วิชายุทธ วิถีเซน by Lordofwar Nick
มาอ่าน “คัมภีร์ห้าห่วง” ของมูซาชิด้วยกันเถอะ (4) คัมภีร์แห่งปฐวี (ดิน): ยกตัวอย่างวิถีแห่งพิชัยสงครามกับช่างไม้
สวัสดีครับท่านผู้อ่านที่รัก เข้าสู่เดือนกุมภาพันธ์กันแล้วนะครับ เมื่อปลายเดือนที่ผ่านมา คุณ moto009-2 น่ะ แกชวนผมกับน้องที่ยิมไป open mat ตอนสี่โมงเย็น ที่ยิมน้องใหม่ของวัยรุ่นไฟแรง Gato Studio
เรียกว่างานนี้ใจมันต้องได้จริงๆ เพราะวันนั้นเป็นวันเสาร์ ตอนกลางวันผมกับคณะก็เรียนและซ้อมที่ยิม Pure Grappling กันจนน่วมละ ทีแรกใจไม่ค่อยสู้เท่าไหร่ แต่หลังจากกินเจลาโต้วีแกนร้าน 7 senses gelato ไปสองลูกก็มีพลังเฉยเลย (ฮา) พอบ่ายสามกลับเข้าบ้าน โยนชุดเดิมลงถังซัก เอาอีกชุดใส่กระเป๋า ขับรถไปโลด ได้เจอ พูดคุย และโรล กับ “ครูแบงค์” ก็ได้ข้อคิดที่ว่า จริงๆ ผมมีเทคนิคพื้นฐานที่ควรมีครบแล้ว เสียแต่ว่านิสัยผม “ตะบี้ตะบันจะซับมิชชั่นท่าเดียว” หนักเกินไป (แทนที่จะพลิกเปลี่ยนท่วงท่าบ้าง) (พูดอีกอย่างคือนิสัยผมดื้อดึงเกินไป) ก็คือต้องปรับ mindset ตรงนี้ ซึ่งสำหรับผมไม่ง่ายนักหรอกเพราะว่ามันหมายถึงการเปลี่ยนความเคยชินของตัวเอง แต่ก็ต้องลองดู มันต้องมีสักทางแหละ
แวะไปชม Instagram ของยิม Gato Studio ได้ที่นี่นะครับ >> https://instagram.com/gatostudio.bjj
ไม่พูดเยอะละเข้าเนื้อหาเลยละกันนะครับ (ฮา)
คำแปลข้อความต้นฉบับ
地の巻
คัมภีร์แห่งปฐวี (ดิน)
三 一 兵法の道大工にたとへたる事
สาม ยกตัวอย่างวิถีแห่งพิชัยสงครามกับช่างไม้
`大将は大工の統領として天下のかねを弁へ其国のかねを糾し其家のかねを知る事統領の道也 `大工の統領は堂塔伽藍のすみかねを覚えくうでんろうかくのさしづを知り人々をつかひ家々を取立る事 `大工の統領も武家の統領も同じ事也 `家を立るに木配りをする事 `直にして節もなく見つきのよきを表の柱とし少し節有り共直につよきをうちの柱としたとひかよわくとも節なき木の見ざまよきをば敷居 鴨居 戸 障子と夫々に遣ひ節有り共ゆがみたり共強き木をば其家の強み強みを見分て能吟味して遣ふに於ては其家久しくくづれがたし `又材木のうちにしても節多くゆがみて弱きをばあししろ共なし後には薪共なすべき也
ขุนพลนั้นเป็นเหมือนหัวหน้าหมู่ของช่างไม้ การรู้ซึ้งซึ่งไม้ฉากของใต้หล้า แสวงความจริงแท้ของไม้ฉากของแว่นแคว้นนั้น รู้ไม้ฉากของบ้านนั้น คือวิถีของหัวหน้าหมู่ หัวหน้าหมู่ของช่างไม้นั้นต้องจำได้หมายรู้ไม้ฉากของวิหารเจดีย์วัดวาอาราม รู้แบบแปลนของปราสาทราชวังหอสูงหลายชั้น ใช้งานคนหลายคน ตั้งบ้านขึ้นหลายหลัง จะหัวหน้าหมู่ของช่างไม้หรือหัวหน้าหมู่ของนักรบนั้นก็เหมือนกัน