ในสมัยโบราณประเทศญี่ปุ่นมีเครื่องดนตรีที่คอยบรรเลงสร้างบทเพลงที่กินใจและสอดคล้องกับชีวิตประจำวันอยู่มากมาย วันนี้ไอซึจะหยิบยกเครื่องดนตรีโบราณของประเทศญี่ปุ่นมาให้เพื่อน ๆ ทำความรู้จักกันทั้งหมด 5 ชนิดด้วยกัน
นอกจากปัจจัยสี่แล้วนั้น เสียงดนตรีก็ถือเป็นอีกสิ่งที่เกี่ยวข้องในชีวิตประจำวันของคนเรา ไม่ว่าจะช่วงเวลาไหนตั้งแต่เกิดจนกระทั่งสิ้นชีวิต ดนตรีและท่วงทำนองก็ยังคงสอดแทรกอยู่ในทุกช่วงเวลาเสมอ ดังนั้นเครื่องดนตรีจึงถูกนำมาใช้สื่อถึงความรู้สึกและอารมณ์ในช่วงเวลาที่แตกต่างกันไป ในสมัยโบราณประเทศญี่ปุ่นมีเครื่องดนตรีที่คอยบรรเลงสร้างบทเพลงที่กินใจและสอดคล้องกับชีวิตประจำวันอยู่มากมาย วันนี้ไอซึจะหยิบยกเครื่องดนตรีโบราณของประเทศญี่ปุ่นมาให้เพื่อน ๆ ทำความรู้จักกันทั้งหมด 5 ชนิดด้วยกัน
1.ซามิเซ็ง (Shamisen)
เครื่องดนตรีสามสายที่มีต้นแบบมาจากเครื่องดนตรีของประเทศจีนที่มีชื่อว่า“ซังเง็น(Sangen)” โดยเชื่อว่าประเทศญี่ปุ่นได้รับการเผยแพร่มาจากประเทศจีนในสมัยเอโดะ(ค.ศ.1603-1867) หรือช่วงศตวรรษที่ 16 ผ่านทางอาณาจักรริวกิวหรือโอกินาว่า ในปัจจุบันนั้นเองค่ะ เครื่องดนตรีซามิเซ็งเป็นเครื่องดนตรีประเภทสายมีทั้งหมด 3 สายมีลำคอยาวประมาณ 1 เมตรเวลาเล่นจะใช้แผ่นไม้ที่ชื่อว่า “บาชิ(Bachi)” ในการดีดทำให้เกิดเสียง หรือบางครั้งก็สามารถใช้มือดีดได้เช่นเดียวกันค่ะ ซามิเซ็งมักนิยมถูกใช้เล่นในการแสดงละครคาบุกิ (kabuki) และการแสดงละครหุ่นเชิด รวมไปถึงในงานประเพณีต่าง ๆ
2.โคโตะ (Koto)
เครื่องดนตรีชนิดสายที่ได้รับความนิยมอย่างมากในประเทศญี่ปุ่นมีประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน โคโตะนั้นมีหลากหลายประเภทชื่อเรียกก็จะแตกต่างกันไปตามแต่ลักษณะของเครื่องดนตรี โดยชนิดที่มีชื่อเสียงและมักได้รับความนิยมคือ ยามาโตะ โคโตะ (Yamato Koto) โคโตะแบบดั้งเดิมนั้นเชื่อกันว่าได้รับอิทธิพลมาจากประเทศจีน ถูกนำเข้ามาในช่วงศตวรรษที่ 7 โดยนักดนตรีชาวจีนและเกาหลี โดยโคโตะแบบดั้งเดิมนั้นจะมีเพียงแค่ 5 สาย และถูกพัฒนาให้เป็น 7 สาย และ 13 สายอย่างในปัจจุบัน
โคโตะนั้นมีขนาดค่อนข้างใหญ่มีความยาวประมาณ 180 เซนติเมตร กว้างประมาณ 30 เซนติเมตรทำจากไม้ ตัวสายทำจากเส้นไหมมีทั้งหมด 13 สาย วิธีการเล่นนั้นจะใช้นิ้วโป้ง นิ้วชี้ และนิ้วกลางของมือขวาในการดีด ส่วนมือซ้ายจะใช้กดสายเพื่อทำให้เกิดโน๊ตที่แตกต่างกันไป ในการเล่นโคโตะนั้นจะต้องสวมใส่ปลอกนิ้วที่เรียกว่า ทสึเมะ (tsume) โคโตะถือเป็นเครื่องดนตรีของชนชั้นสูงมักถูกใช้ในการแสดงเพื่อให้ความบรรเทิง ในปัจจุบันมีโรงเรียนสอนเล่นโคโตะกันอย่างแพร่หลายและโคโตะยังได้ถูกขึ้นทะเบียนเป็นเครื่องดนตรีประจำชาติอย่างเป็นทางการของประเทศญี่ปุ่นอีกด้วย
3. กลองวาไดโกะหรือกลองไทโกะ (Wadaiko)
