“Tonight, At Romance Theater” หนังญี่ปุ่นเข้าไทย พฤษภาคม 2018 … นางเอกจากภาพยนตร์ขาวดำและเด็กหนุ่มที่มีชีวิตอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริง จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อสองคนที่ไม่มีทางพานพบ ได้มาพบเจอกัน…
เรียบเรียงโดย : ทีมงาน www.marumura.com
Tonight, At Romance Theater
กำหนดฉาย 3 พฤษภาคม 2561
ตัวอย่างภาพยนตร์ (บรรยายไทย)
https://youtu.be/VUIavqnmYqs
นางเอกจากภาพยนตร์ขาวดำและเด็กหนุ่มที่มีชีวิตอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริง จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อสองคนที่ไม่มีทางพานพบ ได้มาพบเจอกัน และนั่นคือจุดเริ่มต้นของความรักที่ทั้งโรแมนติกและแสนเจ็บปวด
Introduction
มิยูกิ หญิงสาวที่ปรากฏตัวต่อหน้าเคนจิ เด็กหนุ่มที่ฝันจะเป็นผู้กำกับภาพยนตร์ เธอคือเจ้าหญิงในภาพยนตร์ที่เขาใฝ่ฝันมาตลอด ความรู้สึกอยากพบเจอบังเกิดเป็นปาฏิหาริย์ ชักนำให้ทั้งสองที่ไม่มีวันพานพบได้มาพบเจอกัน แล้วความรักของพวกเขาจะเป็นอย่างไรต่อไป…..
ผู้ที่มารับบทนางเอก “มิยูกิ” อายาเสะ ฮารุกะ นักแสดงหญิงที่ในวงการภาพยนตร์ญี่ปุ่นจะขาดเธอไปไม่ได้ เธอได้รับรางวัลนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม ในงาน “Japan Academy Award ครั้งที่ 39” จากภาพยนตร์เรื่อง “Our Little Sister”
ส่วนเคนจิที่ตกหลุมรักมิยูกิ รับบทโดย ซาคากุจิ เคนทาโร่ ซึ่งแจ้งเกิดจากเรื่อง “No Longer Heroine” และได้รับรางวัลนักแสดงนำชายหน้าใหม่ในงาน “Japan Academy Award ครั้งที่ 40” จากภาพยนตร์เรื่อง “64 Rokuyon” และเป็นที่รู้จักในไทยจากภาพยนตร์เรื่อง The 100th love with you ย้อนรัก 100 ครั้งก็ยังเป็นเธอ
นอกจากนี้ยังมีนักแสดงมากความสามารถ ตั้งแต่วัยหนุ่มสาวไปจนถึงนักแสดงอาวุโส เช่น ฮอนดะ ซึบาสะ ซึ่งรับบทลูกสาวเจ้าของบริษัทภาพยนตร์ที่มีใจให้กับเคนจิ คาซึกิ คิตามูระ ที่มารับบท ชุนโด เรียวโนะสุเกะ รวมไปถึงนักแสดงอื่นๆ อย่าง ยามานากะ ชินทาโร่, อิชิบาชิ อันนา, เอโมโตะ อากิระ และ คาโต้ โก
และคนมาถ่ายทอดเรื่องราวความรักโรแมนติกและอัศจรรย์นี้สู่จอภาพยนตร์ก็คือผู้กำกับทาเคะอุจิ อิเดกิ ที่ผ่านการกำกับละครดังมานับไม่ถ้วน และมีผลงานการกำกับชิ้นเอกอย่าง “Thermae Romae” และ “Nodame Cantabile”
ผลงานต้นฉบับและบทภาพยนตร์โดยนักเขียนมากความสามารถ อุยามะ เคสุเกะ ที่เคยเขียนบทให้กับละครและภาพยนตร์เรื่อง “Nobunaga Concerto “
นอกจากนี้ ยังได้นักร้องฉายาเจ้าหญิงเพลงรักที่ร้องเพลงแนวญี่ปุ่นผสมตะวันตกอย่างชาแนล มาร้องเพลงประกอบภาพยนตร์ที่ช่วยแต่งแต้มสีสันให้กับความรักของมิยูกิและเคนจิ ในเพลงที่ชื่อว่า “Kiseki” (ปาฏิหาริย์) อีกด้วย
Story
เคนจิ (ซาคากุจิ เคนทาโร่) เด็กหนุ่มที่ฝันจะเป็นผู้กำกับภาพยนตร์ เขาแอบมีใจให้กับมิยูกิ (อายาเสะ ฮารุกะ) เจ้าหญิงจากภาพยนตร์ขาวดำเก่าๆ ที่พบในห้องฉายหนังของ “โรงละคร Romance” ที่เขาเข้าออกทุกวันเพื่อชมภาพยนตร์เรื่องเดิมที่ไม่เคยมีใครชมมาก่อน แต่ทว่าวันหนึ่งปาฏิหาริย์ก็เกิดขึ้นต่อหน้าเขา อยู่ๆ มิยูกิก็ปรากฏตัวขึ้น ตั้งแต่วันนั้นมา ทั้งคู่จึงเริ่มอาศัยอยู่ร่วมกันท่ามกลางความสัมพันธ์แปลกๆ