จะตั้งบ้านก็ต้องเอาไม้มาแผ่ (木配り คิคุบาริ) อันที่ตรง สภาพไม้ดูดีไม่มีตำหนิไม้เอาทำเป็นเสาข้างนอก ที่มีตำหนิเล็กน้อยแต่ดูแข็งแรงเอาทำเป็นเสาข้างใน แม้ว่าอันที่ดูอ่อนแอแต่ไม่มีตำหนิ สภาพไม้ดูดี เอาทำเป็นธรณีประตู (敷居 ชิคิอิ) ขื่อประตู (鴨居 คาโมะอิ) ประตู (โตะ 戸) ประตูบานเลื่อน (โชจิ 障子) ใช้ในการต่างๆ ไป ที่มีตำหนิ โก่งงอ แต่แข็งแรงนั้น ก็ดูจำแนกไปส่วนไหนของบ้านนั้นที่ต้องการความแข็งแรง คิดพินิจให้ดีแล้วใช้สอย บ้านนั้นจะอยู่นานพังยาก อีกทั้งในหมู่ไม้วัสดุนั้น ที่ตำหนิมากโก่งงออ่อนแอนั้น หลังจากเอาทำนั่งร้าน (อะชิชิโระ 足代 สมัยนี้เรียก อะชิบะ 足場) แล้วก็ควรเอาไปทำฟืน
`統領に於て大工を遣ふ事 `其上中下を知り或はとこまはり或は戸 障子或は敷居 鴨居 天井以下夫々に遣ひてあしきは根太をはらせ猶悪きにはくさびをけづらせ人を見分て遣へば其はか行て手際よきもの也 `果敢の行き手際よきを云ふ所 `物毎をゆるさざる事 `たいゆう知事 `気の上中下を知る事 `いさみを付ると云事 `むたいを知るといふ事 `箇様の事共統領の心持に有事也
หัวหน้าหมู่ต้อง (รู้จัก) ใช้งานช่างไม้ รู้บนกลางล่าง (แผลงเป็น ดี-ปานกลาง-เลว) ว่าให้ไปทำพื้นห้อง (โทโกะมาวาริ とこまはり=床周り) หรือประตู ประตูบานเลื่อน (โชจิ 障子) หรือธรณีประตู ขื่อประตู เพดานลงมา ต่างๆ นานา คนไหนฝีมือเลวให้ไปวางไม้รองพื้นกระดาน (根太 เนะตะ) ที่เลวยิ่งกว่าให้ไปเหลาลิ่ม หากดูจำแนกคนแล้วใช้สอยไปต่างๆ จึงจะจัดการให้งานเดินไปได้ดี การที่เรียกว่าเดินหน้ากล้าหาญจัดการให้งานเดินไปได้ดีนั้น ต้องรู้ว่า “ต้องไม่ปล่อยผ่านในทุกเรื่องราว” ต้องรู้บนกลางล่างของกำลังใจ (気 คิ) ใส่ความกล้าหาญ รู้ความไม่เป็นส่ำ สิ่งเช่นนี้เป็นสิ่งที่หัวหน้าหมู่ต้องถือไว้ในใจ
`兵法の利かくのごとし
ประโยชน์ของพิชัยสงครามนั้นก็มีดังนี้
การตีความและอภิปราย
เพื่อให้ท่านผู้อ่านเห็นภาพได้ชัดเจนขึ้น ขอเอาภาพการสร้างบ้านเรือนแบบคนญี่ปุ่นให้ดูครับ
การเอาไม้มาแผ่ (木配り คิคุบาริ)
ภาพจาก https://www.nozimoku.co.jp/
ธรณีประตู (敷居 ชิคิอิ) ขื่อประตู (鴨居 คาโมะอิ)
ภาพจาก https://shikishima-town.com/
ไม้รองพื้นกระดาน (根太 เนะตะ)
https://asai-jutaku.com/
ส่วนข้อความที่พูดถึงว่า (ขุนพล หรือหัวหน้าช่างไม้นั้น)…
ต้องรู้ว่า “ต้องไม่ปล่อยผ่านในทุกเรื่องราว” (โมโนะโกโตะ โวะ ยุรุซาซารุ โคโตะ 物毎をゆるさざる(許さずる)事)
ต้องรู้บนกลางล่างของกำลังใจ (คิ โนะ โจจูเกะ โวะ ชิรุ โคโตะ 気の上中下を知る事)
