เด็กถูกฝึกให้พึ่งพาตัวเอง …ส่วนใหญ่เป้าหมายในการเลี้ยงลูกของคนญี่ปุ่นคือ “ให้โตขึ้นแล้วเอาตัวเองรอดได้โดยไม่ต้องพึ่งพาพ่อแม่ตลอดไป”
ตอนเรียนอยู่ญี่ปุ่น ดิฉันมีโอกาสได้ไปสอนเด็กนักเรียนญี่ปุ่นทั้งระดับประถมและมัธยมตามโรงเรียนต่างๆ และรู้สึกประทับใจในความมีระเบียบวินัย และความรับผิดชอบตั้งแต่เด็ก จึงสนใจศึกษาว่าคนญี่ปุ่นสอนเด็กอย่างไร
1) แม่เลี้ยงดูอย่างใกล้ชิด อย่างที่ทราบกันดี ผู้ชายญี่ปุ่นในฐานะหัวหน้าครอบครัวมักจะทำงานหนัก กลับบ้านดึก จึงมอบหมายหน้าที่การเลี้ยงดูลูกให้กับคนเป็นแม่ ผู้หญิงจึงทำหน้าที่หลักในการดูแลบ้าน สามี และลูกๆ แต่ก็เป็นเรื่องน่าสนใจที่ผู้หญิงชาวญี่ปุ่นส่วนใหญ่ยอมรับหน้าที่นี้ด้วยความเต็มใจ เมื่อมีลูกก็มักจะลาออกจากงานประจำมาเป็นแม่บ้านเต็มตัว การดูแลอย่างใกล้ชิดด้วยความรักทำให้เด็กมีพัฒนาการดีและยังมีเวลาอบรมสั่งสอนลูกอย่างเต็มที่
2) เด็กถูกฝึกให้พึ่งพาตัวเอง ส่วนใหญ่เป้าหมายในการเลี้ยงลูกของชาวญี่ปุ่นคือ “ให้โตขึ้นแล้วเอาตัวเองรอดได้โดยไม่ต้องพึ่งพาพ่อแม่ตลอดไป” คนญี่ปุ่นจึงเลี้ยงลูกแบบไม่ประคบประหงมและฝึกให้เด็กพึ่งพาตัวเองได้ เด็กญี่ปุ่นส่วนมากเมื่ออายุได้ 2 ขวบ คุณพ่อคุณแม่จะลองปล่อยให้ลูกน้อยได้ช่วยเหลือตัวเองเท่าที่จะทำได้โดยดูแลอย่างใกล้ชิด เช่น ให้ลองใส่เสื้อผ้าเอง ตักข้าวกินเอง ขับถ่าย แปรงฟันเอง ติดกระดุม ฯลฯ เมื่อลูกๆทำได้จะได้รับคำชมเชย แต่ก็จะไม่เร่งรัดเกินไปหากเด็กยังทำไม่ได้ เมื่ออายุราว 4-5 ขวบ เด็กๆจะมีตารางความรับผิดชอบตัวเองเช่น รับประทานอาหารบนโต๊ะ แปรงฟัน ล้างหน้า ดูแลน้อง รวมถึงอาจได้รับการร้องขอจากพ่อแม่ให้ช่วยหยิบนั่นหยิบนี่ จัดเตรียมเสื้อผ้าเอง หรือไปซื้อของบางอย่างจากซุปเปอร์มาร์เก็ตใกล้บ้านโดยให้มีเพื่อนไปด้วย
เมื่อเริ่มโตเข้าโรงเรียนอายุ 6-7 ขวบ พ่อแม่จะให้ลูกอาบน้ำแต่งตัวและนั่งรถไฟไปโรงเรียนแต่เพียงลำพัง โดยคุณแม่ชาวญี่ปุ่นบอกว่า การปล่อยให้ลูกไปโรงเรียนเองจะทำให้เด็กฝึกแก้ปัญหาเฉพาะหน้าด้วยตัวเอง
อย่างไรก็ตามที่พ่อแม่ชาวญี่ปุ่นกล้าปล่อยเด็กไปเองนั้นอาจจะเป็นเพราะประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ปลอดภัย ไม่ต้องกลัวเด็กจะถูกลักพาตัวค่ะ
3) พ่อแม่มอบหมายหน้าที่ทำงานบ้าน พ่อแม่ชาวญี่ปุ่นส่วนใหญ่ยังมอบหมายหน้าที่ทำงานบ้านให้กับลูกๆด้วย ซึ่งไม่ใช่การสั่งทีทำที แต่เป็นหน้าที่รับผิดชอบของตัวเอง เช่น ล้างจานทุกเย็น ถูบ้านทุกวันเสาร์ เก็บห้องทุกอาทิตย์ ฯลฯ ยังมีผลวิจัยระบุว่าการมอบหมายหน้าที่ทำงานบ้านให้เด็กจะทำให้เด็กโตมามีความรับผิดชอบและรู้จักจัดสรรเวลาของตัวเองอย่างมีประสิทธิภาพ เพราะเด็กจะต้องคิดว่าจะทำอะไรก่อนหลัง เช่น เวลาไหนควรทำการบ้าน ทำงานบ้าน เล่นกับเพื่อน ฯลฯ
