ชวนอ่าน : คดีชุลมุนักสืบเครื่องดูดฝุ่น นิยายสืบสวนอ่านเพลินที่ตัวเอกของเรื่องกลายเป็นเครื่องดูดฝุ่น
ถ้าวันหนึ่งคุณตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าร่างกายที่เคยขยับได้ดังใจนึก พูดคุยสื่อสารได้ตามปกติ กลายเป็นเครื่องดูดฝุ่นรุ่นใหม่ที่รูปร่างเหมือนจานบิน เป็นคุณจะทำอย่างไร?
หนังสือที่เรานำมาแนะนำในวันนี้เป็นหนังสือที่ชื่อว่า คดีชุลมุนักสืบเครื่องดูดฝุ่น นิยายสืบสวนผลงานการเขียนของโซเอดะ ชิน นักเขียนชาวฮอกไกโด ที่มีผลงานหนังสือแนวสืบสวนออกมาแล้วหลายเล่ม และหนึ่งในนั้นก็คือหนังสือเล่มนี้ซึ่งเป็นเล่มที่ได้รับรางวัล Agatha Christie Award ปี 2020
“เช้าวันหนึ่ง เมื่อลืมตาตื่นจากความฝันอันชวนว้าวุ่น ซุซุกิ เซตะ
รู้สึกว่าตัวเองกลายเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็กไปเสียแล้ว”
คดีชุลมุนักสืบเครื่องดูดฝุ่น เป็นเรื่องราวของตำรวจหนึ่งที่เผอิญประสบอุบัติเหตุและฟื้นขึ้นมาพบว่าตัวเองอยู่ในร่างเครื่องดูดฝุ่น แค่เกริ่นเรื่องเรื่องขึ้นมาก็น่าสนใจแล้วใช่มั้ยคะ เพราะพล็อตของหนังสือเล่มนี้ถือว่าแปลกใหม่พอสมควร ทำให้ชวนคิดไปว่า แล้วเรื่องราวมันจะเป็นยังไงต่อไป การเป็นเครื่องดูดฝุ่นจะสามารถทำอะไรได้บ้าง
ก่อนอื่นต้องบอกเลยว่า พอพล็อตของหนังสือมันเป็นแบบนี้ ทำให้เราอาจจะต้องตัดประเด็นเรื่องความสมจริงหรือความสมเหตุสมผลออกไปบ้าง แม้จะบอกว่าเป็นนิยายสืบสวนสอบสวน แต่ก็ไม่ได้ให้ความรู้สึกว่าสืบสวนเข้มข้นขนาดนั้น ออกไปทางสบาย ๆ เอาใจช่วยตัวละคร แต่ก็ยังมีประเด็นใหญ่ที่สอดแทรกเอาไว้ให้ผู้อ่านได้ฉุกคิด นั่นก็คือปัญหาความรุนแรงในเด็กและครอบครัว
ปัญหาใหญ่ที่สอดแทรกอยู่ในเนื้อเรื่อง
ปัญหาการความรุนแรงในเด็กและครอบครัว ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งปัญหาใหญ่ของสังคมปัจจุบัน เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นมานานและยังคงพบเห็นได้ในทุกสังคม ซึ่งเราสามารถพบเห็นปัญหาเหล่านี้สอดแทรกอยู่ในหนังสือ ภาพยนตร์ ซีรส์หรือสื่อต่าง ๆทั้งจากแถบเอเชีย ยุโรปหรืออเมริกา โดยเหยื่อจากการทารุณกรรมส่วนใหญ่ มักได้รับผลกระทบต่าง ๆ ทั้งร่างกายและจิตใจ บางรายเป็นปัญหาเรื้อรังที่ส่งผลต่อการดำเนินชีวิตในอนาคต
หนังสือเล่มนี้บอกเล่าปัญหาเกี่ยวกับการทำร้ายร่างกายและความรุนแรงผ่านเรื่องราวของพี่สาวและหลานสาวของเซตะ ซึ่งจากปัญหานี้ทำให้พี่สาวของเซตะเสียชีวิต เซตะจึงต้องดูแลเลี้ยงดูหลานสาวเหมือนลูก เมื่อเซตะประสบอุบัติเหตุ สถานการณ์ของหลานสาวจึงตกอยู่ในอันตรายเนื่องจากพ่อเลี้ยงของหลานสาวต้องการที่จะนำตัวหลานสาวไปไว้ในครอบครอง
เมื่ออ่านตอนแรกและยังไม่ได้เข้าใจเกี่ยวกับตัวละครดี เราอาจจะรู้สึกสงสัยว่าเพราะเหตุใดเซตะจึงเป็นห่วงหลานสาวมากถึงเพียงนั้น แต่หลังจากที่ผู้เขียนได้ค่อย ๆ เปิดเผยเรื่องราวของพี่สาวและหลานสาว จึงทำให้เราเข้าใจ “ความร้อนใจ” ของเซตะมากยิ่งขึ้น และเอาใจช่วยให้เซตะสามารถไปช่วยเหลือหลานสาวได้สำเร็จ
และนอกจากกรณีของพี่สาวและหลานสาวของเซตะ ปัญหาความรุนแรงในเด็กยังถูกบอกเล่าผ่านสถานการณ์ของแม่และเด็กที่อาศัยอยู่ในห้องพักซึ่งเซตะไปเจออีกด้วย
