คนญี่ปุ่นกับการบริจาคโลหิต: วัฒนธรรมแห่งการให้เพื่อสังคม
ในประเทศญี่ปุ่น การบริจาคโลหิต (献血, kenketsu) ถือเป็นอีกหนึ่งรูปแบบของจิตอาสาที่ได้รับความนิยมและเป็นที่ยอมรับในสังคม แม้ญี่ปุ่นจะเป็นประเทศพัฒนาแล้วที่มีเทคโนโลยีทางการแพทย์ก้าวหน้า แต่การบริจาคโลหิตยังคงมีความจำเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะสำหรับผู้ป่วยที่ต้องการโลหิตระหว่างการผ่าตัดหรือรักษาโรคเรื้อรัง เช่น มะเร็ง และโรคโลหิตจาง บทความนี้จะพาผู้อ่านไปรู้จักกับระบบการบริจาคโลหิตในญี่ปุ่นอย่างละเอียด ครอบคลุมตั้งแต่ประเภทการบริจาค ไปจนถึงสิทธิพิเศษที่ผู้บริจาคได้รับ และความเป็นไปได้สำหรับชาวต่างชาติที่อยากมีส่วนร่วมในการช่วยเหลือชีวิตผู้อื่นครับ

ประเภทการบริจาคโลหิตในญี่ปุ่น
การบริจาคโลหิตในญี่ปุ่นแบ่งออกเป็นหลัก ๆ 3 ประเภท ได้แก่
1. การบริจาคโลหิตแบบเต็ม (Whole Blood Donation – 全血献血)
- มี 2 ปริมาณให้เลือก คือ 200 มล. และ 400 มล.
- เป็นประเภทที่ได้รับความนิยมสูงสุด เพราะใช้เวลาเพียง 15–30 นาที
- เหมาะสำหรับสถานการณ์ฉุกเฉินหรือกรณีที่ต้องการเลือดจำนวนมากในทันที
2. การบริจาคเฉพาะส่วนประกอบของเลือด (Component Donation – 成分献血)
- เช่น การบริจาคเกล็ดเลือด (Platelet Donation) หรือพลาสมา (Plasma Donation)
- ใช้เครื่องแยกส่วนประกอบเลือดแบบพิเศษ
- ใช้เวลานานกว่า (ประมาณ 60–90 นาที)
- มีความสำคัญต่อผู้ป่วยโรคมะเร็ง หรือโรคเลือด
3. การบริจาคเฉพาะพลาสมา (Plasmapheresis – 血漿成分献血)
- เหมาะสำหรับผลิตภัณฑ์ยาจากพลาสมา เช่น ยารักษาโรคฮีโมฟีเลีย
ความถี่ในการบริจาคโลหิต
ญี่ปุ่นมีกฎเกณฑ์ด้านความถี่ในการบริจาคเพื่อความปลอดภัยของผู้บริจาคเอง โดยขึ้นอยู่กับเพศและประเภทของการบริจาค ดังนี้:
ประเภทชาย
บริจาคโลหิต 400 มล. – ทุก 12 สัปดาห์
บริจาคโลหิต 200 มล. – ทุก 4 สัปดาห์
บริจาคเฉพาะส่วนประกอบ – ทุก 2 สัปดาห์ (สูงสุด 24 ครั้ง/ปี)
ประเภทหญิง
บริจาคโลหิต 400 มล. – ทุก 16 สัปดาห์
บริจาคโลหิต 200 มล. – ทุก 4 สัปดาห์
บริจาคเฉพาะส่วนประกอบ – ทุก 2 สัปดาห์ (สูงสุด 24 ครั้ง/ปี)
*หมายเหตุ: วันเวลาที่สามารถบริจาคได้จะมีการบันทึกในสมุดประวัติบริจาค (献血カード)
ข้อห้ามและคำแนะนำก่อนบริจาค
เพื่อความปลอดภัยของทั้งผู้บริจาคและผู้รับโลหิต มีข้อห้ามและข้อแนะนำที่ควรพิจารณา ได้แก่
ข้อห้ามเบื้องต้น:
- อายุไม่ถึง 16 ปี (ชาย)/18 ปี (หญิง) หรือเกิน 69 ปี
- น้ำหนักน้อยกว่า 45 กก. (สำหรับ 400 มล.)