เด็กๆจะมองว่างานบ้านเป็นความรับผิดชอบของตัวเองในฐานะสมาชิกหนึ่งของครอบครัว ซึ่งข้อนี้ดิฉันว่าต่างจากหลายๆครอบครัวในประเทศไทยที่อาจคิดว่าเด็กๆมีหน้าที่เพียงแค่เรียนอย่างเดียว การไม่ให้ลูกรับผิดชอบงานบ้านเลยกลับจะทำให้เด็กโตมาไร้ระเบียบวินัยและไม่มีความรับผิดชอบต่อตัวเองและผู้อื่น
4) พ่อแม่สอนเรื่องความเกรงใจและไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อน พ่อแม่ชาวญี่ปุ่นจะเน้นสอนเรื่องมารยาทสังคม การไม่ทำความเดือดร้อนให้คนอื่น ไม่พูดจาไม่ดีทำร้ายจิตใจคนอื่น (ถึงแม้ในใจอาจไม่ได้คิดแบบนั้นจริงๆ) ดังนั้นเด็กญี่ปุ่นเมื่อเข้าที่สาธารณะ ไม่ว่าจะเป็น ร้านอาหาร ซุปเปอร์มาร์เก็ต รถไฟ จะสำรวมเรียบร้อยไม่ส่งเสียงดัง เพราะถูกพ่อแม่และครูสอนมาตั้งแต่เล็กว่า “ก่อนพูดหรือทำอะไร ให้คิดถึงคนรอบข้างเสมอ” ทุกการกระทำของเด็กจะถูกไตร่ตรองมาแล้วว่าไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อน เด็กจึงควบคุมพฤติกรรมตนเองให้เหมาะสมและรู้จักยับยั้งชั่งใจ เมื่อโตมาบุคลิกภาพของคนญี่ปุ่นจึงมีความขี้เกรงใจแบบสุดๆ และมีระเบียบวินัยมาก เช่น ไม่กล้าแซงคิว รีบโทรมาบอกหากต้องการเลื่อนนัด ไม่คุยกันในรถไฟฟ้าหรือในลิฟต์
(อ่านเพิ่มเติมได้จากตอน “ความเกรงใจคือสมบัติของคนญี่ปุ่น”) https://www.marumura.com/japanese-so-care/
อย่างไรก็ดี การถูกเลี้ยงดูแบบนี้ยังทำให้ชาวญี่ปุ่นมีความรู้สึกผิดชอบชั่วดีสูงเมื่อทำความผิด และมีความละอายต่อความผิดพลาดจากการกระทำของตนจนถึงขั้นโทษตัวเอง ดังจะเห็นได้จาก การฮาราคีรีหรือคว้านท้องตัวเองในสมัยโบราณเมื่อพ่ายแพ้ต่อศัตรู การที่ประธานบริษัทหลายๆแห่งการออกมากล่าวคำนับขอโทษและรับผิดชอบด้วยการลาออกเมื่อดำเนินการบริหารผิดพลาด หรือแม้แต่การฆ่าตัวตายของคนญี่ปุ่นก็มีสาเหตุมาจากการรู้สึกที่ต้องชดใช้ความผิด เช่น สอบเข้าไม่ได้ ตกงาน ฯลฯ
5) โรงเรียนสอนความรับผิดชอบและหน้าที่ต่อส่วนรวม ดิฉันรู้สึกประทับใจจากการได้ไปสอนเด็กนักเรียนญี่ปุ่น เพราะเด็กๆที่โรงเรียนจะได้รับมอบหมายความรับผิดชอบ เช่น ในช่วงรับประทานอาหารกลางวัน เด็กจะมีเวรในการไปนำอาหารจากห้องปรุงมายังห้องเรียน และคนเป็นเวรก็จะต้องตักอาหารใส่ถาดให้เพื่อนๆทั้งห้อง แต่ละโต๊ะต้องส่งตัวแทนมารับนมและขนม หากมีอาหารส่วนกลางเหลือ เด็กจะวางแผนแจกจ่ายจนหมดโดยการเป่ายิ้งฉุบหรือการแข่งขันอื่นๆ พอรับประทานเสร็จ (ซึ่งจะต้องรับประทานให้หมด) เด็กจะต้องเก็บถาดอาหาร แปรงฟัน เช็ดโต๊ะ ถูพื้นห้องและพื้นที่ส่วนกลางต่างๆของโรงเรียนด้วย ก่อนที่จะไปเล่นได้ในช่วงพักกลางวัน