ใส่ความกล้าหาญ (อิซามิ โวะ ทสึเคะรุ いさみ(勇み)を付る)
รู้ความไม่เป็นส่ำ (มุไต むたい(無体)を知る)
อาจฟังดูเหมือนยาก เพราะผมพยายามถอดสำนวนโบราณมาแบบคำต่อคำ แต่ถ้าอ่านเอาความหมายจริงๆ แล้วก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไรเลย ก็หลักการพื้นฐานของการเป็นหัวหน้าการเป็นผู้นำนี่แหละครับ ในแง่ของการปกครองคน จูงใจลูกน้องลูกทีมให้ไปทางเดียวกัน ต้องรู้ว่าขวัญกำลังใจไพร่พลเป็นอย่างไร ต้องมีวิธีปลุกใจให้กล้าหาญรุกรบ “รู้ความไม่เป็นส่ำ” โห คำนี้กว่าจะหาคำไทยให้พอเข้ากับคำญี่ปุ่นต้นฉบับได้ ผมนี่เหงื่อตกเลย (ฮา) “ส่ำ” ในที่นี้หมายถึง เป็นหมู่เป็นเหล่า ส่วนคำว่า “มุไต” (無体) นี่แปลญี่ปุ่นเป็นญี่ปุ่นได้สองความหมายคือ มุริ (無理)ที่แปลว่า “ไม่ไหวหรอก” (มันเหลือวิสัยไป) กับ “มุโฮ” (無法) ที่แปลว่า “ไร้กฎ” ไร้ระเบียบ ลองจินตนาการภาพของทหารเลวไพร่พลที่โดนนายสั่งให้ทำเรื่องที่เหลือจะฝืน ทำเรื่องที่แบบ โอ้ยมันเป็นไปไม่ได้หรอกยังไงก็ตายเปล่า สั่งให้วิ่งเข้าไปตีโท่งๆ แบบดูก็รู้ไปกันอย่างนี้ตายหยังเขียดแน่ ไม่มีทางชนะหรอก นายก็ยังจะสั่ง ตีมันเข้าไปดิ ตีเข้าไปๆๆ อ่ะงั้นกูหนีดีกว่า คราวนี้ไพร่พลก็แตกฮือกันหมด นั่นแหละครับ สภาพอย่างนี้แหละที่เรียกว่า “มุไต” คือกองทัพไม่เป็นกองทัพ ไม่เป็นหมู่เป็นเหล่า ปกครองกันไม่อยู่ แตกกระจุยกันหมด
ฟังดูเหมือนเป็นเรื่องง่ายๆ ง่ายขนาดเด็กประถมก็น่าจะรู้ แต่อนิจจา เรื่องที่เด็กประถมยังรู้ ผู้ใหญ่หัวหงอกบางคนยังคิดไม่ได้ เราถึงได้เห็นผู้ใหญ่ตั้งแต่ครูในโรงเรียนยันผู้บริหารประเทศที่ชอบออกคำสั่งแบบบังคับกันตะพืดตะพืออย่างไม่สนใจว่าคนที่เขาต้องรับคำสั่งนั้น เขาทำตามได้ไหม เขาเดือดร้อนหรือเปล่า คนเราแรกๆ อาจยอมทำเพราะยอมจำนนต่ออำนาจ แต่ถ้าเดือดร้อนมากๆ ถึงจุดหนึ่งคนเรายังไงก็ต้องรักตัวเองมากกว่า พอคำสั่งมันเหลือฝืนมากๆ ก็กลายเป็นออกมาประท้วงต่อต้าน (มากๆ เข้าอาจกลายเป็นจลาจล) ความคิดอ่านของผู้คนก็แตกแยกกันออกไป กลายเป็นสภาพ “มุไต” ไปเหมือนกัน
…นั่นสิ แล้วทำไมเรื่องแค่นี้เป็นผู้ใหญ่ เป็นผู้บริหารประเทศ ยังคิดไม่ได้ล่ะ?
ก็เพราะคนพวกนี้ คิดทำอะไรก็เอาแต่ความคิดของตัวเองเป็นใหญ่ จนกระทั่ง “ออกห่างจากหลักการแห่งฟ้า” (เท็นริ โวะ ฮานาเรรุ 天理を離れる) ยังไงล่ะครับ?
