![]() |
พลเอกบัญชร ชวาลศิลป์ เป็นทหารอาชีพเต็มตัวที่เริ่มงานเขียนสู่สาธารณะตั้งแต่ปี 2524 ด้วยเรื่องราวของชีวิตนักเรียนนายร้อยในชุด “สอยดาวมาร้อยบ่า” ซึ่งต่อมากลายเป็นภาพยนตร์และละครโทรทัศน์ “นายร้อยสอยดาว” ปัจจุบันมีงานเขียนประจำอยู่ในสยามรัฐทั้งรายวันและรายสัปดาห์ และยังเป็นผู้ดำเนินรายการโทรทัศน์และวิทยุอีกด้วย เกษียณอายุราชการได้หลายปีแล้ว เลือกที่จะใช้ชีวิตสบายๆ จึงมีเวลาเต็มที่สำหรับการใช้ชีวิตกลางแจ้งตามสไตล์ที่ชื่นชอบ รวมทั้งยังคงมีเวลาให้กับการอ่าน ดูหนัง ฟังเพลง ซึ่งปฏิบัติมาตั้งแต่ยังเป็นเด็ก ระยะหลังๆ ให้ความสนใจและค้นคว้าเรื่องราวในอดีตตามประสาคนสูงวัย โดยเฉพาะประวัติศาสตร์สงครามจึงกลายเป็นวัตถุดิบที่อยากนำมาแลกเปลี่ยนแง่มุมความคิดกับทุกท่าน |
พบกันได้ทุกวันศุกร์เวลา 12.00 น.ถึง 13.30 น.ทาง FM 101 ในรายการ “เสธ.บัญชร ชวนคุย” ที่จัดคู่กับนฤนารท พระปัญญา
ติดตามคอลัมน์ รอยล้อประวัติศาสตร์ ได้ทุกเช้าวันพุธใน www.marumura.com

แม้ “กำลังรบที่มีตัวตน” จะมีจำกัด แต่ที่คูริบายาชิผู้บัญชาการกองกำลังป้องกันอิโวจิมาและผู้ใต้บังคับบัญชามีอยู่เต็มเปี่ยมคือ “กำลังรบที่ไม่มีตัวตน” ทหารญี่ปุ่นทุกคนบนเกาะน้อยแห่งนี้รวมใจเป็นหนึ่งและล้วนรับรู้ชะตากรรมของตนเอง พวกเขาอุทิศชีวิตแด่ประเทศชาติและองค์พระจักรพรรดิ ทุ่มเททำงานหนักอย่างไม่คิดชีวิต จนอีกไม่นาน เกาะแห่งนี้ก็กลายเป็นป้อมประการที่ดูภายนอกไร้พิษสง แต่ตลอดทั่วทุกพื้นที่กลับเต็มไปด้วยที่มั่นอันแข็งแกร่ง โดยเฉพาะตัวสนามบินที่อยู่บริเวณที่ราบสูงด้านเหนือซึ่งเป็นที่หมายสำคัญของทั้งสองฝ่าย
ตัวยอดเขาซูริบาชิอันเป็นภูมิประเทศสำคัญที่สามารถตรวจการณ์ได้ครอบคลุมแทบทุกตารางนิ้วบนเกาะ บัดนี้เต็มไปด้วยรังปืนกลและเครื่องยิงลูกระเบิด ทุกจุดเชื่อมต่อถึงกันราวไยแมงมุมทั้งแนวสนามเพลาะเปิดและปิด รวมทั้งอุโมงค์น้อยใหญ่ที่เชื่อมต่อถึงกันภายในตัวขุนเขา ทหารทุกคนได้รับการฝึกฝนจนเชี่ยวชาญในการใช้อาวุธและการดำเนินกลยุทธทั้งปวงเพื่อรักษาเกาะแห่งนี้ไว้ด้วยชีวิต แต่ถึงกระนั้น คูริบายาชิก็ตระหนักดีว่า ถึงที่สุดแล้วเขาคงไม่สามารถป้องกันอิโวจิมาไว้ได้ และนั่นย่อมหมายถึงการดับสิ้นของเขา จดหมายฉบับหนึ่งที่เขียนไปถึงลูกชายปรากฏข้อความว่า
“ชีวิตพ่อเหมือนตะเกียงในสายลม”
พันโท ทาเกะอิชิ นิชิ ตัวละครหนึ่งในภาพยนตร์ Letters from Iwo Jima ที่มีบทบาทน่าประทับใจนั้นมีตัวตนจริงในประวัติศาสตร์นองเลือดแห่งอิโวจิมาครั้งนี้ เขาเป็นผู้บังคับการกรมรถถังที่ 26 เป็นขุนนางระดับ “บารอน” จากตระกูลเก่าแก่มั่งคั่งของญี่ปุ่น เป็นนักกีฬาขี่ม้ารูปหล่อที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติเนื่องจากเคยชนะเลิศได้รับรางวัลเหรียญทองจากการแข่งขันขี่ม้าข้ามเครื่องกีดขวางในกีฬาโอลิมปิค ที่ลอสแอนเจลีส เมื่อปี 1932 ก่อนเกิดสงครามครั้งนี้ไม่ถึง 10 ปี