สามารถดูเพิ่มเติมจากคลิปนี้ค่ะ
6) การใช้คำพูดดีๆ กับเด็ก แม่ชาวญี่ปุ่นไม่ค่อยแสดงอาการก้าวร้าว ไม่พอใจ ตำหนิหรือตวาดด้วยถ้อยคำรุนแรง แต่จะใช้วิธีค่อยๆพูดอธิบายลูกอย่างสุภาพและใจเย็น โดยบอกผลเสียที่เกิดจากพฤติกรรมของลูก ทำให้เด็กสำนึกถึงการกระทำนั้นแล้วจึงค่อยปรับลงโทษอย่างสมเหตุสมผล ดิฉันคิดว่าเป็นวิธีที่ดีมาก เพราะคำตวาดและคำพูดจาทำร้ายจิตใจจะฝังลงในจิตใต้สำนึกของเด็กทำให้เด็กโตมาเป็นคนหวาดระแวง มีความคิดด้านลบและรู้สึกว่าไม่ได้รับความรักอย่างเพียงพอ จึงเกิดความ เหงา ว้าเหว่ ไม่มั่นใจ และไม่ภูมิใจในตัวเอง
7) คติสอนใจในภาพยนตร์ญี่ปุ่น ทั้งการ์ตูนและซีรีย์ญี่ปุ่นมักจะมีคติสอนใจแบบเดียวกันคือ “สู้ต่อไป” และ “ทำเพื่อส่วนรวม” ซึ่งเน้นความรับผิดชอบต่อหน้าที่ของตัวเองโดยการทำหน้าที่ของตัวเองด้วยความพยายาม ไม่ท้อถอย ไม่หวั่นไหวเมื่อมีอุปสรรค รวมไปถึงการยอมลำบาก ยอมเสียสละเพื่อส่วนรวม สิ่งเหล่านี้สะท้อนทัศนคติชาวญี่ปุ่นเป็นอย่างดี
เรียกได้ว่าการปลูกฝังในวัยเด็กจะเน้นให้เด็กทำตามสิ่งที่คนอื่นบอกมากกว่าการทำตามใจตัวเอง ดังนั้นเด็กญี่ปุ่นจะมีการกำกับควบคุมตัวเอง มีระเบียบวินัยและมีความเห็นอกเห็นใจคนอื่น ซึ่งต่างจากเด็กชาวตะวันตกที่ถูกเลี้ยงดูมาในลักษณะกล้าแสดงออกบอกความรู้สึกตัวเอง อย่างไรก็ตามหากเข้มงวดมากเกินไปต่อความรู้สึกของผู้อื่น เด็กก็จะโตมาเป็นคนช่างวิตกกังวลและไม่เป็นตัวของตัวเองได้เช่นกัน ดังนั้นที่กล่าวมาไม่ได้หมายความว่าการเลี้ยงลูกแบบชาวญี่ปุ่นจะดีไปทุกอย่าง แต่อย่างน้อยก็เป็นการเลี้ยงที่สร้างเด็กที่มีระเบียบวินัย รู้จักรับผิดชอบต่อตัวเองและสังคม และไม่ทำให้ใครเดือดร้อนค่ะ
สามารถติดตามเรื่องราวแรงบันดาลใจในการทำธุรกิจด้วยความรักในหนังสือ “Japan Success ธุรกิจสำเร็จได้ด้วยใจรัก” ตามแผงหนังสือชั้นนำ และ สามารถพูดคุยสื่อสารกับพิชชารัศมิ์ได้ที่ FB: Life Inspired by พิชชารัศมิ์
เรื่องแนะนำ :
– มหัศจรรย์แห่งน้ำ คำตอบเพื่อชีวิตที่ดีกว่า
– ทำไม Kitkat ถึงได้ฮิตในญี่ปุ่น
– ตู้กดสารพัดสิ่ง สะท้อนสังคมญี่ปุ่น
– ความสุข (ในงาน) แท้จริง คือสิ่งใด
– Antenna Shops สินค้าเมืองไกล ที่หาได้ในเมืองหลวง ต้นแบบดีๆ จากญี่ปุ่น
– ความพยายามของญี่ปุ่นในการให้พนักงานทำงานน้อยลงและไม่ต้องเข้าออฟฟิศ