เคนจิได้พามิยูกิที่เดิมทีรู้จักแต่โลกขาวดำไปรู้จักกับโลกแห่งความจริงที่เต็มไปด้วยสีสัน พวกเขาใช้เวลาในแต่ละวันร่วมกัน จนทั้งคู่ต่างก็เริ่มมีใจให้กัน แต่ทว่ามิยูกิก็มีความลับอยู่ นั่นก็คือตัวของเธอจะหายไปเมื่อได้สัมผัสตัวคนที่เธอรัก เป็นข้อแลกเปลี่ยนกับการที่เธอข้ามมาสู่โลกแห่งความจริง แถมมิยูกิยังมารู้อีกว่าลูกสาวของเจ้าของบริษัทภาพยนตร์ โทโกะ (ฮอนดะ ซึบาสะ) เองก็แอบมีใจให้เคนจิ
เพราะรักจึงอยากสัมผัส แต่กลับสัมผัสไม่ได้….. ทั้งคู่จะเผชิญหน้ากับความจริงอันเจ็บปวดนี้อย่างไร บทสรุปจะออกมาแบบไหนพบคำตอบได้ใน Tonight, At Romance Theater
Theme song
ชื่อเพลง: 奇跡 (Kiseki) “ ปาฏิหาริย์” คำร้อง: คานาตะ โอคาจิมะ
ทำนอง: FAST LANE, ชาแนล (Che’Nelle) นักร้อง: ชาแนล (Che’Nelle)
ชาแนลแต่งทำนองเพลง “Kiseki” เพื่อใช้เป็นเพลงประกอบหลักให้กับภาพยนตร์เรื่องนี้ เธอบรรยายภาพต่างๆ โดยใช้โน้ตดนตรีและเนื้อเพลงเศร้าๆ ในการถ่ายทอดความรู้สึกของมิยูกิกับเคนจิที่ “อยากครองคู่แม้ไม่อาจสมหวังในรัก” ได้อย่างตรงไปตรงมาและสะเทือนอารมณ์
ความคิดเห็นของชาแนล
ตื่นเต้นมากค่ะที่ได้ร้องเพลงประกอบให้กับ “ Tonight, At Romance Theater” เพราะมันคือภาพยนตร์ที่สร้างแรงบันดาลใจให้ผู้คน มีเนื้อหาหลักที่พูดถึงรักแท้ที่พร้อมจะเข้าใจอีกฝ่ายอย่างถึงที่สุด ฉันคิดว่าภาพยนตร์รักเรื่องนี้น่ารักสุดๆ เลยค่ะ ทั้งยังเป็นเรื่องแนวเจ้าหญิงที่ทุกคนต้องชอบมากแน่ๆ ดีใจแล้วก็สนุกมากนะคะที่ได้ร้องเพลงที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับปาฏิหาริย์ที่เกิดจากความอยากพบ มีพรหมลิขิตที่ชักนำให้ตัวละครมาพบกัน ขอบคุณมากค่ะที่ให้ฉันได้เป็นส่วนหนึ่งในภาพยนตร์สุดวิเศษเรื่องนี้
ความคิดเห็นของ อายาเสะ ฮารุกะ
ขอบคุณสำหรับองค์ประกอบเพลงดีๆ ที่ช่วยให้สัมผัสได้ถึงความรักของเคนจิและมิยูกิในเรื่อง ตั้งตารอฟังเพลงนี้ที่อยู่ในภาพยนตร์เลยล่ะค่ะ คุณชาแนล ร้องไว้เพราะมากจริงๆ ไปรับชมภาพยนตร์เรื่อง Tonight, At Romance Theater กันให้ได้นะคะ
ความคิดเห็นของ ซาคากุจิ เคนทาโร่
เพลงนี้มีความอ่อนโยนฟัง ฟังสบายๆ ทำให้ผมนึกถึงความรู้สึกของเคนจิตอนที่ถ่ายทำ นึกถึงความประทับใจตอนที่ได้ท่องบท พอได้ยินเพลงนี้ ภาพต่างๆ ในเรื่องก็ผุดขึ้นมาทันทีเลยครับ ทำนองว่าดนตรีแบบนี้เลย ขอบคุณมากนะครับ คุณชาแนล
ความคิดเห็นของโปรดิวเซอร์ อินาบะ นาโอโตะ
ภาพยนตร์เรื่องนี้เริ่มต้นมาก็วุ่นวายและไม่มีจุดหมายชัดเจน แต่ในที่สุดก็ได้เป็นเรื่องราวความรักแสนเศร้า แน่นอนว่าต่อจากนั้นก็ต้องหาคนมาร้องเพลงรักช้าๆ เพราะๆ ซึ่งมีความเป็นสากล จนมาลงเอยที่คุณชาแนล ที่ตอบโจทย์นี้พอดี ตอนแรกผมก็ยังแอบกังวลว่าคนจะให้การตอบรับยังไงกับเพลงที่มีเนื้อหาสองขั้ว ทั้งสุขและทุกข์จากการได้รักใครสักคนแบบนี้ แต่พอได้ฟังตัวเดโม่ ความกังวลที่ว่าก็หายไปพร้อมกับน้ำตาที่อยู่ๆ ก็ไหลออกมาเอง ยังอิ่มเอมใจกับช่วงเวลาที่ได้เห็นเพลงรักช้าๆ ที่มีความงดงามเพลงนี้ถือกำเนิดขึ้นมาไม่หายเลยครับ
ทีมนักแสดง
อายาเสะ ฮารุกะ (มิยูกิ)
