเป็นที่พึ่งทางจิตใจที่สำคัญมาก คนจนก็หวังพึ่งโชคชะตาอีกแบบหนึ่ง คนรวยที่ประสบความสำเร็จไปแล้วก็อยากพึ่งหมอดูในอีกแบบหนึ่ง จนก็มีความทุกข์อีกแบบ รวยก็มีความทุกข์อีกแบบ วันนั้นผมได้คุยกับหมอดูเป็นเวลานาน แต่ผมไม่ได้ถามอะไรเลย มีแต่พี่หงษ์ถามให้ ว่าผมจะมีชีวิตแบบไหนต่อไป จะได้กลับเมืองไทยเมื่อไหร่ แต่หมอก็ไม่ได้ตอบอะไรเพราะผมไม่ได้ให้วันเดือนปีเกิด
จริงๆ แล้วผมไม่มีอารมณ์ที่จะอยากดู ไม่เชื่อไงครับ ความไม่เชื่อทำให้เรามองไม่เห็นความจำเป็นในสิ่งนั้น ที่ผมเล่าเรื่องหมอดูไทยในญี่ปุ่น เพราะว่ามันเป็นอาชีพที่น่าสนใจจริงๆ ที่ผมเห็นในการอยู่ที่ญี่ปุ่นในเวลานั้น ได้พบคนโน้นคนนี้ เดินทางไปทุกเมือง หาเงินได้เยอะ เรื่องที่ดูจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้ ก็ว่ากันไป แต่ที่แน่ๆ เป็นที่พึ่งทางใจให้กับคนไทยที่อยู่ในต่างแดนได้ดีที่สุด พอๆ กันกับการเข้าวัดเลยครับ
พี่หงษ์มาหาส้มบ่อยครับ ผมก็ติดสอยห้อยตามเขาไป ถ้าพวกเขาชวนผม ได้ไปเที่ยวในหลายๆ ที่ ไปเที่ยวกับพี่หงส์กับส้มสบายครับ มีรถมีเงิน รู้ที่กินอร่อยๆ แล้วการเที่ยวของสองคนนี้ก็จะเน้นการหาที่กินของอร่อยๆ ร้านอาหารไทยไปกินมาหมดทุกร้าน ร้านอาหารญี่ปุ่นก็มีเข้าบ้างแต่ผมจะไม่ค่อยได้ไปด้วยเพราะผมไม่ชอบทานเท่า ไหร่
พี่หงษ์เตือนผมว่าอย่าพูดเรื่องกลับเมืองไทยให้คนอื่นฟังมากนัก เพราะว่าบางทีอาจจะเป็นผลร้ายกับผมแล้วทำให้ผมลำบากในการหาช่องทางกลับ ซึ่งผมฟังแล้วก็ไม่เข้าใจ แกบอกว่าถ้าไปเจอคนไม่ดีหวังจะหาผลประโยชน์ หลอกผมว่าจะพากลับได้ แล้วถ้าผมดันไปเชื่อคนๆ นั้น ก็จะเสียเงินไปฟรี แล้วอาจะถูกจับโดยตำรวจญี่ปุ่นก็ได้
แล้วผมก็เข้าใจความหมายของแกคือถ้าพร้อมจะกลับจริงเมื่อไหร่ ตัดสินใจแล้วให้บอกแก แกจะเป็นคนจัดการให้เอง
อยู่ที่เราเชื่อใคร ผมเป็นคนดื้อเงียบครับ และเชื่อตัวเราเองเป็นหลัก ด้วยชีวิตที่ผ่านอุปสรรคมาเยอะแล้ว ทำให้ทุกอย่างไม่เชื่อใครง่ายๆ คนที่ผมเชื่อใจมากที่สุดในญี่ปุ่นคือพี่หงส์และไดน่ารวมทั้งส้มอีกคน
ได้มีโอกาสไปอีกเมืองก่อนได้กลับเมืองไทย คราวหน้าเล่าต่อนะครับ
ขอเรื่องเมืองไทยเราสักนิด ช่วงนี้การเมืองวุ่นวายน่าดู การเอาประชาชนเป็นตัวประกันเพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองอันตรายมากครับ เงื่อนไขต่างๆ ที่ถูกกำหนดขึ้น ทำให้คนไทยจะแก้ปัญหาด้วยความรุนแรงและไม่ยอมกันในทุกๆ เรื่อง
อ่านญี่ปุ่นในมุมมืดทั้งหมด คลิ๊ก >>> ญี่ปุ่นในมุมมืด