วิชายุทธ วิถีเซน by Lordofwar Nick
ขึ้นต้นเป็นลำไม้ไผ่ เรียนๆ ไอคิโดไป ดันผ่าไปเรียน BJJ ได้ยังไงหว่า?!
สวัสดีครับท่านผู้อ่าน วันนี้ผมจะขอเล่าเรื่องเกี่ยวกับประสบการณ์ส่วนตัวในวิชาไอคิโดของผมกันนะครับ ซึ่งเรื่องนี้ขอออกตัวว่าจะลากยาวข้ามกาลเวลากันนิดนึงตั้งแต่ปี 2005 จนถึงปี 2021 กันทีเดียว (ว้าว)
เรามาเริ่มต้นกันที่ปี 2005 ก่อนนะครับ
หลังจากที่ผมสอบได้โชะดันในวิชาดาบอิไอไปแล้วเมื่อปี 2005 ผมก็เริ่มคิดเรื่องการหาเรียนวิชามือเปล่าที่จะเอามาเสริมกับวิชาดาบได้ ทีนี้เพื่อนผมคนดีคนเดิมคือ “เฮียก๊อบ” ก็แนะนำว่า ถ้าจะเรียนวิชามือเปล่าเพื่อเป็นตัวเสริมวิชาดาบ ดีที่สุดคือเรียนไอคิโด เพราะไอคิโดเป็นวิชาที่เน้นการใช้มือคว้าจับ การควบคุมข้อมือของอีกฝ่าย แล้วพอดีเหมือนผมจะเคยอ่านเจอเกี่ยวเรื่องของวิชาดาบขั้นสูง ที่มีกระบวนท่าสกัดกั้นการเข้ามาคว้าข้อมือด้วย ก็เลยสนใจเรียนไอคิโดขึ้นมา
ทีแรกไปเรียนกับชมรมที่มหาลัยฯ แต่ว่าไปๆ มาๆ ไม่เวิร์ค เพราะออกแนวนักศึกษาสอนนักศึกษาด้วยกันเอง เลยลองไปเรียนกับสำนักที่บูโดคังของอำเภอโทโยานากะ แล้วก็ประสบอุบัติเหตุคือตอนโดนทุ่มแล้วล้มลงแบบ เอาหัวเข่าปักลงพื้นทำมุมฉาก ก็ร้องจ๊ากไปสิครับ
หลังจากนั้นก็ลองไปเรียนที่ชมรมอีกที่นึง ที่เขามาอาศัยพื้นที่ของบูโดกันอำเภอมิโน่เป็นที่สอน ซึ่งก็เป็นไอคิโดสำนักอินดี้ คือต้องอธิบายให้เข้าใจอย่างหนึ่งว่า ไอคิโดในญี่ปุ่นนั้น ตามความเข้าใจของผู้เขียน แบ่งสายออกได้เป็น 3 สาย
หนึ่งคือ สำนักสาขาของไอคิไค 合気会
สองคือ สำนักสาขาของสำนักโยชินคัง 養神館 (ซึ่งมีประวัติที่แบบว่า มันถูกตั้งขึ้นมาโดยอาจารย์ชิโอดะ โกโซ 塩田剛三 อดีตยูโดสายดำผู้ที่เคยเห็นคนกำลังฝึกไอคิโดแล้วไปพูดดูถูก ก่อนจะถูกปรมาจารย์อุเอชิบะ “สั่งสอน” จนยอมกราบอาจารย์เข้าสำนักเรียนไอคิโด แต่พอตัวเองได้คุณวุฒิสิบดั้ง ก็แยกวงออกมาตั้งสำนักโยชินคังตามแนวทางตัวเอง ซึ่งถูกจัดว่าเป็นไอคิโดสายฮาร์ดคอร์)
สามคือ สำนักอิสระที่ศิษย์ไอคิไคออกมาตั้งสำนักเอง (สำนักอินดี้)
ผมเองก็เรียนไอคิโดแบบเรียนไปเรื่อยๆ ไม่ได้มีโอกาสสอบสายอะไร สิ่งที่ผมชอบตอนนั้นก็คือการได้เห็นการฝึกทักษะการโดนโยนลงพื้นแล้วต้องกลิ้งตัวเอง เซฟตัวเอง อันนี้คือสิ่งที่ผมชอบที่สุดละในไอคิโด (และท่าพื้นๆ อย่างการม้วนหน้าม้วนหลัง การเดินเข่า (ชิกโก้ 膝行) นี่แหละที่ผมเอาตรงนี้มาใช้ต่อในการเรียนบีเจเจในอีกสิบกว่าปีให้หลัง) แต่ตอนนั้นจำได้ว่าตอนสัมมนามีคนมาเล่นเยอะๆ ผมโดนคนแถวนั้นทำ “โคเทกาเอชิ” 小手返し ไปหลายที โคตรเจ็บ ผ่านไปหลายปีผมจึงได้ท่านี้มาเป็นของตัวเองบ้าง