เกิดวันที่ 24 มีนาคม 1985 จังหวัดฮิโรชิม่า เธอคือนักแสดงที่ได้รับความนิยมอย่างสูง มีผลงานที่น่าจดจำหลายต่อหลายเรื่อง ตั้งแต่ละครทีวี ภาพยนตร์ โฆษณา และอื่นๆ เธอเริ่มเป็นที่สนใจจากละครเรื่อง Crying Out Love, in the Center of the World(2004) มีผลงานการแสดงที่ได้รับความนิยมหลายเรื่อง เช่น Into the White Night(2006), Hotaru no Hikari(2007), Jin(2009) นอกจากนี้ยังได้รับรางวัลนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมในงาน Japan Academy Award และงาน Blue Ribbon Awards จากภาพยนตร์เรื่อง Oppai Volleyball(2009), ได้รับรางวัลนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมในงาน Japan Academy Award เป็นครั้งที่สองจากเรื่อง Our Little Sister(2015), รางวัลนักแสดงหญิงยอดเยี่ยมจากงาน TAMA Cinema Award ครั้งที่ 7, รางวัลนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม อิชิฮาระ ยูจิโร่ ซึ่งเป็นรางวัลใหญ่ของงาน Nikkan Sports Film Award ครั้งที่ 28, รางวัลนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมในงาน Yokohama film festival ครั้งที่ 37, งาน Tokyo Sports Film Award ครั้งที่ 25, งาน Mainichi Film Awards ครั้งที่ 70 เป็นต้น
ผลงานภาพยนตร์หลักๆ ได้แก่ The Magic Hour(2008), Princess Toyotomi(2011), All-Round Appraiser Q: The Eyes of Mona Lisa(2014), Galaxy Turnpike(2015), Ishibumi(2016), The Kodai Family(2016) และ Honnouji Hotel(2017)
ซาคากุจิ เคนทาโร่ (มากิโนะ เคนจิ)
เกิดวันที่ 11 กรกฎาคม 1991 กรุงโตเกียว เข้าวงการบันเทิงโดยการออดิชั่น MEN’S NON-NO ครั้งที่ 25 เดบิวต์เป็นนักแสดงจากภาพยนตร์เรื่อง Shanti Days 365 Days, Happy Breath(2014) ได้รับรางวัลนักแสดงชายหน้าใหม่ในงาน Osaka Asian Film Festival ปี 2015 นอกจากนี้ยังได้รับรางวัลนักแสดงชายหน้าใหม่จากงาน Japan Academy Award ครั้งที่ 40 และงาน Elan d’or Awards ครั้งที่ 41 จากภาพยนตร์เรื่อง 64 Rokuyon(2016)
ผลงานภาพยนตร์หลักๆ ได้แก่ Our Little Sister(2015), No Longer Heroine(2015), My Love Story!!(2015), At Home (2015), The Inerasable(2015), Golden Orchestra(2016), The 100th Love with You(2017), Narratage(2017)
ผลงานละครทีวี Kounodori(2015, 2017), Love That Makes You Cry(2016), ทีวีซีรีส์จากนิยายของช่อง NHK Toto Nee-Chan(2016), Juhan Shuttai!(2016), Mohouhan(2016), Tokyo Tarareba Girls (2017), I’m Sorry, I Love You(2017) และยังได้แสดงละครเวทีเรื่อง Kamome ในปี 2016 อีกด้วย
ฮอนดะ ซึบาสะ (นารุเสะ โทโกะ)
เกิดวันที่ 27 มิถุนายน 1992 กรุงโตเกียว เข้าวงการจากการเป็นนางแบบในปี 2004 เริ่มเป็นที่สนใจจากผลงานละครเรื่อง GTO(2012), Tonbi(2013) ได้รับบทนางเอกครั้งแรกในปี 2015 จากเรื่อง Koinaka ซึ่งฉายในเวลาไพร์มไทม์ รับบทแสดงนำในเรื่องความรักขื่นขมของเด็กนักเรียนในเรื่อง Blue Spring Ride(2014) นอกจากนี้ก็มีภาพยนตร์เรื่อง Night’s Tightrope(2016) ได้แสดงบทบาทที่ต่างไปจากเดิมในเรื่อง Kishuten Eki Terminal(2015) ที่ฉายปิดใน Tokyo International Film Festival ครั้งที่ 28
ผลงานภาพยนตร์หลักๆ ได้แก่ Enoshima Prism (2013), It All Began When I Met You(2013), Fullmetal Alchemist (2017) ผลงานละครทีวี Pretty Proofreader (2016), Caution และ Hazardous Wife(2017)
คิตามูระ คาซึกิ (ชุนโด เรียวโนะสุเกะ)
เกิดวันที่ 17 กรกฎาคม 1969 จังหวัดโอซาก้า เข้าวงการเป็นนักแสดงปี 1990 ได้รับรางวัลนักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยมในงาน Yokohama Film Festival จากเรื่อง Minazuki(1999) ได้รับรางวัลนักแสดงชายหน้าใหม่ของ Kinema Junpo จากเรื่อง Japan Underworld(1999) และอื่นๆ อีกหลายรางวัล มีผลงานการแสดงกับผู้กำกับมิอิเกะ ทาคาชิ หลายเรื่อง แสดงนำในเรื่อง Like a Dragon(2007)
