3 อย่างอิหยังวะ?? ในร้านขายยายุคเอโดะ!
สำหรับคนชอบช้อปปิ้ง หรือคนที่ไปเยือนญี่ปุ่นเป็นส่วนใหญ่ เชื่อว่าเกือบทุกคนต้องได้เลี้ยวเข้าไปส่องของติดไม้ติดมือกลับบ้านกันในร้านขายยาของญี่ปุ่นกันบ้างละ เพราะร้านเหล่านี้ไม่ได้มีแค่ยา แต่นับว่าเป็นแหล่งรวมของฝากของใช้ยอดฮิตหลายอย่างของชาวไทยเลยด้วยนะ ทั้งวิตามิน เครื่องสำอาง ขนม ของใช้ แถมในบางร้านยังมีกระทั่งผัก ผลไม้ ของสด หรือเซ็กส์ทอย! – –
จริงๆ แล้วความวาไรตี้ของร้านขายยาแดนอาทิตย์อุทัยไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้นในยุคนี้หรอกจ้า แต่มันเป็นแบบนี้มานับร้อยปีแล้ว ไม่เชื่อไปดู 3 สิ่งด้านล่างที่มีวางขายในร้านขายยายุคเอโดะกันดูสิ บางอย่างนี่ต้องร้องอิหยังวะจริงๆ นะเอ้า!
3 ของแปลกที่หาได้ในร้านขายยาญี่ปุ่นโบราณ
สกินแคร์ขี้นก!!!

ในช่วงกลางยุคเอโดะถือเป็นยุครุ่งเรืองของเหล่าพ่อค้า เรียกว่าทำมาค้าขึ้นกันจนไม่รู้จะเอาเงินไปทำอะไรดี! สุดท้ายเลยมีหลายคนที่เอาเงินไปลงกับการหาสัตว์มาเลี้ยงไว้ดูเล่น โดยเฉพาะ ‘นก’ นั้นถือเป็นสัตว์เลี้ยงยอดฮิตในยุคนั้นเลยเชียวละ
นอกจากจะเอาไว้ดูเล่นสร้างความเพลิดเพลิน ฟังเสียงนกร้องกันให้สำราญใจแล้ว เจ้านกเหล่านี้ยังสร้างให้เกิดอาชีพใหม่ๆ ที่เรียกว่า tori-no-fun-gai หรือที่เรียกแบบเข้าใจง่ายๆ ว่า ‘พ่อค้าขี้นก’!! – –
พูดแล้วอาจจะชวนอี๋ แต่ในสมัยนั้นน่ะ ขี้นกถือเป็นส่วนผสมที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในบรรดาผลิตภัณฑ์เพิ่มความขาวกระจ่างและสร้างความชุ่มชื้นให้กับใบหน้า เชื่อกันว่ายังช่วยรักษาโรคผิวหนัง และยังเป็นหนึ่งในเครื่องมือที่ช่วยลบเครื่องสำอางสีขาวบนใบหน้าของเหล่านักแสดงคาบูกิหรือเกอิชาได้เป็นอย่างดี! – –
แน่นอนว่าสกินแคร์ขี้นกแบบนี้ ย่อมไม่ใช่แค่การนำอุนจินกแบบสดๆ มาแปะลงไปบนใบหน้า แต่จะต้องนำพวกมันมาทำให้แห้งและบดจนละเอียดเป็นผง และที่สำคัญคือต้องเป็นอุนจิของนกกระจ้อยญี่ปุ่น (Japanese bush warbler) หรือ Uguisu ซึ่งถือเป็นนกที่หาเจอได้ยากด้วยนะ โดยลูกค้าจะทำการซื้อผงขี้นกกระจ้อยมาผสมกับรำข้าวเองที่บ้านก่อนการใช้งาน และดูเหมือนสกินแคร์สูตรนี้จะใช้ได้ผลดีเพราะในขี้นกนั้นมีเอนไซม์และกรดอะมิโนผสมอยู่ ว่ากันว่าในสปาหรูบางแห่งของยุคนี้ก็ยังมีเจ้าสกินแคร์สูตรนี้วางจำหน่ายอยู่ด้วยนะ ใครสนใจลองไปถามหากันดูเน้อ
