เที่ยว Chiba … พอเท้าสัมผัสพื้นดิน สถานที่แห่งแรกที่เราได้มาเยือนกันในทริปนี้ นั่นก็คือสนามบินนานาชาตินาริตะ ประตูบานใหญ่ที่เปิดให้นักเดินทางเข้าสู่ประเทศญี่ปุ่นได้ ทางภูมิภาคคันโต ชิบะจะมีอะไรน่าสนใจบ้าง ตามมาเลย!!
ทริปนี้เรากลับมาเที่ยวที่จังหวัดบ้านไกลเรือนเคียงกับกรุงโตเกียว เมืองหลวงของประเทศญี่ปุ่นกัน ซึ่งหลายๆ คนที่เป็นขาเที่ยวก็ย่อมจะต้องรู้จักกับสนามบินนานาชาตินาริตะกันใช่ไหม แต่ก็อาจจะเข้าใจผิดว่าสนามบินแห่งนี้ตั้งอยู่ในกรุงโตเกียว … โน โน ไม่ใช่นะ ตั้งอยู่ที่เมืองนาริตะ จังหวัดชิบะต่างหาก!!
ใช่แล้ว ทริปนี้เราจะไปเที่ยวจังหวัดชิบะกันอย่างเต็มๆ ตามมาเลย …
พอเท้าสัมผัสพื้นดิน สถานที่แห่งแรกที่เราได้มาเยือนกันในทริปนี้ นั่นก็คือสนามบินนานาชาตินาริตะ ประตูบานใหญ่ที่เปิดให้นักเดินทางเข้าสู่ประเทศญี่ปุ่นได้ ทางภูมิภาคคันโต ซึ่งอยู่ทางตะวันออกของกรุงโตเกียว แต่ตั้งอยู่ทางตอนบนของจังหวัดชิบะซึ่งเป็นจังหวัดที่ค่อนข้างใหญ่และอยู่ติดกับอ่าวโตเกียวด้วยนั่นเอง
และที่อยู่ไม่ไกลจากสนามบินนาริตะ ก็คือวัดนาริตะ หรือที่นักท่องเที่ยวเรียกกันติดปากก็คือ “Naritasan”
คำว่า “san” ในภาษาญี่ปุ่น ก็มีการนำมาใช้เรียกแทนคำว่า “วัด” ในหลายๆ แห่งด้วย ดังนั้นคำว่านาริตะซัง จึงหมายถึงวัดนาริตะนั่นเอง
นาริตะซังนั้นถือเป็นวัดใหญ่ และเก่าแก่ประจำจังหวัดเลยทีเดียว (มีประวัติยาวนานกว่า 1,000 ปี) ภายในวัดมีอาคารไม้ฝีมือช่างชั้นยอดอายุเก่าแก่หลายร้อยปีอยู่หลายหลัง และยังมีเทศกาลประจำปีใหญ่ๆ อีกหลายงาน ช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ที่นาริตะซังแห่งนี้ก็ถือว่าเป็นวัดที่ได้รับความนิยมมาก ผู้คนที่ศรัทธาวัดแห่งนี้มีเยอะจนแห่แหนกันมาขอพรปีใหม่ และชมพิธีกรรมต่างๆ กันอย่างเนืองแน่นเลยทีเดียว
และที่นี่ยังเป็นสถานที่ที่เหมาะกับการท่องเที่ยวเป็นอย่างยิ่ง เพราะอยู่ใกล้สนามบินนาริตะซะเหลือเกิน นั่งรถไฟมาไม่ถึง 10 นาที ลงเดินอีกนิดหน่อยก็ถึงนาริตะซังแล้ว
ไฮไลท์ที่สำคัญที่ทำให้นักท่องเที่ยวนิยมมาเที่ยวกันที่วัดแห่งนี้มาก นอกจากจะมากราบไหว้ ขอพรพระแล้ว ก็จะชอบมาเดินเล่นที่ถนน Omotesando ที่อยู่บริเวณหน้าวัดกันซะเป็นส่วนใหญ่ จุดนี้ยังคงมีความเป็นเมืองเก่า นักท่องเที่ยวก็จะเดินชมเมืองไป เลือกซื้อของฝาก ของที่ระลึกกันไป และบนถนนเส้นนี้ยังมีร้านข้าวหน้าปลาไหลชื่อดัง ที่หลายคนคิดว่าจะต้องมาลองชิมกันให้ได้อีกด้วยนะ
นาริตะ เป็นเมืองหนึ่งที่มีชื่อเสียงเรื่องเมนู ข้าวหน้าปลาไหล
บอกเลยว่าการเดินจากสถานีรถไฟ ผ่านถนน Omotesando นี้ ไปยังวัดนาริตะซัง ตลอดระยะทางกว่า 1 กิโลเมตรนี้ เราจะได้เห็นวิวงามๆ เดินเพลิน จนรู้สึกลืมเหนื่อยได้เลยล่ะ
Naritasan Shinshoji Temple (Naritasan)
ที่ตั้ง : Japan, 〒286-0023 Chiba Prefecture, Narita, 1
วัน/เวลา : เปิดทุกวัน ไม่มีวันหยุด
ค่าเข้าชม : ฟรี
การเดินทาง : มีรถไฟจากสนามบินนาริตะ ไม่ว่าจะเป็น JR Line หรือ Keisei Line ใช้บริการมาได้ เพียงประมาณ 8 นาที ก็มานั่งสถานีรถไฟ Narita แล้วเดินชิลๆ ต่อไปยังวัดนาริตะได้ ใช้เวลาประมาณ 8 – 10 นาทีเท่านั้น
เว็บไซต์ : http://www.naritasan.or.jp/english/
และจุดต่อไปที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาเที่ยวจังหวัดชิบะ ก็คือธีมปาร์คที่เต็มไปด้วยเหล่าสัตว์น้อยใหญ่ “Mother Farm” นั่นเอง!!