ผลงานภาพยนตร์หลักๆ ได้แก่ Suspect X(2008), DumBeast(2009) ผลงานละครทีวี ละครไทกะช่อง NHK Tenchijin(2009) ซีรีส์ Thermae Romae(2012,2014), Japan’s Tragedy(2013) ซีรีส์ Parasyte(2014,2015), Neko Zamurai(2014,2015) ผลงานที่กำลังจะฉาย ภาพยนตร์เรื่อง The 8-Year Engagement(2017) และ The Scythian Lamb(2018)
ยามานากะ ชินทาโร่ (นากาโอะ อากิโยชิ)
เกิดวันที่ 30 มิถุนายน 1988 กรุงโตเกียว เข้าวงการจากบทเด็กในละครทีวีปี 2000 เรื่อง Mama masshigura! จากนั้นก็มีผลงานอีกหลายเรื่อง ตั้งแต่รายการทีวี ภาพยนตร์ รวมถึงละครเวที
ผลงานภาพยนตร์หลักๆ ได้แก่ Rookies (2009), Time Traveller(2010), Crossroads(2011), The Floating Castle(2012), Furiko(2015), My Love Story!!(2015), Samurai Hustle Returns (2016), Linking Love (2017) ผลงานละครทีวี Rookies(2008), ละครไทกะช่อง NHK เรื่อง Gunshi Kanbei(2014), Chushingura: A 48th Loyal Retainer in Love(2016-2017) และเรื่อง Caution, Hazardous Wife(2017)
อิชิบาชิ อันนา (โยชิคาวะ เท็นอน)
เกิดวันที่ 12 กรกฎาคม 1992 จังหวัดฟุคุโอกะ เข้าวงการจากงาน Hori Pro-talent Scout Caravan ครั้งที่ 31 ปี 2006 แสดงนำครั้งแรกในเรื่อง Shissou Holiday(2007) แสดงนำในภาพยนตร์ครั้งแรกเรื่อง Your Friends(2008) ได้รับการยอมรับอย่างมากจากที่ได้รางวัลนักแสดงหน้าใหม่ยอดเยี่ยมในงาน Yokohama Film Festival ครั้งที่ 30 แสดงในละครสั้นของ LIFE!~ Jinsei ni sasageru konto
ผลงานการแสดงหลักๆ ได้แก่ L-DK (2014), The Emperor’s Cook(2015) ละครไทกะของช่อง NHK เรื่อง Hana Moyu(2015), Mutsu: Mieru Me(2015) และ Confession of Murder(2017)
เอโมโตะ อากิระ (ฮอนดะ ทาดาชิ)
เกิดวันที่ 3 พฤศจิกายน 1948 กรุงโตเกียว ก่อตั้งบริษัทละคร Tokyo Kandenchi ในปี 1976 ได้รับรางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมในงาน Hochi Film Award จากเรื่อง Dr.Akagi(1998) จากนั้นมาก็ได้รับรางวัลในภาพยนตร์หลายเรื่อง ได้รับเหรียญเกียรติยศสีม่วงซึ่งมอบแก่บุคคลที่ได้สนับสนุนต่อการพัฒนาและการปรับปรุงทางวิชาการและศิลปะจนประสบวามสำเร็จ ในปี 2011
ผลงานภาพยนตร์หลักๆ ได้แก่ The Mohican Comes Home(2016), Survival Family (2017), Inumukoiri(2017) และ Neko Ninja(2017)
คาโต้ โก (ผู้สูงอายุในห้องผู้ป่วย)
เกิดวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 1938 จังหวัดชิซุโอกะ เข้าวงการจากเรื่อง Ningen no Jouken 1962 จากนั้นมาก็รับงานละครเวที ภาพยนตร์ และละครทีวีอีกมากมาย เคยเล่นเป็น โอโอกะ ทาดาสุเกะ ในเรื่อง Ooka Echizen(1970-1999) ละครยาวที่ออกอากาศประมาณ 30 ปี
ผลงานภาพยนตร์หลักๆ ได้แก่ The Long Darkness(1972), The Castle of Sand(1974), These Children Survive Me(1983), The Unbroken(2009), The Great Passage(2013), ละครทีวี Kenkyaku Shoubai(1973) ละครไทกะ Kaze to Kumo to Niji to(1976), Shishi no Jidai(1980), Saka no ue no Kumo(2009-2011)
Characters
มิยูกิ รับบทโดย อายาเสะ ฮารุกะ
เจ้าหญิงจากภาพยนตร์ขาวดำที่ โผล่มายังโลกแห่งความเป็นจริงเพราะอยากไปสัมผัสโลกสีสันที่ตนเองเห็นจากในจอภาพยนตร์ ตกหลุมรักเคนจิ แต่…..