หลังจากกลับมาเมืองไทยผ่านไปสักสามสี่ปี ผมถึงเริ่มคิดจะหาที่เรียนไอคิโดต่อ ทีแรกไปเรียนที่ไทย-ญี่ปุ่นดินแดง แต่ดูจะไปได้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เพื่อนคนเดิมก็เลยแนะนำว่าให้ไปเรียนกับ “ครูตุ่น” (พ.อ.หญิงกนกวรรณ ศรีไชยะ) แห่ง “สำนักอรรถยุทธ์” ซึ่งมีความเป็น self-defense มากกว่าที่จะเป็นไอคิโดเพียวๆ ซึ่งพอไปเรียนแล้วก็ถูกจริตผมมาก เพราะการเรียนมีเรื่องของการคอนดิชั่นนิ่ง การปรับสมรรถนะร่างกายในระดับหนึ่ง (เช่นต้องกระโดดข้ามสิ่งกีดขวางสูงๆ ได้) รวมถึงการเรียนเทคนิคจากวิชาต่อสู้ต่างๆ เช่นฝึกการปัดหมัด ฝึกการแก้การถูกล๊อคคอจากข้างหลัง (ท่าที่เข้าใจง่ายสุดคือจับแขนมันง้างแล้วคล้องแขนทุ่มพาดหลัง) ผมเรียนกับครูตุ่นโดนครูตุ่นทำโคเอกาเอชิจนไปๆ มาๆ ก็กลายเป็นฝ่ายทำได้จนได้ (พวกวิชาสายอ่อนนี่ ถ้าอยากทำท่าไหนได้ ให้โดนอีกฝ่ายทำเอาบ่อยๆ แล้วท่านั้นจะติดตัวท่านไปเอง)
อันที่จริงตอนผมเรียนสำนักอรรถยุทธ์นั่นแหละ ที่ผมได้รู้จักกับวิชา “บราซิลเลียนยูยิตสู” (บีเจเจ) เป็นครั้งแรก และ ณ ตอนนั้นก็ไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าตัวเองจะต้องมาเรียนบีเจเจในอีกหลายปีต่อมา!!!
คือตอนนั้นครูตุ่นจัดเวิร์คชอปโดยเชิญวิทยากรคือครูฝึกบราซิลเลียนยูยิตสูมาสอนการเทคดาวน์และขึ้นคร่อม แต่ผมตอนนั้นก็ยังไม่ได้ประทับใจหรือว่าว้าวกับวิชาสายปล้ำหรือพวกท่านอนเท่าไหร่
แต่จะว่าไป การเรียนกับสำนักอรรถยุทธ์นั้นมีสิ่งที่ผมชอบเป็นพิเศษก็คือว่า ที่นั่นนะตอนนั้นเหมือนเป็นที่รวมของคนที่เขาเรียนวิชาอื่นๆ มาก่อนแล้วแล้วเขาค่อยมาเรียนไอคิโดต่อยอด ก็มีคนที่มีแบ็กกราวนด์ต่างๆ กันทั้งมวยไทย เทควันโด พี่ๆ น้องๆ เวลาเล่นกันบนเบาะ ก็มีความสนุกสนานเป็นกันเองดีมาก จับรวบหลังกระโดดทับกันก็มีนะครับ (ฮา) ด้วยความที่สำนักอรรถยุทธ์ไม่ใช่สำนักไอคิโดแบบดั้งเดิมที่ค่อนข้างจะเคร่งครัดเรื่องมารยาทมาก บรรยากาศก็มีความสบายๆ ปีใหม่ทีก็ปาร์ตี้นั่งตั้งหม้อสุกี้กินกันเฮฮา
หามาให้ท่านผู้อ่านดูครับว่าแนวทางการเรียนก็จะแนวๆ นี้
แต่ด้วยความที่ผมได้เรียนแค่เสาร์อาทิตย์ หรือแค่อาทิตย์วันเดียว เรียนๆ หยุดๆ ด้วยเหตุผลหลายๆ อย่างเกี่ยวกับเรื่องของหน้าที่การงาน เลยกลายเป็นว่าเรียนไปเรียนมาได้ถึงแค่สายส้มสองแค่นั้นเอง บางคนตอนผมส้มหนึ่งเขาได้สายเขียวสองแล้ว พอผมหยุดไปมาเรียนใหม่ผมสองสองเขาได้สายดำไปแล้วก็มี
แต่พอผมต้องย้ายบ้านไปอยู่เชียงใหม่แบบถาวร ก็เลยไม่ได้เรียนกับครูตุ่นอีกละ ในทีแรกผมซึ่งต้องการลดน้ำหนักและปรับสภาพร่างกายอย่างแรง (เพราะอ้วนมาก หนักเกินร้อย) ก็ไปหาเรียนไอคิโดที่เชียงใหม่ แต่ด้วยความที่ชั่วโมงเรียนมีน้อยได้เรียนแค่วันเสาร์สัปดาห์ละครั้ง ผมเลยลองมองหาอะไรใหม่ๆ เรียน แล้วก็มาเจอกับบราซิลเลี่ยนยูยิสสู ซึ่งตอบโจทย์มากกว่าในเรื่องการฝึกเพื่อฟิตเนส (เบิร์นไขมัน ลดความอ้วน สร้างกล้ามเนื้อ) ไปๆ มาๆ พอถึงจุดหนึ่งเลยเลิกเรียนไอคิโด แล้วหันมาฝึกบราซิลเลี่ยนยูยิสสูแบบเต็มตัวแทน