ยากระตุ้นอารมณ์

ในยุคเอโดะก็มีการโฆษณาสินค้าหรือร้านค้าต่างๆ นะ เพียงแต่พวกมันมักจะถูกแฝงมาในงานวรรณกรรมของเหล่านักเขียนทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร เครื่องสำอาง ยา หรือแม้กระทั่งโลชั่นทาหน้า และผงขัดฟัน! – –
และหนึ่งในวรรณกรรมที่ได้รับความนิยมจากผู้อ่านในยุคเอโดะนั้น ก็หนีไม่พ้นเรื่องราวที่มีเนื้อหาล่อแหลมหรือเกี่ยวข้องกับโสเภณี เพื่อไม่ให้เสียชื่อการเป็นประเทศที่โดดเด่นในเรื่องของอุปกรณ์ทางเพศทั้งหลาย ในยุคเอโดะจึงมีการโฆษณายาเสริมสมรรถภาพเพิ่มความปึ๋งปั๋งแฝงมากันในงานวรรณกรรมเหล่านี้ ซึ่งในยุคนั้น ยาโด๊ปเกือบทั้งหมดมักจะมีส่วนผสมของชิ้นส่วนต่างๆ จากสัตว์ ไม่ว่าจะเป็นเขากวาง สารสกัดจากปลาไหล ผงรังไหม ปลาปักเป้า หรือพืชจำพวกโสม
นอกจากนั้นยังมียาสำหรับเพิ่มความรู้สึกให้สาวๆ ที่เรียกว่า Nyoetsugan และยา Chomeigan สำหรับบุรุษเพศทั้งหลาย ว่ากันว่าทุกวันนี้ยังอาจจะหาได้ที่ร้าน Yotsumeya ซึ่งเป็นร้านขายยาเฉพาะทาง หลายข้อมูลยังตั้งให้ร้านนี้เป็นร้าน Sex Shop ที่แรกของญี่ปุ่นเลยด้วยนะ ถ้าคุณอยากไปตามหาก็เสิร์ชเลย!
สีขาวแห่งความตาย

สาวๆ ทั้งหลายในยุคเอโดะจะแต่งแต้มสีสันให้กับใบหน้าของพวกเธอเพื่อใช้เสริมความงามและบ่งบอกสถานะทางสังคม โดยพวกเธอจะแต่งหน้าด้วยสีแค่เพียงสามสีคือ แดง ดำ และขาว
โดยการแต่งหน้าจะเป็นตัวบอกสถานะของพวกเธอเหล่านั้นได้ชัดเจนแบบไม่ต้องมานั่งอธิบาย เช่น หญิงสาวที่แต่งงานแล้วจะใช้สีดำซึ่งอาจได้จากหมึก พืชสีเข้ม หรือเขม่าถ่าน มาทาฟันให้ดำสนิททั้งปาก และหญิงสาวหลังคลอดลูกจะนิยมโกนคิ้วออกจนเกลี้ยง แล้วนำหมึกสีดำมาเขียนเป็นคิ้วใหม่ซึ่งอยู่สูงขึ้นไปจนเกือบถึงไรผม ซึ่งหญิงสาวสูงศักดิ์ก็มักนิยมเขียนคิ้วในรูปแบบนี้เช่นกัน
ส่วนสีแดงนั้นจะได้มาจากเกสรของดอกคำฝอย ซึ่งพวกเธอจะใช้ในการทาแก้ม ปาก และตา แต่ในบรรดาสีสันทั้งหมดนั้น ว่ากันว่าสีที่สำคัญที่สุดก็คือสีขาวที่ใช้ในการทาเป็นสีรองพื้นบนใบหน้า เพื่อจะขับให้สีแดงและดำดูโดดเด่นสะดุดตาขึ้นมานั่นเอง
โดยการมีผิวขาวนั้นถือเป็นหนึ่งในการบ่งบอกว่าหญิงสาวผู้นั้นอยู่ในตระกูลที่มีฐานะดี จนเธอไม่ต้องออกไปตรากตรำกรำแดดทำงานใดๆ นอกบ้าน โดยความนิยมในผิวขาวของหญิงสาวชาวญี่ปุ่นนั้นมีมายาวนานตั้งแต่สมัยนารา (ค.ศ.710 – 794) พวกเธอจะใช้ผงสีขาวที่เรียกว่า Oshiroi ในการทาใบหน้าจนถึงลำคอและหน้าอกช่วงบน (สำหรับบางคน) ให้กลายเป็นสีขาวสว่างเจิดจ้า ซึ่งบรรดาเกอิชาและนักแสดงคาบูกิก็ใช้เจ้าโอชิโรอินี้ในการแต่งหน้าด้วยเช่นกัน
