เพื่อนผมคนญี่ปุ่นที่อาศัยอยู่ในไทยได้ถามกับผมว่า “จากเหตุการณ์ระเบิดครั้งนั้น ทำไมคนไทยก็กลับมาใช้ชีวิตดังปรกติได้อย่างรวดเร็วเหลือเกิน?” ถ้าเป็นคุณผู้อ่าน คุณจะตอบคำถามนี้กับเพื่อนคนญี่ปุ่นไปว่าอย่างไรครับ?
เล่าโดย : วสุ มารุมุระ

หลังจากเหตุการณ์ที่ศาลพระพรหม ผ่านมาได้ไม่เกินสองสัปดาห์ เพื่อนผมคนญี่ปุ่น (นามสมมติ นาย M) ที่อาศัยอยู่ในไทยได้ถามกับผมว่า
“จากเหตุการณ์ระเบิดครั้งนั้น ทำไมคนไทยก็กลับมาใช้ชีวิตดังปรกติได้อย่างรวดเร็วเหลือเกิน?”
ถ้าเป็นคุณผู้อ่าน คุณจะตอบคำถามนี้กับเพื่อนคนญี่ปุ่นไปว่าอย่างไรครับ?
+++
ผมตอบไปว่า
“ก็ไม่รู้จะระวังอย่างไร ถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนั้นจริงๆ เราก็ต้องใช้ชีวิตของเราไป และได้แต่เฝ้าระวังในขอบเขตที่เราทำได้”
เพื่อนคนญี่ปุ่น (นาย M) ตอบกลับมาว่า
“อืม นั่นสินะ ต่อจะให้ระวังก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี”
+++
จากคำถามของคนญี่ปุ่นในครั้งนี้ มันทำให้ผมนึกถึงเหตุการณ์ที่คล้ายกันในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ทำให้มีผู้เคราะห์ร้ายเป็น บุคคลผู้ไม่รู้อิโหน่อิเหน่อย่างเราๆ อยู่หลายคน
– เหตุการณ์การก่อวินาศกรรมของกลุ่มโอมชินริเกียว ที่มีการวางวัตถุสารเคมี “ซาริน” ทิ้งไว้ในรถไฟใต้ดิน จนทำให้ผู้โดยสารได้สูดเอาก๊าซ “ซาริน” รับสารพิษกันไปเต็มๆ สร้างความหวาดกลัวในญี่ปุ่นและทั่วโลกในปี 1995
– เหตุการณ์การอาละวาดในอะคิฮาบาร่า ที่มีคนเอามีดไล่แทงผู้คนอย่างไม่เลือกหน้าในปี 2008
ผมถามเพื่อนคนญี่ปุ่น (นามสมมติว่า นาย T) ว่าจากเหตุการณ์ของกลุ่มโอมชินริเกียว เขารู้สึกอย่างไรช่วงนั้น
นาย T ตอบว่า “ก็รู้สึกกลัวครับ”
หลังจากวันนั้น (นาย T) ก็ยังใช้ชีวิตตามปกติ ไปทำงานนั่งรถไฟเส้นเดิมอย่างที่เคยทำมาทุกวัน
+++
พวกเราคนไทยอาจจะรู้สึกว่า “ไม่มีอะไรที่เราพอช่วยได้จากเหตุการณ์ครั้งนี้เลยหรือ”
อย่างน้อยที่สุดเราคนไทยในฐานะสยามเมืองยิ้ม ตามที่คนญี่ปุ่นเข้าใจพวกเราว่าเป็นแบบนั้น
พวกเราก็ทำตัวเป็นคนไทยที่ดีมีน้ำใจต่อผู้อื่น เอาใจเขามาใส่ใจเรากันต่อไปเถอะครับ
(แม้ผู้เขียนอาจจะไม่ใช่คนช่างยิ้ม หรือมีน้ำใจอะไรขนาดนั้น แต่ผมว่าคุณผู้อ่านคงจะเข้าใจในไอเดียนี้นะครับ)
ขอบคุณครับที่อ่านมาถึงตรงนี้ครับ
ทักทายพูดคุยกับ Wasu ได้ที่ >>> Facebook Wasu’s thought on Japan