มากิโนะ เคนจิ รับบทโดย ซาคากุจิ เคนทาโร่
เด็กหนุ่มผู้ช่วยผู้กำกับสุดขยันที่ทำงานให้กับบริษัทผลิตภาพยนตร์เคียวเอย์ มีความใกล้ชิดกับโรงภาพยนตร์ ตกหลุมรักมิยูกิ เจ้าหญิงในภาพยนตร์ขาวดำที่พบใน “โรงละคร Romance”
นารุเสะ โทโกะ รับบทโดย ฮอนดะ ซึบาสะ
ลูกสาวประธานบริษัทเคียวเอย์ รูปร่างหน้าตาดี แต่ไม่ประสีประสาเรื่องความรัก แอบรักและเอาใจช่วยเคนจิที่อยากเป็นผู้กำกับภาพยนตร์
ชุนโด เรียวโนะสุเกะ รับบทโดย คิตามูระ คาซึกิ
ดาราชื่อดังของเคียวเอย์ นักแสดงนำจากซีรีส์ยอดนิยมเรื่อง Handsome Guy หลงตัวเองและมองโลกในแง่ดีสุดๆ
นากาโอะ อากิโยชิ รับบทโดย ยามานากะ ชินทาโร่
เด็กหนุ่มที่ทำงานภาพยนตร์ให้กับเคียวเอย์เหมือนเคนจิ เพื่อนที่ดีของเคนจิ แอบรักโทโกะข้างเดียว
ฮอนดะ ทาดาชิ รับบทโดย เอโมโตะ อากิระ
ผู้จัดการ “โรงละคร Romance” ที่เคนจิเข้าออกประจำ ดูเห็นแก่เงินแต่ความจริงแล้วรักภาพยนตร์มาก เข้าอกเข้าใจเคนจิเป็นอย่างดี
โยชิคาวะ เท็นอน รับบทโดย อิชิบาชิ อันนา
พยาบาลดูแลผู้ป่วยสูงอายุของโรงพยาบาล สนใจบทภาพยนตร์ที่ผู้สูงอายุเก็บไว้
ผู้ป่วยสูงอายุ รับบทโดย คาโต้ โก
ผู้ป่วยสูงอายุในโรงพยาบาลที่มีเวลาชีวิตเหลืออีกไม่มาก เก็บรักษาบทภาพยนตร์ที่ยังแต่งไม่จบไว้อย่างดี
ทีมงานสร้าง
ผู้กำกับ: ทาเคะอุจิ ฮิเดกิ
มีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับจากการทำละครสมจริง กำกับละครทีวีดังๆ มานับไม่ถ้วน ได้รับรางวัลผู้กำกับยอดเยี่ยมถึง 5 ครั้งในงาน Za Television Drama Academy จากเรื่อง God, Please Give Me More Time(1998), Kanojotachi no Jidai(1999), Train Man(2005), Nodame Cantabile (2006) และ Dating: What’s It Like To Be In Love?(2015) กำกับภาพยนตร์ครั้งแรกเรื่อง Nodame Cantabile: The Final Score – Part I(2009) ต่อด้วย Nodame Cantabile: The Final Score – Part II(2010) และ Thermae Romae(2012, 2014) ที่ล้วนแต่ ได้รับความนิยมอย่างสูง
ผู้เขียนบท: อุยามะ เคสุเกะ
เขียนบทให้ภาพยนตร์ดังอย่างเรื่อง Nobunaga Concerto(2016) เริ่มเขียนบทละครครั้งแรกให้กับเรื่อง Switch Girl!!(2011) ต่อด้วย Omo ni Naitemasu(2012) และ Tales of the Unusual นอกจากนี้ยังเป็นนักเขียนที่แต่งนิยายเรื่อง Girl’s Step(2015) และ Sakura no youna boku no koibito(2017) และ Tonight, At Romance Theater ฉบับนิยายอีกด้วย
ดนตรี: สุกิโตโมะ โนริฮิโตะ