กลองไทโกะถือเป็นเครื่องดนตรีประเภทกระทบ(Percussion instruments)แบบดั้งเดิมของประเทศญี่ปุ่น กลองชนิดนี้ทำโดยการเหยียดหนังหุ้มลำตัวที่ทำจากไม้ โดยกลองไทโกะนั้นจะมีเสียงที่ดังหรือเบาตามแต่ลักษณะของการตีในแต่ละครั้ง ว่ากันว่ากลองไทโกะมักถูกใช้โดยไดเมียว (ขุนนางศักดินา) เพื่อใช้ในช่วงสงครามช่วง ค.ศ.1467-1568 เพื่อสั่งการทหารและปลุกขวัญและกำลังใจในช่วงทำสงคราม ในปัจจุบันสามารถพบเห็นกลองไทโกะได้ทั่วไปและมักถูกใช้ในพิธีกรรมและงานเทศกาลต่าง ๆ กลองไทโกะนั้นนอกจากมีเสียงที่ก้องกังวานแล้วนั้นท่วงทาในการตีกลองก็ยังเต็มด้วยเอกลักษณ์ซึ่งต้องใช้ทั้งความแข็งแรงและความอดทนในการฝึกฝนอย่างหนักอีกด้วย
4.โนกัง (Noukan)
โนกังเครื่องดนตรีประเภทเป่ามีลักษณะคล้ายฟลูต (flute) โนกังถือได้ว่าเป็นเครื่องดนตรีประเภทเป่าที่เก่าแก่อย่างหนึ่งในประเทศญี่ปุ่น โนกังนั้นนิยมใช้ในการแสดงละครโนห์ (Noh, Nogaku) การแสดงพื้นบ้านของประเทศญี่ปุ่นและละครคาบูกิ(Kabuki) ใช้ในการสร้างเสียงที่เป็นเอกลักษณ์สร้างความรู้สึกตึงเครียด โดยจะมีโทนเสียงที่แหลมสูง โนกังถูกสร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 15 มีความยาวประมาณ 39 เซนติเมตร เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 3 เซนติเมตร มีช่องลมทั้งหมด 7 ช่อง
5.มุกกุริ(Mukkuri)
มุกกุริเป็นเครื่องดนตรีของชาวไอนุเป็นชนพื้นเมืองที่อาศัยอยู่บนเกาะฮอกไกโดทางเหนือของประเทศญี่ปุ่น เครื่องดนตรีมุกกุริเป็นเครื่องดนตรีที่มีความเรียบง่ายมีส่วนประกอบเพียงแค่ไม้ไผ่เพียงชิ้นเดียวเท่านั้น ถ้ามองจากรูปร่างของมันแล้วยากที่จะจินตนาการได้ว่าเครื่องดนตรีมุกกุริจะถูกทำให้เกิดเสียงดนตรีได้ด้วยวิธีการใด วิธีการที่จะทำให้เกิดเสียงของมุกกุริก็คือ ถือเชือกที่เป็นวงกลมเอาไว้ที่มือข้างซ้าย ส่วนข้างขวาจะทำหน้าที่ดึงเชือกเพื่อในเกิดเสียง โดยจะสะบัดเชือกที่อยู่มือขวาในขณะที่เชือกถูกดึงจนตึงจากมือข้างซ้ายจึงทำให้เกิดเสียง ยิ่งไปกว่านั้นชิ้นส่วนบาง ๆ ของไม้ไผ่จะถูกวางไว้ตรงปากของผู้เล่น เมื่อเปิดปากกว้างก็จะทำให้มีเสียงดังกังวาน เมื่อทำปากแคบลงเสียงก็จะเล็กและแหลมขึ้น นี่คือวิธีการเล่นมุกกุรีแบบคร่าว ๆ
มุกกุรีจะสามารถทำเสียงได้แค่แบบเดียวเท่านั้นแต่เสียงต่าง ๆ ที่ออกมาจนกลายเป็นเพลงจะขึ้นอยู่กับรูปทรงของปากในการแสดงของผู้ที่เล่นเครื่องดนตรี เสียงที่อยู่มาจึงเป็นเอกลักษณ์เฉพาะบุคคลความไม่เหมือนใครนี้ถือเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของเครื่องดนตรีมุกกุรี ชาวไอนุมักใช้มุกกุรีในการแสดงความเคารพต่อธรรมชาติ และสำหรับใครที่มีโอกาสไปเยี่ยมชาวไอนุที่บริเวณร้านขายของที่ระลึกก็มีมุกกุรีจำหน่ายนะคะ หากสนใจอยากลองก็สามารถหาซื้อกันได้ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่น่าสนใจ
เรื่องแนะนำ :
– 7 เหตุผลยอดฮิตที่ทำให้ไปเที่ยวญี่ปุ่นกี่ครั้งก็ไม่เบื่อ
– “Giri Choco” ธรรมเนียมปฏิบัติที่กำลังได้รับการต่อต้าน
– วางขายแล้ว!! Pokémon TCG การ์ดเกมโปเกมอนฉบับภาษาไทยลิขสิทธิ์แท้จากญี่ปุ่น
– ดังโงะ (Dango) ขนมโบราณที่อยู่คู่กับคนญี่ปุ่นมานับร้อยปี
– ครบรอบ 18 ปีแห่งวันธรรมดากับสมุดบันทึก Hobonichi Techo (ตอนจบ)
ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก :
https://wow-j.com/en/Allguides/other/tips_manners/01402_en/#3
https://visualioner.com/
https://th.activityjapan.com/publish/plan/13268