- พักผ่อนไม่เพียงพอในคืนก่อนหน้า
- มีอาการเจ็บป่วยหรือมีไข้
- เคยรับโลหิตในต่างประเทศ (บางกรณีจะต้องประเมินตามประเทศที่เคยไป)
- เคยใช้ยาเสพติดหรือมีพฤติกรรมเสี่ยงทางเพศ
- มีรอยสักในระยะเวลาไม่ถึง 6 เดือน
คำแนะนำ:
- ควรกินอาหารและดื่มน้ำมาก่อนมาบริจาค 1-2 ชั่วโมง
- งดกิจกรรมที่ต้องใช้แรงมากหลังบริจาค
- ควรพักผ่อนอย่างน้อย 10–15 นาทีหลังบริจาค
ชาวต่างชาติสามารถบริจาคโลหิตได้หรือไม่
คำตอบคือ สามารถบริจาคได้ ภายใต้เงื่อนไขบางประการ
ผู้ที่ไม่ใช่พลเมืองญี่ปุ่น เช่น นักเรียนต่างชาติ พนักงานต่างชาติ หรือผู้มีถิ่นพำนักระยะยาว สามารถบริจาคโลหิตได้ หากมีสุขภาพดีและสามารถสื่อสารภาษาญี่ปุ่นได้ในระดับหนึ่ง เพื่อให้เข้าใจคำแนะนำและขั้นตอนต่าง ๆ ได้อย่างถูกต้อง หากผู้บริจาคไม่สามารถพูดญี่ปุ่นได้ ควรมีล่ามหรือเพื่อนช่วยแปลในระหว่างขั้นตอนการประเมินก่อนบริจาค
สิทธิพิเศษและรางวัลสำหรับผู้บริจาคโลหิต
หนึ่งในสิ่งที่ทำให้ระบบบริจาคโลหิตในญี่ปุ่นโดดเด่น คือการให้รางวัลเชิงสัญลักษณ์แก่ผู้บริจาค โดยเฉพาะผู้ที่บริจาคเป็นประจำ
สิ่งที่ได้รับ:
- สมุดประวัติการบริจาค (献血カード) บันทึกทุกครั้งที่บริจาค
- ของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่น น้ำผลไม้ ขนม หน้ากากอนามัย หรือของที่ระลึกจากองค์กรกาชาด
- เหรียญรางวัล สำหรับผู้ที่บริจาคถึงเกณฑ์ เช่น 10, 30, 50 หรือ 100 ครั้ง
- ประกาศนียบัตร แสดงความขอบคุณจากสภากาชาดญี่ปุ่น
- บางจังหวัดให้ส่วนลดหรือสิทธิพิเศษ เช่น ส่วนลดค่าเข้าชมสถานที่ต่าง ๆ หรือคูปองแลกของขวัญ เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม ของรางวัลเหล่านี้ไม่ใช่ “แรงจูงใจหลัก” เพราะวัฒนธรรมการบริจาคของคนญี่ปุ่นตั้งอยู่บนพื้นฐานของจิตสาธารณะมากกว่า
สัดส่วนผู้บริจาคโลหิตต่อประชากรในญี่ปุ่น
แม้จะเป็นประเทศที่มีความเจริญก้าวหน้าด้านสาธารณสุข ญี่ปุ่นยังคงเผชิญกับปัญหาผู้บริจาคโลหิตลดลงต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มคนวัยทำงานและวัยหนุ่มสาว
- ข้อมูลจากสภากาชาดญี่ปุ่น (日本赤十字社) ระบุว่า ประมาณ 4% ของประชากร เป็นผู้บริจาคโลหิตเป็นประจำ
- เป้าหมายของภาครัฐคือต้องการให้ประชากรอย่างน้อย 5-6% เข้าร่วม
- ปัญหาคือ โครงสร้างประชากรสูงอายุ ทำให้กลุ่มผู้บริจาคที่มีอายุต่ำกว่า 40 ปีลดลงเรื่อย ๆ
ด้วยเหตุนี้ ญี่ปุ่นจึงพยายามรณรงค์ในหมู่นักเรียน มหาวิทยาลัย และที่ทำงาน รวมถึงมี “รถเคลื่อนที่บริจาคโลหิต” (献血バス) ไปตามย่านธุรกิจและมหาวิทยาลัย
การบริจาคโลหิตในญี่ปุ่นไม่ใช่เพียงกิจกรรมทางการแพทย์ แต่เป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมการให้ ที่ฝังแน่นในสังคมญี่ปุ่น คนญี่ปุ่นจำนวนมากมองการบริจาคโลหิตว่าเป็นหน้าที่ของพลเมือง และแสดงความรับผิดชอบต่อสังคม แม้จะไม่มีค่าตอบแทนเป็นเงิน แต่สิ่งที่พวกเขาได้รับคือความภูมิใจและการช่วยเหลือชีวิตผู้อื่น

สำหรับผู้ที่พำนักอยู่ในญี่ปุ่น ไม่ว่าจะเป็นชาวญี่ปุ่นหรือชาวต่างชาติ การบริจาคโลหิตคือโอกาสในการเป็นส่วนหนึ่งของสังคมที่มีน้ำใจ และร่วมสร้างวัฒนธรรมแห่งการให้ที่ยั่งยืนครับ
หากชาวไทยในญี่ปุ่นสนใจบริจาคโลหิตในญี่ปุ่น สามารถค้นหาศูนย์บริจาคได้จากเว็บไซต์ของสภากาชาดญี่ปุ่น https://www.jrc.or.jp/donation/ หรือค้นหาคำว่า “献血ルーム” + ชื่อเมืองใน Google ก็ได้เช่นกันครับ
เรื่องแนะนำ :
– โตเกียวกำลังขาดแคลนผู้บริจาคโลหิตจำนวนมาก
– ญี่ปุ่นเครียด ปีนี้พบปัญหาคนบริจาคเลือดไม่เพียงพอ
– ญี่ปุ่นรับบริจาคอุจจาระแลกกับเงิน 5,000 เยน
– บริจาคเงินให้วัดหรือศาลเจ้าในญี่ปุ่น… แล้วเงินนั้นไปไหน
– ญี่ปุ่นเร่งให้ความสำคัญกับการบริจาคนมแม่แม้ต้องเจอกับอุปสรรค
ที่มาและรูปภาพ :
https://www.jrc.or.jp/english/activity/blood/
https://ajet.net/resources/
https://www.tauns.co.jp/en/sustainability/community/
#คนญี่ปุ่นกับการบริจาคโลหิต: วัฒนธรรมแห่งการให้เพื่อสังคม



