เป็นการหักเหลี่ยมของสมาชิกยากูซ่าด้วยกัน ในการแย่งชิงอาเทียรเอาเป็นเด็กของตัวเอง เพราะเธอเป็นคนสวย ประมาณอั้ม พัชราภา บ้านเราแหละครับ ใครครอบครองเธอไว้ได้ก็เหมือนเสริมบารมีไปในตัว เดือนๆ หนึ่งเธอใช้เงินต้องมี 1 แสนถึง 2 แสนบาทไทย เป็นอย่างน้อย
ภาพโดย : อ.วิโรจน์ สายดนตรี
สุขภาพเป็นเรื่องที่ต้องระวังให้มากนะครับ อยู่ดีๆ ผมก็เจ็บขาอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน หมอตรวจร่างกายบอกว่าน่าจะเป็นกล้ามเนื้ออักเสบรุนแรง ผมกลัวว่าจะเป็นหมอนรองกระดูกทับเส้นกำลังรอดูอาการอยู่ครับช่วงนี้เข้า ออกโรงพยาบาลตลอด
ผมจะเล่าเรื่องอาเทียรให้ฟังครับ เธอเป็นผู้หญิงสวย โฉบเฉียว ทันสมัย หลงไหลในเสียงเพลง ชอบท่องราตรี ผมเจอเธอเพราะเธอเป็นเพื่อนของไดน่า เธอเป็นลูกคนมีฐานะ แต่น่าจะมีปัญหาทางบ้านค่อนข้างมากเธอเลยออกจากบ้าน มาหางานทำส่งตัวเองเรียน
ไดน่าเล่าให้ฟังว่าเจออาเทียรครั้งแรกที่สนามแข่งรถ เวลาผ่านไปก็สนิทกันขึ้นเรื่อยๆ อาเทียรอายุมากกว่าไดน่า 3-4 ปี ไดน่าเล่าต่อว่าบ้านเดิมของอาเทียรไม่ได้อยู่ที่โอซาก้า อยู่ที่โตเกียวนี่แหละ เพราะเคยมีญาติอาเทียรมาตามหา แต่อาเทียรได้สั่งไดน่าว่าถ้ามีใครมาตามหาไม่ให้บอก พ่อของอาเทียรน่าจะเสียชีวิตไปแล้ว เหลือแต่แม่ซึ่งก็ไปมีครอบครัวใหม่ ฐานะร่ำรวย มีชื่อเสียงในสังคมชั้นสูง อาเทียรไม่เคยพูดถึงแม่มากกว่านี้ ไดน่ารู้แค่นั้น
ส่วนผมรู้เรื่องส่วนตัวอาเทียรจากตอนที่ไปทำงานที่ร้านแรกที่ไปทำที่โอซาก้าที่อาเทียรพาไปฝากงานให้ เธอหนีปัญหาทางบ้านมาจากโตเกียว มาเป็นดีเจเปิดเพลงอยู่ในร้านแห่งนั้น จนสมาชิกของยากูซ่าคนหนึ่งในโอซาก้า มามีความสัมพันธ์กับเธอแล้วซื้อบ้าน ซื้อรถให้ พร้อมกับให้เงินใช้อย่างสบายมือ ยากูซ่าคนนี้คบกับอาเทียรอยู่หลายปี แต่ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น อาเทียรหนีหายไปจากโอซาก้า คงเป็นช่วงเดียวกันกับที่เธอหนีจากโอซาก้าแล้วมาใช้ชีวิตที่โตเกียว เธอมาอยู่โตเกียวเป็นช่วงเวลาเดียวกันที่มาเจอไดน่า แล้วมาเจอผม เธอก็มียากูซ่าเลี้ยงดูที่โตเกียวอีกเหมือนกัน เธอน่าจะมีเป็นคนแบบวัตถุนิยม จึงจำเป็นต้องคบหาคนมีฐานะไว้
ผมว่าน่าจะเป็นการหักเหลี่ยมของสมาชิกยากูซ่าด้วยกัน ในแย่งชิงอาเทียรเอาเป็นเด็กของตัวเอง เพราะเธอเป็นคนสวย ประมาณอั้ม พัชราภา บ้านเราแหละครับ ใครครอบครองเธอไว้ได้ก็เหมือนเสริมบารมีไปในตัว เดือนๆ หนึ่งเธอใช้เงินต้องมี 1 แสนถึง 2 แสนบาทไทย เป็นอย่างน้อย
โลกมันกลมครับ คนอย่างผมยังเดินทางมาพบเจอคนอย่างอาเทียรจนได้ วันที่ไดน่าคุยกับผมเรื่องอาทียร เธอหยิบหนังสือแฟชั่นให้ผมดู มีรูปอาเทียรถ่ายแบบโฆษณาให้กับสินค้าต่างๆ ผมก็เพิ่งเคยเห็นวันนั้น ผมไม่รู้ว่าอาเทียรคิดยังไงกับตัวผม ผมคิดว่าเธอน่าจะสงสารผม และชอบผมเพราะความบ้าบิ่นจากเหตุการณ์ที่ตีหัวคนที่มาตามหาเธอ เพราะหลังจากเหตุการณ์วันนั้น เธออยู่ข้างผมไม่ห่าง มาถึงวันนี้ก็ไม่มีอาเทียรแล้วครับ เหลือแต่ตัวผมกับไดน่ากับงานใหม่ที่กำลังจะเริ่มต้นขึ้น