เมื่อเลาะเลียบอ่าวโตเกียวลงมาทางใต้ของจังหวัดชิบะสักหน่อย เราจะเจอกับฟาร์มเอกชนที่มีเหล่าสัตว์มากมายไว้คอยต้อนรับนักท่องเที่ยว ดูเหมือนจะเป็นเพียงแค่ฟาร์มธรรมดาๆ แต่อันที่จริงแล้วมีกิจกรรมให้เราได้ลองทำ ได้ลองสัมผัสประสบการณ์กับเหล่าสัตว์มากมายทีเดียวนะ ไม่ว่าจะเป็นการรีดนมวัว การให้อาหารสัตว์ ชมโชว์และการแข่งขันของสัตว์ชนิดต่างๆ ชมทุ่งดอกไม้ ชม Illumination ชิมซอฟครีมรสนมและรับประทานอาหารอร่อยๆ แล้วยังมีกิจกรรมอื่นๆ อีกมากมายๆๆๆๆ
ที่นี่นับเป็นหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในหมู่นักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นเลยล่ะ ^^
Mother Farm
ที่ตั้ง : 〒299-1601, 940-3, Tagura, Futtsu-shi, Chiba
วัน/เวลา :
เดือนกุมภาพันธ์ – พฤศจิกายน
Sat, Sun, Holidays ตั้งแต่ 09.00 – 17.00 น. / Weekdays ตั้งแต่ 09.30 – 16.30 น.
เดือนธันวาคม – มกราคม
Sat, Sun, Holidays ตั้งแต่ 09.30 – 16.00 น. / Weekdays ตั้งแต่ 10.00 – 16.00 น.
ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 1,500 เยน / เด็ก 800 เยน
การเดินทาง : มีบริการรถบัสจากสถานี JR Kimitsu Station (South Exit) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 – 40 นาที (ค่ารถผู้ใหญ่ 700 เยน / เด็ก 350 เยน
เว็บไซต์ : http://www.motherfarm.co.jp/
ปิดท้ายการเที่ยวชิบะในวันแรกกันที่ Tokyo German Village ชื่ออาจจะเป็น “Tokyo” แต่ก็ยังตั้งอยู่ในจังหวัดชิบะนะจ้ะ 😉 หลายๆ คนอาจจะไม่ค่อยรู้จักที่นี่ แต่ขอบอกเลยว่าที่นี่ถือเป็นสถานที่จัด ‘The Winter Illumination of Tokyo German Village’ หรืองานแสดงไฟที่เจ๋งที่สุดแห่งหนึ่งในภูมิภาคคันโตเลยทีเดียว เรามาหน้าหนาวก็ไม่ควรสินะ ใช่มะ 😉 ส่วนในฤดูใบไม้ผลิที่นี่ก็จะมีทุ่งดอกไม้สวยงามล่ะ
Tokyo German Village
ที่ตั้ง : 419, Nagayoshi, Sodegaura-shi, Chiba
ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 800 เยน / เด็ก 400 เยน
วัน/เวลา : 09.30 – 20.00 น. (แล้วแต่ฤดูกาล)
การเดินทาง : นั่งแท็กซี่จากสถานี JR Sodegaura ไปประมาณ 20 นาที โดยถ้าเป็นช่วง Illumination ก็จะมีรถชัตเติ้ลบัสบริการฟรีจากสถานีด้วย / นอกจากนี้ยังมีรถบัสวิ่งตรงมาจากสถานีรถไฟ JR Chiba ไปลงที่ Tokyo German Village เลยด้วยนะ
เว็บไซต์ : http://t-doitsumura.co.jp/ (ภาษาญี่ปุ่น) , http://japan-chiba-guide.com/sys/data/index/page/id/15114/
ดื่มด่ำกับบรรยากาศกันเต็มที่แล้ว เราก็ออกเดินทางสู่ชายฝั่งทางด้านตะวันออกของจังหวัดชิบะ ซึ่งอยู่ติดกับมหาสมุทรแปซิฟิค เพื่อเข้าพักแถบ Kamogawa กัน เพราะวันรุ่งขึ้นเราจะไปพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำที่มีชื่อเสียงของจังหวัดนี้ Kamogawa Sea World!!