ในร้านขายยาทุกร้านจึงมีเจ้าผงชนิดนี้วางจำหน่ายกันอยู่โดยทั่วไป – – ในความจริงแล้ว ผงโอชิโรอิมีส่วนประกอบหลักเป็นตะกั่ว ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการสะสมของสารพิษในร่างกายเมื่อใช้ต่อเนื่องเป็นเวลานาน ไม่ว่าจะเป็นอาการผมร่วง โรคผิวหนัง อวัยวะบางส่วนล้มเหลว ไปจนถึงเสียชีวิตในที่สุด
ญี่ปุ่นประกาศห้ามการใช้เครื่องสำอางที่มีสารตะกั่วเจือปนในปี ค.ศ.1934 โดยตลอดเวลานับพันปีที่ผ่านมา ไม่มีผู้ใดสามารถระบุจำนวนผู้ที่เสียชีวิตจากเครื่องเสริมความงามที่เต็มไปด้วยพิษร้ายชนิดนี้ได้เลย – – เรื่องนี้อาจสอนให้รู้ว่าความสวยงามอาจนำมาซึ่งความตาย และการเกิดเป็นสาวชาวบ้านผิวคล้ำกรำแดดทั่วไปก็อาจไม่ใช่เรื่องที่ควรน้อยใจนะเอ้า!!
และนี่คือ 3 สิ่งที่เกี่ยวข้องกับร่างกายและชีวิตประจำวันของชาวญี่ปุ่นโบราณ ที่หาซื้อกันได้ทั่วไปในร้านขายยาแบบเป็นเรื่องปกติ ซึ่งเอาจริงๆ ก็เป็นสินค้าที่สะท้อนถึงความนิยมในด้านต่างๆ ของวัฒนธรรมแดนปลาดิบที่ยังคงอยู่จนถึงทุกวันนี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสกินแคร์ เซ็กส์ช็อป หรือเครื่องสำอาง เพียงแต่วิวัฒนาการที่ทันสมัยในยุคปัจจุบันนั้นให้ความสำคัญในเรื่องของความปลอดภัยมากกว่าในยุคอดีตซึ่งผู้คนอาจจะยังมีความรอบรู้ไม่เพียงพอ
ใครสนใจอยากลองใช้ผลิตภัณฑ์ตัวไหน ก็ไปลองตามหากันดูได้นะ ถ้าใจถึงก็ลองเลยจ้า แล้วเอามาเม้าท์ให้ฟังหน่อยนะว่าเด็ดมั้ย!
เรื่องแนะนำ :
– ‘Beni’ จากดอกไม้สู่ใบหน้า สูตรลับความงามร้อยปีฉบับญี่ปุ่น
– รู้จักกับ 3 ซามูไรที่ไร้เลือดญี่ปุ่นอย่างสิ้นเชิง
– 13 เรื่องจริงของฟูจิ ที่คุณอาจไม่เคยรู้
– 12 ราศีสไตล์ Nintendo – คุณเป็นใครในจักรวาลเกมสุดคลาสสิก ‘Super Smash Bros’?
– 12 สวนสวยญี่ปุ่นแบบไม่ซ้ำใคร ชอบดอกไม้ก็ฟิน ชอบถ่ายรูปเช็คอินก็ฉ่ำใจ
– สยองผีญี่ปุ่น : อินุกามิ
ข้อมูลอ้างอิง:
https://www.tokyoweekender.com/art_and_culture/japanese-culture/weird-things-you-could-find-at-a-feudal-japanese-pharmacy/
#3 อย่างอิหยังวะ?? ในร้านขายยายุคเอโดะ!