จบการศึกษาจาก Berklee College of Music มาเป็นนักเล่นแซกโซโฟน และ Wind Synthesizer จากนั้นก็มาเป็นนักแต่งเพลง โดยเริ่มทำเพลงให้กับภาพยนตร์เรื่อง Whiteout(2000) ที่ได้รับรางวัลดนตรีประกอบยอดเยี่ยมในงาน Japan Academy Prize ครั้งที่ 24 นอกจากนี้ยังทำเพลงให้กับละครและภาพยนตร์หลายๆ เรื่อง และได้รับรางวัลดนตรีประกอบยอดเยี่ยมอีกครั้งในงาน Japan Academy Prize ครั้งที่ 33 จากเรื่อง The Unbroken(2009) นอกจากนี้ยัง ทำเพลงให้กับผู้กำกับทาเคะอุจิ ฮิเดกิ ในเรื่อง Thermae Romae(2012, 2014) และ Dragon Ball ซีรีส์ตั้งแต่ปี 2013 เป็นต้นมาอีกด้วย
ผ่านมา 9 ปี ถึงเกิดเป็นภาพยนตร์ความรักต้นฉบับ
แนวคิดที่จะสร้างภาพยนตร์เรื่อง Tonight, At Romance Theater เริ่มมีมาตั้งแต่ 9 ปีก่อน ในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ญี่ปุ่น ปัจจุบัน ภาพยนตร์จำนวนมากล้วนสร้างจากนิยายและการ์ตูน โปรดิวเซอร์อินาบะ นาโอโตะ เลยเกิดความคิดที่ว่าน่าจะมีเรื่องราวต้นฉบับที่ดูแล้วสนุกยิ่งขึ้นเมื่อรับชมในโรงภาพยนตร์เท่านั้น โปรดิวเซอร์อินาบะที่ในตอนนั้นทำภาพยนตร์เรื่อง Happy Flight เกิดหลงใหลในความสามารถการเล่นบทตลกที่เป็นเอกลักษณ์ของ อายาเสะ ฮารุกะ เลยอยากสร้างภาพยนตร์ที่ดึงเสน่ห์ของเธอออกมาใช้ได้อย่างเต็มที่ จึงมีแผนทาบทามให้เธอมาเป็นนางเอก
พอรู้ว่าจะให้ฮารุกะรับบทเจ้าหญิง ด้วยความที่สร้างจากต้นฉบับ ย่อมให้แสดงสีหน้าท่าทางแบบการ์ตูนหรือนิยายไม่ได้ และต้องเป็นเรื่องราวที่ดูแล้วสนุกจากที่มันเป็นภาพยนตร์ เลยได้ออกมาเป็นเรื่องราวความรักที่มีเจ้าหญิงโผล่มาจากภาพยนตร์ขาวดำเก่าๆ ที่ถูกลืม โดยมีผลงานชิ้นเอกเรื่อง Sherlock Jr. ของผู้กำกับบัสเตอร์ คีตัน และเรื่อง The Purple Rose of Cairo ของ วู้ดดี อัลเลน เป็นแรงบันดาลใจ
ความโรแมนติกและความตลกที่ฝากไว้กับผู้กำกับทาเคะอุจิ ฮิเดกิ
การสร้างเรื่องที่มีเจ้าหญิงจากภาพยนตร์ขาวดำโผล่มาสู่โลกแห่งความจริงเป็นเรื่องที่ค่อนข้างแปลกสำหรับภาพยนตร์ญี่ปุ่น แก่นหลักของเรื่องนี้อยู่ที่ความรัก โดยครึ่งแรกจะเป็นแนวขบขัน และค่อยๆ เปลี่ยนเป็นความรักที่น่าเจ็บปวดตั้งแต่ช่วงกลางๆ
แล้วใครล่ะที่จะมากำกับให้องค์ประกอบเหล่านั้นมันอยู่ในเรื่องเดียวได้ จนมาลงเอยที่ผู้กำกับทาเคะอุจิ ฮิเดกิ ที่เคยกำกับละครซีรีส์เรื่อง Nodame Cantabile ผู้กำกับทาเคะอุจิขึ้นชื่อเรื่องบทตลก แต่ที่เหลือต้องพึ่งทางโปรดิวเซอร์อินาบะที่ถนัดเรื่องโรแมนติก ว่ากันว่าพอผู้กำกับทาเคะอุจิได้อ่านบทครั้งแรก ตอนที่รู้ว่ามิยูกิจะหายตัวไปเมื่อถูกสัมผัส เขาก็ถึงกับเศร้าจนปล่อยโฮออกมา จากเหตุการณ์นั้น เราเลยรู้สึกได้ว่างานนี้จะต้องออกมาดีเยี่ยม แล้วพอมาถึงตอนถ่ายทำ ก็ต้องใส่ใจเป็นพิเศษกับการคุมโทนของเรื่องที่เปลี่ยนจากแนวขบขันในครึ่งแรกมาเป็นแนวจริงจังในช่วงหลัง และจุดเปลี่ยนของโทนเรื่องก็คือความลับของนางเอก
