ร้านซูชิสายพานในญี่ปุ่น ที่เพิ่งฟื้นตัวหลังจากยอดขายลดลงเพราะโรคระบาด Covid-19 กลับต้องประสบปัญหาและได้รับความเสียหายหนักอีกครั้ง หลังจากมีกลุ่มวัยรุ่นทำพฤติกรรมแผลงๆ ที่ร้าน และอัดวิดีโอลงบนโลกโซเชียล
ร้านซูชิสายพานในญี่ปุ่น ที่เพิ่งฟื้นตัวหลังจากยอดขายลดลงเพราะโรคระบาด Covid-19 กลับต้องประสบปัญหาและได้รับความเสียหายหนักอีกครั้ง หลังจากมีกลุ่มวัยรุ่นทำพฤติกรรมแผลงๆ ที่ร้าน และอัดวิดีโอลงบนโลกโซเชียล
ก่อนหน้าที่จะเกิดโรคระบาด Covid-19 ได้มีพฤติกรรมประหลาดๆ ที่ชาวญี่ปุ่นเคยเจอในร้านซูชิสายพาน ไม่ว่าจะเป็นการวางกล้องไว้บนสายพานเพื่อแอบดูโต๊ะของลูกค้าคนอื่น หรือจงใจทิ้งปลาบนซูชิลงถังขยะ แต่อย่างไรก็ตาม พฤติกรรมเหล่านี้ดูเหมือนจะหายไปหลังเกิด Covid-19
ตอนนี้ หลังจากที่มีการผ่อนปรนสถานการณ์ Covid-19 แล้ว ปัญหาเหล่านี้ก็เริ่มกลับมา เมื่อปลายเดือนมกราคม มีวิดีโอของกลุ่มวัยรุ่นญี่ปุ่นกลุ่มนึงกลายเป็นไวรัล ซึ่งเนื้อหาในวิดีโอคือวัยรุ่นคนหนึ่งเลียสิ่งของต่างๆ บนโต๊ะที่เขานั่ง เช่น ขวดโชยุ และแก้วน้ำ (แก้วแบบบริการตนเอง) ซึ่งหลังจากเลียแก้วแล้วก็เอาแก้วกลับไปคว่ำ ซึ่งนี่ทำให้ลูกค้ารายต่อไปไม่ทราบ และอาจหยิบแก้วนั้นมาใช้ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่ร้าน Sushiro ในกิฟุ
เหตุการณ์ดังกล่าวได้ถูกเรียกว่า “Daeki Tero (การก่อการร้ายด้วยน้ำลาย)” และผู้ที่ก่อเหตุนี้ได้มอบตัวต่อเจ้าหน้าที่ พร้อมทั้งขอโทษบริษัทพร้อมกับพ่อแม่ของเขาแล้ว อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาในมุมของบริษัทที่หุ้นลดลง 5% จนถือว่าเสียหายไปกว่าหมื่นล้านเยน พวกเขาอาจไม่พอใจกับคำขอโทษง่ายๆ
ไม่เพียงแต่ร้าน Sushiro เท่านั้น แต่ร้านซูชิสายพานร้านอื่นก็ได้รับผลกระทบนี้ด้วย เนื่องจากลูกค้าทั้งหลายกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยเรื่องนี้ หลังจากวิดีโอนั้นได้ถูกเผยแพร่ลงบนโลกโซเชียลก็พบกับความเห็นมากมายที่ไปในทางเดียวกันคือ “รู้สึกไม่อยากกินซูชิสายพานอีกแล้ว”
Kura Sushi หนึ่งในร้านซูชิสายพานรายใหญ่ในญี่ปุ่นได้ประกาศว่าพวกเขาติดตั้งไมโครชิปบนถาดที่ใส่จานซูชิ นอกเหนือจากสามารถตรวจสอบระยะเวลาที่จานอยู่บนสายพานได้แล้ว ยังสามารถตรวจจับได้ว่ามีการขยับเขยื้อนโดยที่ไม่ได้หยิบไม่ทาน หรือทำพฤติกรรมแปลกๆ บนจานหรือไม่