อาเทียรจะมีส่วนกับการที่ช่วยเหลือกลับเมืองไทยยังไง แล้วค่อยพูดถึงเธออีกทีนะครับ
ชีวิตก็ต้องเดินต่อไป ไดน่าพาผมไปตามที่อยู่ที่นภาให้ไว้ เป็นสำนักงานมีคนทำงานอยู่ 4-5 คน นอกจากนภาก็มีคนไทยนั่งทำงานในออฟฟิส อีก 2 คน นอกนั้นเป็นคนญี่ปุ่น
2 คนไทยเป็นนักเรียนไทยที่มาเรียนต่อแล้วมาทำงานหารายได้พิเศษ นภาเป็นหุ้นส่วนกับคนญี่ปุ่นเป็นผู้หญิง เป็นบริษัททัวร์ขายแพ็คเกจสำหรับคนที่จะไปเที่ยวภูเขาฟูจี หน้าที่ของผมคือคอยประสานงานกับลูกค้าที่มาซื้อแพ็คทัวร์ โดยเฉพาะที่เป็นคนไทย คอยอธิบายรายละเอียดการใช้บริการ แล้วนภาก็ให้ผมนอนข้างบนสำนักงานนั้น คอยดูแลปิดเปิดสำนักงานให้เธอด้วย เธอถามผมว่าไดน่าเป็นใคร ผมบอกว่าเป็นเพื่อนที่รู้จักกันแล้วเคยช่วยเหลือผม เธอกลัวว่าไดน่าจะเป็นแฟนผม แล้วผมจะมาไดน่ามาแอบนอนที่สำนักงานเธอ
จากสำนักงานไปถึงบ้านไดน่าห่างกันประมาณ 50 กม. งานผ่านไปด้วยดีเป็นงานสบายๆ ได้เจอคนไทยเรื่อยๆ ได้พูดคุยภาษาไทยมากขึ้น แต่สิ่งหนึ่งที่เกิดขึ้นในจิตใจของผม คือความคิดถึงบ้าน คิดถึงมากๆ คิดถึงลูกสาว ไม่รู้ว่าจะกลับเมืองไทยได้หรือเปล่า ทุกครั้งที่ทำงานแล้วเจอนักท่องเที่ยวคนไทย จะน้ำตาไหลเกือบทุกครั้งที่เห็นพวกเขาได้เดินทางกลับประเทศ
นภาเป็นคนดีเธอไม่ค่อยพูดจากับผมมากนัก เพียงแต่บอกว่ามีปัญหาอะไรก็ให้มาคุย ผมมีวันหยุดไม่แน่นอนแล้วแต่งาน ทุกครั้งหยุดงานผมจะออกไปเดินเที่ยวในกรุงโตเกียวคนเดียว ความคิดในการต้องกลับบ้านมีมากขึ้นเรื่อยๆ ไดน่าก็แวะมาหาผมบ้าง เวลาเธอเรียกผมเธอเรียกว่าซัน ผมได้รู้จักโตเกียวมากขึ้นในช่วงนี้ เป็นเมืองที่น่าอยู่ครับ มีแต่สิ่งสวยงาม
มีคนเคยบอกว่าอยากกลับเมืองไทยก็เดินไปให้ตำรวจญี่ปุ่นจับ เดี๋ยวก็ถูกส่งตัวกลับเมืองไทยเอง แต่ผมว่ามันไม่ง่ายอย่างนั้นหรอกครับ ผมว่ามันจะติดคุกในญี่ปุ่นซะก่อน
มีผู้อ่านคนหนึ่งที่เข้ามาอ่านแล้วถามผมว่า มีความคิดเห็นยังไงเกี่ยวกับการไปอยู่ญี่ปุ่นแบบไม่ถูกต้อง อย่าเลยครับมันใช้ชีวิตยากมาก ชีวิตเปรียบเหมือนเส้นตรงเส้นหนึ่ง มีโอกาสที่จะเลี้ยวไปเลี้ยวมาได้บ้าง แต่สุดท้ายควรจะกลับมาอยู่บนเส้นตรงเส้นนั้นเหมือนเดิม ยกเว้นคนลายมือเส้นชีวิตกับเส้นหัวใจเป็นเส้นเดียวกันแบบผม มันถูกกำหนดไว้แล้ว
ขอบคุณผู้อ่านที่เข้ามาคอมเม้นท์ในคอลัมน์นี้ เจ้าของเว็บไซต์บอกผมว่า มีคนติดตามมากขึ้นเรื่อยๆ ผมต้องขอโทษ ที่ไม่ได้เข้าไปตอบคำถามใน facebook เพราะจริงๆ แล้วผมเป็นคนไม่มี facebook
ตอนต่อไปจะเล่าให้ฟังว่าการทำงานของผม ได้เจอกับอะไรบ้าง น่าสนใจครับ ตั๋วต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นตั๋วรถไฟใต้ดิน บนดิน บัตรโทรศัพท์ ที่ญี่ปุ่นยก็มีของปลอม ไม่แพ้บ้านเราครับ และพวกนี้แหละครับเป็นรายได้เสริมของผม
อ่านญี่ปุ่นในมุมมืดทั้งหมด คลิ๊ก >>> ญี่ปุ่นในมุมมืด