ด้วยความที่บทมันไปไว เลยต้องเลือกความลับที่จะมาเป็นอุปสรรคของความรัก ผู้แต่งอุยามะกับโปรดิวเซอร์อินาบะเลยลองผิดลองถูก จนมาลงเอยที่ให้นางเอกจะหายตัวไปเมื่อสัมผัสตัวคน
ฉากที่เป็นจุดไคลแมกซ์ของภาพยนตร์ก็คือ “เพราะรักจึงอยากสัมผัส แต่ก็สัมผัสไม่ได้”….. เรามั่นใจว่าฉากตัวตนที่ต่างกันของทั้งคู่จะมาทำให้ผู้ชมรู้สึกจุกอกจนปล่อยโฮออกมาอย่างแน่นอน
อายาเสะ ฮารุกะ และ ซาคากุจิ เคนทาโร่ กำเนิดคู่รักที่เยี่ยมที่สุด
แน่นอนว่าจุดเด่นของเรื่องนี้คือเรื่องราวความรักที่สะกดใจผู้ชม การเลือกคนที่จะมาเล่นบทคู่รักจึงต้องสำคัญเป็นเท่าตัว
เราหาคนที่จะมาเล่นบทคู่รักของอายาเสะ ฮารุกะ อยู่เรื่อยๆ จนมาเจอ ซาคากุจิ เคนทาโร่ จากเรื่อง “No Longer Heroine” ที่โปรดิวเซอร์อินาบะถึงกับรู้สึกว่าในที่สุดก็เจอคนที่ใช่
ถึงแม้เคนทาโร่จะเป็นผู้ชายที่ต่างจากเคนจิ ตัวละครใน Tonight, At Romance Theater โดยสิ้นเชิง แต่ผู้กำกับเชื่อว่าเคนทาโร่จะเล่นเป็นเคนจิที่อ่อนโยน ละเอียดอ่อน น่าสงสาร และมีจิตใจบริสุทธิ์ได้ ผู้กำกับทาเคะอุจิถึงกับชมเปาะว่า เขาไม่เพียงแต่เล่นได้อย่างละเอียดอ่อน แต่ยังเป็นนักแสดงที่มีอารมณ์ขันสุดๆ โดยจะเห็นได้ชัดจากฉากมิยูกิกับเคนจิเจอกันครั้งแรกที่พระเอกกำลังดูหนังเรื่อง “เจ้าหญิงทอมบอยกับ 3 อสูร” อยู่ๆ ฟ้าก็ผ่าเปรี้ยงลงมา แล้วไฟก็ดับลง ท่ามกลางความมืดนั้น เราจะได้เห็น ซาคากุจิ เคนทาโร่ ในมุมใหม่ๆ จากท่าทีของเขาตอนพบมิยูกิสีขาวดำที่ออกมาจากหนัง และจากความรู้สึกฟุ้งซ่านที่ได้เห็นบั้นท้ายของมิยูกิตอนพบกันใหม่ๆ ที่เขาแสดงออกมา
ส่วนทางอายาเสะ ผู้กำกับทาเคะอุจิบอกว่าอยากถ่ายให้เธอออกมาสวยที่สุดในชีวิตของเธอ อย่างฉากที่มาจากโลกขาวดำ ต่อให้หัวยุ่ง หน้าตามอมแมม ก็ต้องคงความสวยโดดเด่น ไว้ จากนั้นก็ค่อยแปลงร่างเป็นสุภาพสตรีทรงเสน่ห์ในเสื้อผ้าอาภรณ์ที่มีสีสัน เรารู้สึกถึงความเป็นเจ้าหญิงของเธอตลอดเวลา ทั้งการย่างกรายโดยที่ส่วนต่างๆ แทบไม่ขยับ หรือแม้แต่วิธีการจัดวางคอที่ลบภาพความเป็นเจ้าหญิงไม่ได้จริงๆ
นอกจากนี้ในกองถ่าย อายาเสะยังเป็นคนที่แสดงอารมณ์เก่ง ซาคากุจิถึงกับบอกว่าเธอไม่เพียงแต่เจิดจรัสในแบบเจ้าหญิง แต่พลังในตัวเธอยังเจิดจรัสไม่แพ้กัน เราเห็นอายาเสะแกล้งซาคากุจิแล้วก็อดยิ้มไม่ได้ ถึงขั้นนึกไม่ออกว่านอกจากสองคนนี้แล้วใครจะเล่นเป็นมิยูกิกับเคนจิได้อีก ถือว่าเป็นการกำเนิดคู่รักที่เยี่ยมที่สุดเลยก็ว่าได้
ทั้งโรงภาพยนตร์ เสื้อผ้า สถานที่ถ่ายทำ ล้วนต้องจัดเต็มเรื่องสีสัน
จากชื่อเรื่อง “Romance Theater” สถานที่ซึ่งเราใช้ถ่ายทำก็คือโรงหนังเก่าๆ ใน เมืองอาชิคากะ จังหวัดโทชิกิ ที่ชื่อว่า足利東映プラザ (Ashikaga Toei Plaza) ซึ่งปิดให้บริการมาประมาณ 20 ปีแล้ว เราจัดการเปลี่ยนโฉมโรงหนังแห่งนี้ให้กลายเป็นโรงหนังย้อนยุคที่เต็มไปด้วยสีสัน