การที่ผมได้พบกับบราซิลเลียนยูยิตสูคราวนี้ก็มีสตอรี่ราวกับหนังกำลังภายใน คือจริงๆ ที่ยิมที่ผมไปทีแรกเขาโฆษณาว่ามียูโด ผมทีแรกว่าจะเรียนยูโด พอไปถามจริงๆ เขาบอกว่าไม่มีอาจารย์ประจำมีแค่คนนัดกันมาฝึกเป็นกลุ่มเล็กๆ แต่ดันเจอฝรั่งตัวใหญ่ผู้มีรังสีอำมหิตสุดจะ โว้ว พอดีตอนนั้นเป็นชั่วโมง open mat เลยขอลงเบาะหน่อย ผมคือผมกลายเป็นไอ้โง่บนเบาะไปเลย เลยขอกราบฝรั่งผู้นั้นเป็นอาจารย์บอกว่า ต่อไปนี้จะมาเรียนบราซิลเลียนยูยิตสูนะครับ
ผมเองเรียนๆ หยุดๆ ไปตามเรื่องจากความที่เรื่องการงานยังไม่ลงตัวได้พักหนึ่ง พอมารู้อีกทีว่าอาจารย์ที่ยิมเดิม (แต่คนละคนกับคนที่ผมพบกันครั้งแรกนะ แต่คนที่กล่าวถึงนี้ก็เคยเรียนด้วยกันอยู่) เขาออกมาตั้งยิมใหม่ (คือยิมที่ผมฝึกอยู่ปัจจุบันมาได้นี่ก็ปีที่สามละ) ก็เลยตามมาเรียน พอตั้งแต่ปี พ.ศ. 2562 เลยตั้งใจจะจริงจังกับบราซิลเลียนยูยิตสูละ ก็เลยตัดสินใจเลิกเรียนไอคิโดแล้วก็มาเล่นบราซิลเลียนยูยิตสูเป็นหลักแทน (ตอนหลังมาๆ นี้เรียนบ็อกซิ่งเป็นตัวเสริมบ้างแต่ถ้าดูจากเวลาที่ให้ในแต่ละสัปดาห์ก็ถือว่าเรียนบีเจเจเป็นหลักไปแล้ว)
ผมเล่นแบบจริงจัง (หมายถึงเล่นทุกสัปดาห์ และเพิ่มความถี่จากสัปดาห์ละสอง แล้วจนตอนนี้กลายเป็นสามถึงสี่ครั้งต่อสัปดาห์) ได้อะไรหลายอย่างมากครับ เช่นน้ำหนักลดเหลือราว 85-86 กิโล และก็ผ่านอะไรหลายอย่างเช่นกัน เช่น หวิดเป็น “หูกระหล่ำ” ผ่าตัดตาทำ PRK ต้องหยุดซ้อมไปเพราะล๊อกดาวน์โควิด ไปลงแข่งสยามคัพ 2020 บลาๆ ตอนนี้ขาวสามแถบแล้วครับ เป้าหมายปีนี้สายน้ำเงินภายในสิ้นปีครับ เป้าหมายระยะยาวได้สายดำก่อนเกษียณ (ฮา) มาฝึกอะไรแบบนี้ตอนอายุขึ้นเลขสี่มันก็ไม่ง่ายนะครับชีวิตแต่ก็ต้องสู้ไปครับ
เอาไว้เดี๋ยวมีแพลนจะเขียนเรื่องปรัชญาเซ็นจากในหนังสือ The Zen Way to the Martial Arts ฉบับบรรยายแทรกปรัชญาชีวิตที่ได้จากบราซิลเลียนยูยิตสูลงเป็นตอนๆ นะครับ ฝากติดตามกันด้วยนะครับ ฉบับหน้า ขอตัดกลับไปเรื่องชีวิตนักเรียนญี่ปุ่นต่อนะครับ เดี๋ยวพาขึ้นดอยไปไหว้พระที่วัดนะครับ (ฮา)
เรื่องแนะนำ :
– เมื่อผมได้พบกับอาจารย์ดี คำภีร์ล้ำเลิศ (?) วิชาหมัด “เซ็นปูเค็น” 旋風拳 ในสวนสาธารณะ
– ตามหาวิชาดาบอิไอ (4) เมื่อผมต้องสอบเลื่อนสาย
– ใบไม้เปลี่ยนสี ที่น้ำตกมิโน่
– จากไทเซน เดชิมารุ ถึงบากิ: ว่าด้วยปรัชญาชีวิตเรื่องชัยชนะและความพ่ายแพ้
– บทความสาระ วิชาการ (ตรงไหน?) : ว่าด้วย “อาหารจีน” ในญี่ปุ่น
#ขึ้นต้นเป็นลำไม้ไผ่ เรียนๆ ไอคิโดไป ดันผ่าไปเรียน BJJ ได้ยังไงหว่า?!