เช้าตรู่ของวันที่สองในการเดินทางท่องเที่ยวจังหวัดชิบะในครั้งนี้ เราขอออกนอกกรอบ ไปดูท่าเรือและตลาดประมูลปลาของจังหวัดชิบะกันสักหน่อย นักท่องเที่ยวทั่วไป ไม่มีโอกาสได้เห็นอย่างแน่นอน เลยต้องเก็บภาพบรรยากาศยามเช้ามาฝากกันนิดนึง ที่นี่ทำให้เห็นเลยว่า จังหวัดนี้มีอาหารทะเลสดๆ สมกับที่ตั้งอยู่ติดกับทั้งอ่าวโตเกียวและมหาสมุทรแปซิฟิคอันอุดมสมบูรณ์จริงๆ ที่ท่าเรือสำหรับนำปลาขึ้นในเช้าวันนี้เราจึงได้เห็นปลาสดๆ ชนิดที่ยังไม่ได้แช่แข็งอยู่เพียบเลย (เห็นแล้ว เมนูปลาดิบงี้ ลอยมาเลยล่ะ…)
สัมผัสกับชีวิตชาวประมงและตลาดปลาแบบชาวญี่ปุ่นแท้ๆ อยู่พักใหญ่ พอแดดเริ่มมา เราก็ไปอินกับท้องทะเลกันต่อเลยที่ Kamogawa Sea World ที่นี่เป็นพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ
นอกจากจะมีการจัดแสดงแยกประเภทของสัตว์ทะเลในโซนต่างๆ แล้ว ที่นี่ยังมีโชว์เยอะแยะเลย มีทั้งของสิงโตทะเล ของโลมา ของวาฬเบลูก้า รวมไปถึงโชว์ของวาฬเพชรฆาต (ออก้า) ซึ่งถือว่าฝึกยากสุดๆ ด้วยนะ มีสัตว์ทะเลแปลกๆ ที่หลายชนิดเราก็แทบไม่เคยเห็นในพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำที่อื่นๆ เลย อย่างนก Pelican นกทะเลขนาดใหญ่ที่เรามักจะเห็นในหนังการ์ตูนอยู่บ่อยๆ เป็นต้น
ถ้ามาเป็นกรุ๊ปเพื่อการศึกษา เขาก็มีกิจกรรมเชิงลึกให้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ได้เรียนรู้มากมาย ลึกระดับงานวิจัยเลยก็มี อันนี้ถือว่าน่าสนใจมาก นักเรียนนักศึกษาต้องชอบแน่ๆ เลยล่ะ
Kamogawa Sea World
ที่ตั้ง : 1464-18 Higashi-cho, Kamogawa, Chiba 296-0041
วัน/เวลา :
February 23, 2018 09.00 – 16.30 น.
February 24 – January 25, 2018 09.00 – 17.00 น.