ในอีกด้านหนึ่ง Hama Sushi ได้ยกเลิกการให้บริการแบบสายพานในเดือนมีนาคม 2020 เนื่องจากการแพร่ระบาดของ Covid-19 แต่พึ่งพาสายพานแบบส่งด่วน ที่เป็นการให้ลูกค้าสั่งอาหารจากหน้าจอ จากนั้นจานซูชิที่ลูกค้าสั่งจะส่งตรงไปยังลูกค้าแบบรวดเร็วผ่านทางสายพานแบบด่วนแทน
การที่ร้านหันมาให้บริการแบบนี้แทนสายพานปกติ นอกเหนือจากจะเป็นการป้องกันไม่ให้ผู้ที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมทำเรื่องแปลกๆ กับจานซูชิแล้ว ยังมีประโยชน์ตรงที่เชฟสามารถทำซูชิแบบสดๆ ใหม่ๆ ให้ลูกค้าได้ และลูกค้าก็ไม่ต้องรอซูชิที่อยากทานหมุนวนผ่านสายพานที่ขยับอย่างเชื่องช้าด้วย นอกจากนี้ยังช่วยให้ทางร้านคุมสต็อกสินค้าได้แม่นยำมากขึ้นอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม มีความเห็นมากมายเกี่ยวกับปัญหานี้ หากหลายๆ ร้านเปลี่ยนจากซูชิสายพานเป็นการส่งตรงถึงลูกค้า เช่น
“ถ้าซูชิของร้านซูชิสายพานไม่ได้อยู่บนสายพาน มันก็เป็นแค่ร้านซูชิธรรมดานี่ ?”
“ฉันไม่เห็นว่าการทำแบบนี้จะช่วยป้องกันคนประหลาดๆ ทำเรื่องแปลกๆ กับซอสถั่วเหลืองและถ้วยได้”
“พวกเขาจะต้องเปลี่ยนไปใช้ซอสแบบซองและถ้วยแบบแยกชิ้น แม้ว่าจะไม่ดีต่อสิ่งแวดล้อมก็ตาม”
“ตอนนี้ฉันรู้สึกดีกับการซื้อกลับไปกินที่บ้านมากกว่า”
สำหรับทางร้าน Sushiro หลังเกิดเหตุการณ์นี้ พวกเขาได้ตัดสินใจว่าจะเปลี่ยนแปลงวิธีการจัดเก็บภาชนะ เช่น ถ้วยแก้ว และเครื่องปรุงรส ให้ปลอดภัยจากเงื้อมมือของผู้ที่ชอบทำพฤติกรรมก่อกวน
เรื่องแนะนำ :
– จำนวนนักพากย์ในญี่ปุ่นสูงเป็นประวัติการณ์
– ญี่ปุ่นพัฒนา “AI กระเป๋านำทาง” ที่จะทำหน้าที่แทนสุนัขนำทางให้แก่ผู้พิการทางสายตา
– ญี่ปุ่นวางขายเบาะรองนั่งแบบ 2 in 1 เป็นได้ทั้งเบาะและชุดเดรส !
– ชาวญี่ปุ่นยังอยากใส่หน้ากากต่อไปแม้โควิดจะถูกลดระดับลงแล้วก็ตาม
– แบบสำรวจพบว่าชาวต่างชาติที่อาศัยในญี่ปุ่นรู้สึกไม่ดีกับกลิ่นปากของคนญี่ปุ่น
ที่มาและรูปภาพ :
https://soranews24.com/2023/02/02/is-it-the-end-of-japans-conveyor-belt-sushi-as-we-know-it/
https://www.excite.co.jp/news/article/Toushin_10255/
#ซูชิสายพาน