นิชิยึดมั่นในความรับผิดชอบต่อภารกิจป้องกันเกาะอิโวจิมาเป็นอย่างยิ่งไม่แตกต่างจากผู้บัญชาการคูริบายาชิ แม้จะรู้สึกไม่สบอารมณ์นัก เมื่อได้รับคำสั่งให้รถถังในบังคับบัญชาของเขาทุกคนฝังตัวลงไปในพื้นดิน แล้วโผล่ขึ้นมาเฉพาะส่วนป้อมปืนเพื่อใช้อาวุธปืนใหญ่ยิงป้องกันพื้นที่เท่านั้น ในฐานะทหารม้าที่มีความภาคภูมิใจกับคุณลักษณะประจำเหล่าในเรื่องความคล่องแคล่วในการเคลื่อนที่ “ความรวดเร็ว” กับอำนาจการยิง “ความเด็ดขาด” เมื่อได้รับคำสั่งจากคูริบายาชิเช่นนี้จึงทำให้เขาเสียคุณลักษณะประจำเหล่าทหารม้าไปอย่างสิ้นเชิง เหมือนม้าที่ถูกผูกตรึงไว้ ไม่มีโอกาสจะผาดโผนเข้าประจัญบานดั่งเช่นบรรพชนทหารม้าถือปฏิบัติสืบเนื่องกันมารุ่นแล้วรุ่นเล่า
ก่อนการมาถึงของกองกำลังสหรัฐไม่นานนัก นิชิเดินทางกลับไปยังกรุงโตเกียวเพื่อรับรถถังและอาวุธยุทโธปกรณ์กลับมาใช้งานที่อิโวจิมา เพื่อนฝูงของเขาในกองบัญชาการเห็นสภาพอันทรุดโทรมจากสุขภาพย่ำแย่ของเขา จึงเสนอว่าจะดำเนินการโยกย้ายเขากลับมาโตเกียว แต่เขากลับปฏิเสธอย่างแข็งขันและแสดงความมุ่งมั่นเด็ดเดี่ยวที่จะกลับไปทำหน้าที่ยังอิโวจิมาเคียงข้างเพื่อนนักรบที่รอเขาอยู่ที่นั่น
เขาได้แต่สัญญากับเมียและลูกๆ ครั้งสุดท้ายก่อนอำลากลับอิโวจิมาว่า จะพยายามอย่างที่สุดที่จะรักษาชีวิตไว้ให้ได้ ซึ่งเขารู้ดีอยู่แก่ใจว่า เป็นไปไม่ได้
ขณะที่คูริบายาชิและเพื่อนร่วมชีวิตบนอิโวจิมากำลังเฝ้ารอวันเวลาแตกหักแห่งอิโวจิมาที่ใกล้เข้ามาทุกขณะนั้น บนเกาะใหญ่ญี่ปุ่นไม่มีพื้นที่ไหนปลอดภัยจากเครื่องบินทิ้งระเบิด บี – 29 ของอเมริกันแล้วอีกต่อไป จดหมายจากคูริบายาชิถึงภรรยา แสดงความหนักใจกับข่าวที่ได้รับและพยายามแนะนำวิธีการต่างๆ ที่จะทำให้หลุมหลบภัยใต้สนามหน้าบ้านของเขาแข็งแรงขึ้น เช่น ให้ถมดินให้หนาขึ้น ให้ทาโรลูกชายของเขาเอาไม้หนาๆ มาทำประตูเข้าหลุมหลบภัย โยอิชิภรรยาของเขาควรใส่เสื้อผ้าหลายๆ ชั้นและมีผ้าพันท้องเพื่อให้ร่างกายอบอุ่น หลังจากอาบน้ำแล้วต้องเช็ดมือและเท้าให้แห้งสนิทผิวจะได้ไม่แตกและอย่าลืมนำขวดน้ำร้อนติดตัวไปด้วยทุกครั้งเพื่อความอบอุ่นขณะหลบภัยทางอากาศ
คูริบายาชิตั้งกองบัญชาการไว้ที่ปลายด้านเหนือสุดของตัวเกาะหวังให้เป็นที่มั่นตั้งรับสุดท้ายของเขาเพราะถัดจากนี้ไปก็ตกทะเล จดหมายฉบับสุดท้ายที่ภรรยาของเขาได้รับยังคงมีคำเตือนให้ทุกคนระมัดระวังสุขภาพ อย่าให้เจ็บป่วยเป็นอันขาด คูริบายาชิบอกกับภรรยาอย่างตรงไปตรงมาว่า เขาคงจะสิ้นชีวิตลงที่เกาะอิโวจิมาแห่งนี้ โดยที่แม้แต่กระดูกก็ไม่อาจส่งกลับไปได้ ซึ่งโยอิชิจะต้องยอมรับชะตากรรมนี้ และย้ำถามว่าโยอิชิสบายดีหรือเปล่า ย้ายออกไปจากกรุงโตเกียวตามคำแนะนำก่อนหน้านี้หรือยัง-อีกครั้งที่บอกให้ระวังตัวจากไข้หวัด
ปิดท้ายว่าต้องรีบจบจดหมายลงเพียงเท่านี้ เพราะเครื่องบินเที่ยวสุดท้ายสู่กรุงโตเกียวกำลังจะออกเดินทางแล้ว.
ติดตามคอลัมน์ รอยล้อประวัติศาสตร์ ได้ทุกเช้าวันพฤหัสบดี ใน www.marumura.com