ค่าบริการ : ผู้ใหญ่ 2,800 เยน / เด็ก 1,400 เยน
การเดินทาง : เดินทางด้วยรถไฟจากสถานี JR Tokyo ไปลงที่สถานี JR Awa-Kamogawa ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง แล้วนั่งฟรีชัตเติ้ลบัสไปยัง Kamogawa Sea World (10 นาที) หรือจะใช้บริการ Aqua-Line Express Bus จากสถานีโตเกียวก็ได้ ไปลงที่สถานี JR Awa-Kamogawa ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง แล้วต่อฟรีชัตเติ้ลบัสเช่นเดียวกัน
เว็บไซต์ : http://www.kamogawa-seaworld.jp/english/
ในช่วงบ่ายเราเดินทางผ่านป่าเขากลับไปทางฝั่งอ่าวโตเกียว สู่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของจังหวัดชิบะ เขา NoKogiriyama ที่นี่เป็นเสมือนพิพิธภัณฑ์กลางแจ้ง ท่ามกลางภูเขาหินและธรรมชาติที่ร่มรื่น มีสถานที่สวยๆ งามๆ อยู่หลายแห่ง ทั้งหินผาที่มีรูปร่างแปลกตา และทิวทัศน์ที่ชวนหลงใหล และที่นี่ก็เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางมากันได้ตลอดทั้งปีด้วย Ropeway
Nokogiriyama
ที่ตั้ง : Kanaya, Futtsu Shi, Chiba Ken, 〒299-1861
ค่าบริการ : ค่า Ropeway ไป-กลับ 930 เยน
วัน/เวลา :
(Ropeway)
16 พฤศจิกายน – 15 กุมภาพันธ์ 09.00 – 16.00 น.
16 กุมภาพันธ์ – 15 พฤศจิกายน 09.00 – 17.00 น.
ฤดูร้อน 09.00 – 18.00 น.
การเดินทาง : จากสนามบินนาริตะ นั่ง Narita Express (NEX) ไปลงสถานี Chiba ประมาณ 35 นาที จากนั้นนั่งรถไฟ JR ท้องถิ่นต่อไปยังสถานี Hama-Kanaya ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชม. 20 นาที จะเดินต่อไปยัง Ropeway ก็ได้ แต่ถ้านั่งแท็กซี่ก็ไม่ถึง 5 นาที / ถ้ามาจากสถานีรถไฟโตเกียว นั่ง JR Special Express “Sazanami” ไปลงที่สถานี Hama-Kanaya ได้เลย โดยใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชม. ครึ่ง
เว็บไซต์ : http://www.mt-nokogiri.co.jp/pc/p130000.php
และนอกจากเราจะสามารถชมธรรมชาติและประติมากรรมจากหินมากมายบนเขา Nokogiriyama ได้แล้ว อีกฝากของเขาแห่งนี้ยังเป็นที่ตั้งของวัด Nihoji ซึ่งมีพระพุทธรูปแกะสลักจากหินเรียงรายอยู่มากมาย และยังมีหน้าหินซึ่งแกะสลักเป็นองค์พระใหญ่ๆ อีกด้วยนะ อลังการงานสร้างจริงๆ เลยล่ะ
Nihon-ji Temple
ที่ตั้ง : Nokogiriyama, Awa-gun Kyonan-machi, Chiba
ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 600 เยน / เด็ก 400 เยน
เว็บไซต์ : http://www.nihonji.jp/ , https://www.jnto.go.jp/eng/spot/shritemp/nihon-ji.html
วันนี้ได้อะไรเยอะเลยใช่ไหม (^^) ได้เวลาพักผ่อนแล้ว จากนี้เราจะพักกันที่โรงแรม Mitsui Garden Hotel Chiba ล่ะนะ จะได้ไม่ต้องย้ายกันบ่อยๆ ด้วย เดินทางสะดวก ใกล้สถานี Chiba เรียกว่าอยู่กลางเมืองเลยก็ได้นะ สนใจก็ไปดูรายละเอียดกันได้ >> https://goo.gl/D619H8
เอาล่ะ มาถึงครึ่งทางของการทัวร์จังหวัดชิบะในทริปนี้กันแล้ว ความน่าสนใจและความสนุก 😉 ของทริปนี้ยังมีอีก แล้วมาติดตามกันต่อในตอนหน้ากับครึ่งหลังของทริปนี้น๊าาาาา
เรื่องแนะนำ :
– รีวิวเที่ยว Chiba กับสถานที่ท่องเที่ยวไฮไลท์ที่ไม่ควรพลาด (2)
– CHIBA…STRONG พี่ไม่ได้มาเล่นๆ พี่ตั้งใจมาเที่ยวชิบะ! ตอนที่ 1 นักท่องเที่ยวTHAILAND อึ้ง…ทึ่ง ที่ซาวาระ (#teamsawara)
– เที่ยว Chiba : ชมอ่าวโตเกียว เที่ยว Mother Farm เก็บสตอเบอรี่ ช้อปปิ้ง Mitsui Outlet
– Chiba ใกล้ ครบ จบที่เดียว ตอนที่ 1
– เที่ยวชิบะ (Chiba) สุดคุ้มในหนึ่งวัน
– 5 ฟาร์มสตรอเบอรี่ใกล้โตเกียว งีบเดียวก็ถึงเลย