ปัญหาเหล่านี้ทำให้เกิดการตระหนักรู้และย้ำเตือนคนในสังคมให้เล็งเห็นถึงปัญหาและความพยายามที่จะแก้ไขปัญหาเหล่านี้ให้เกิดขึ้นน้อยลงเรื่อย ๆ
ความมุ่งมั่นและมีสติของตัวละคร
“เราต้องไปดูแลชูริให้ปลอดภัย” คือสิ่งที่เซตะในร่างเครื่องดูดฝุ่นคิดย้ำเสมอ แม้จะมีอย่างอื่นมาคอยให้แก้ไขสถานการณ์ แต่เมื่อถึงเวลาที่จิตว่าง เซตะก็จะหวนไปกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของชูริ(หลานสาว)เสมอ ความมุ่งมั่นของเซตะนี้สะท้อนออกมาผ่านการตัดสินใจเดินทางไปหาชูริที่โอตารุด้วยร่างกายของเครื่องดูดฝุ่น นอกเหนือจากความมุ่งมั่นที่แสดงออกมาตลอดเรื่องแล้ว เรายังพบว่าเซตะเป็นตัวละครที่มีสติและคิดคำนวณ วางแผนต่างๆตลอดเวลา เริ่มตั้งแต่การตั้งสติยอมรับที่ตัวเองกลายเป็นเครื่องดูดฝุ่นและใช้เวลาไม่นานในการทำความเข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้น วิเคราะห์ความเป็นไปได้ต่างๆ และแก้ไขปัญหาได้ยามฉุกเฉิน
อารมณ์ขันและสถานการณ์ชวนปวดหัว
ระหว่างการเดินทางไปหาหลานสาวของเครื่องดูดฝุ่นเซตะ แน่นอนว่าต้องมีอุปสรรคเกิดขึ้น ถึงแม้จะเป็นเพียงเครื่องดูดฝุ่น แต่ก็ยังคงมีจิตวิญญาณของความเป็นนักสืบอยู่ เซตะได้เข้าไปมีส่วนช่วยในการไขคดีและช่วยชีวิตคนหลายคนก่อนที่จะไปช่วยเหลือชีวิตหลานสาวของตนจากอดีตพ่อเลี้ยง การเล่าเรื่องเต็มไปด้วยความสนุก กระชับ มีมุกและสถานการณ์ที่ผ่อนคลายความตึงเครียดเสมอ ทั้งยังทำให้คนอ่านคอยลุ้นเอาใจช่วยตัวละครให้สามารถผ่านอุปสรรคต่างๆไปได้อย่างทันท่วงที
“ผมเป็นแค่เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ไร้ค่าเท่านั้นเองกั๊บ”
อีกหนึ่งความฉลาดของเนื้อเรื่องก็คือการนำเอาฟังก์ชันการทำงานของเครื่องดูดฝุ่นที่ตัวเอกศึกษาข้อมูลในตอนแรกมาเป็นประโยชน์ในตอนไขคดีเกี่ยวกับศพที่พบในห้องปิดตายได้อย่างแนบเนียน แม้จะมีการตั้งข้อสังเกตระหว่างการอ่านว่าฟังก์ชันต่าง ๆ ของเครื่องดูดฝุ่นที่ทำออกมาจะมีส่วนเชื่อมโยงกับคดีในห้องปิดตายที่เกิดขึ้นหรือไม่ก็ตาม
นอกเหนือจากความสนุกและประเด็นที่กล่าวมาแล้วทั้งหมดข้างต้น เนื้อหาในหนังสือเล่มนี้ยังมีอีกจุดหนึ่งที่ทำให้รู้สึกว่า “ไม่สุด” นั่นก็คือประเด็นคดีที่ในห้องปิดตาย ความเห็นส่วนตัว คิดว่าประเด็นนี้เป็นประเด็นที่อุตส่าห์ปูเรื่องมาซะดิบดีแต่ก็ปล่อยเคว้ง เพียงเพื่อให้เป็นใบเบิกทางของสถานการณ์ที่จะทำให้เครื่องดูดฝุ่นเซตะสามารถออกมาจากห้องและส่งอีเมลขอความช่วยเหลือในตอนท้ายได้เท่านั้น หากมีการขยี้หรือทำอะไรกับเนื้อเรื่องส่วนนี้อีกหน่อยก็น่าจะดี
อย่างไรก็ตามหนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือที่อ่านได้เพลินๆ อ่านแล้วสนุก เนื้อเรื่องกระชับ ใครสนใจก็ไปหามาอ่านกันได้ค่ะ
เรื่องแนะนำ :
– Kikumi Senbei : ร้านเซมเบ้สี่เหลี่ยม
– ชวนส่อง : CITY POP ART ของ Hiroshi Nagai
– ชวนส่อง : ภาพเล่าความประทับใจผ่านแบบแปลนห้องพักของ Kei Endo
– อาณาจักรกระดาษ TAKEO Mihoncho Honten
– KOMIYAMA SHOTEN แหล่งรวมหนังสือภาพ (มือสอง)
#ชวนอ่าน : คดีชุลมุนักสืบเครื่องดูดฝุ่น