การ “ออกห่างจากหลักการแห่งฟ้า” เป็นอย่างไร? ยกตัวอย่างง่ายสุดก็คือ ถ้าคุณไปปลูกหมู่บ้านจัดสรรโดยไม่สนว่าที่ตรงนั้นเป็นทางผ่านน้ำ (ฤดูน้ำหลาก) อยู่แล้ว คุณก็จะได้หมู่บ้านที่น้ำท่วมทุกปีไงล่ะครับ (ฮา)
คำว่า “หลักการแห่งฟ้า” นั้นอาจฟังดูอลังการเหมือนสำนวนนิยายกำลังภายใน แต่ความหมายจริงๆ ไม่ได้ซับซ้อนหรอกครับ มันก็คือ “หลักธรรมชาติ” ในตัวคนในสิ่งต่างๆ รอบตัวคนดีๆ นี่แหละ เพราะไม่ว่าจะเป็นตัวเรา ภูเขา หรือตึก ก็ล้วนอยู่ “ใต้ฟ้า” ทั้งสิ้น ถ้าอย่างในแง่สิ่งแวดล้อมก็คือเรื่องของที่ดินที่เป็นทางผ่านน้ำอย่างที่พูดไปตะกี้ ถ้าในแง่ของธรรมชาติจิตใจคน ก็อย่างนี่พูดไปแหละครับว่าคนเรานั้น “รักตัวเองเป็นที่สุด” ถึงจะใช้อำนาจ กฎหมาย ประเพณี มากดขี่บังคับแค่ไหน ถ้ามันถึงจุดที่สุดจะอั้นจริงๆ จุดที่ความรักตัวกลัวตาย (เช่นกลัวอด กลัวไม่มีจะกิน) มันมีมากกว่าความกลัวสิ่งที่ขู่เข็ญอยู่ภายนอก (เช่นกลัวปืน) มันก็จะกลายเป็นจลาจลไปได้ ฉะนั้นการควบคุมกองทัพก็ดี หรือการปกครองบ้านเมืองก็ดี ก็ต้องรู้จุดว่าจะจูงใจให้คนเดินตามทำตามได้อย่างไร จุดไหนที่ไม่ควรไปฝืนบังคับกดดันให้มากไปกว่านี้ (เพราะถ้ามากกว่านี้อาจแตกแถว คุมกันไม่อยู่ได้) นี่แหละครับ “รู้ความไม่เป็นส่ำ” ซึ่งการที่จะรู้ว่าจุดไหนจะต้องทำอย่างไรนั้น ก็ต้องมองสิ่งต่างๆ ให้เป็นภาพใหญ่ แล้ววัดดูเหลี่ยมมุมของรายละเอียดต่างๆ ว่าส่วนไหนกว้างยาวเท่าไหร่ เหมือนช่างไม้ใช้ไม้ฉาก (คาเนะ 矩 บ้างก็เรียก สุมิกะเนะ すみがね 墨金) วัดมุม วัดความยาว สร้างบ้านนั่นแล
เนื้อหาของวันนี้ก็ขอจบแต่เพียงเท่านี้ ปิดท้ายด้วยรูปชานมไทยใส่นมอัลมอนด์ (ไม่หวาน) กับไอศกรีมวีแกนรสชอกโกแลต ที่ร้านสมถะ (อีกละ) อาทิตย์หน้าว่ากันใหม่นะครับ สวัสดีครับ
เรื่องแนะนำ :
– มาอ่าน “คัมภีร์ห้าห่วง” ของมูซาชิด้วยกันเถอะ (3) คัมภีร์แห่งปฐวี (ดิน): สิ่งที่เรียกว่าวิถีแห่งพิชัยสงคราม
– มาอ่าน “คัมภีร์ห้าห่วง” ของมูซาชิด้วยกันเถอะ (2) คัมภีร์แห่งปฐวี (ดิน): บทนำ
– มาอ่าน “คัมภีร์ห้าห่วง” ของมูซาชิด้วยกันเถอะ (1) บทนำ
– ตามหาวิชาดาบอิไอ (ตอนพิเศษ) เพื่อนของผม ดาบของผม และการไล่ตามความฝันในวิชาดาบอีกครั้งของเพื่อนผมในวัย 45 ปี!!!
– Free Talk ต้อนรับปีใหม่ 2565 จากใจคน Gen X ที่โตมากับยุค JAPAN BOOM!!!
#มาอ่าน “คัมภีร์ห้าห่วง” ของมูซาชิด้วยกันเถอะ (4) คัมภีร์แห่งปฐวี (ดิน): ยกตัวอย่างวิถีแห่งพิชัยสงครามกับช่างไม้