โรงหนังแห่งนี้เป็นที่หนึ่งที่มีองค์ประกอบสีต่างๆ ทั่วไป แต่ด้วยความที่มันเป็นล็อบบี้โรงหนัง สถานที่ซึ่งมิยูกิที่เดิมทีรู้จักแต่โลกขาวดำเห็นได้เป็นครั้งแรก เราเลยจำเป็นต้องเน้นให้มันมีสีสัน เพื่อที่นางเอกจะได้ตื่นเต้นและสนใจเป็นพิเศษ
นอกจากนี้ ยังมีการนำเทคนิคเกี่ยวกับสีมาถ่ายทอดผ่านตัวหนังตลอดทั้งเรื่อง อย่างในฉากที่มิยูกิกับเคนจิออกเดทกัน ความรักของทั้งคู่กำลังเบ่งบานสวยงาม เราเลยต้องให้มันเต็มไปด้วยสีสันสดใส
ชุดที่อายาเสะใส่ตอนเล่นเป็นมิยูกิในเรื่อง เราก็ใช้สีต่างๆ รวมไปถึงสีขาวดำ รวมทั้งหมดถึง 25 ชุด แต่ละชุดที่เลือกมาใช้ก็ต้องเปลี่ยนโทนสีให้เข้ากับอารมณ์และความรู้สึกของมิยูกิ เพราะเราต้องการเน้นการถ่ายทอดความรู้สึกผ่านสีสัน
ฉากจูบผ่านกระจก ความเคารพแด่ภาพยนตร์ชิ้นเอก
เนื่องจากโปรดิวเซอร์อินาบะคิดว่า ในเมื่อสร้างหนังที่ใช้โรงหนังประกอบ ก็อยากให้เรื่องราวอบอวลไปด้วยความรัก ระหว่างการถ่ายทำ เราเลยฝังความเคารพต่อภาพยนตร์ชื่อดังในอดีตที่คนหลงลืมลงไปด้วย
อย่างเช่น ความสัมพันธ์ของเคนจิที่หลงใหลในภาพยนตร์และฝันจะเป็นผู้กำกับหนังกับ ฮอนดะ ผู้จัดการโรงละคร ก็ให้ความคาระแด่ภาพยนตร์เรื่อง Cinema Paradiso(1988), ความอัศจรรย์ที่เชื่อมโลกภาพยนตร์กับโลกความเป็นจริง ทำให้คิดถึงเรื่อง Sherlock Jr.( 1924) และเรื่อง The Purple Rose of Cairo(1985), เด็กหนุ่มผู้ต้อยต่ำที่ตกหลุมรักเจ้าหญิง ทำให้คิดถึง Roman Holiday (1953), ความเปลี่ยนแปลงหลังฟ้าผ่า มีกลิ่นไอของ Back to the Future(1985), ภาพยนตร์ “เจ้าหญิงทอมบอยกับ 3 อสูร” ที่อยู่ในภาพยนตร์อีกทีแด่เรื่อง The Wonderful Wizard of Oz(1900) และ Tanuki Goten, ฉายา “Handsome Guy” ของชุนโด เรียวโนะสุเกะ ดาราชายที่รับบทโดย คิตามูระ คาซึกิ แด่ซีรีส์แนวผู้ชายของบริษัทผลิตภาพยนตร์ Nikkatsu เป็นต้น แต่ทั้งหมดนี้เป็นเพียงการหยิบเอาแก่นของหนังแต่ละเรื่องมารวมเป็นเรื่องเดียว ไม่ได้หยิบเอาสถานการณ์มาใช้ทั้งหมด
และในบรรดาพล็อตเหล่านี้ ฉากที่น่าประทับใจเป็นพิเศษ ก็คงเป็นตอนที่มิยูกิกับเคนจิจูบกันผ่านกระจก ฉากนี้แด่ภาพยนตร์เรื่อง また逢う日まで Till We Meet Again(1950) เป็นฉากที่ทั้งบริสุทธิ์และงดงามซึ่งถูกใช้เป็นปมของหนังในแง่ของการที่คู่รักอยากสัมผัสกันและกันแต่ไม่สามารถทำได้
นอกจากนี้ การที่เรากำหนดให้ภาพยนตร์เป็นปี 1960 เพราะเป็นยุคที่เปลี่ยนจากยุคภาพยนตร์มาเป็นยุคโทรทัศน์ โดยเริ่มมีออกอากาศโดยผ่านโทรทัศน์สีในปี 1958 และนี่คือจุดเปลี่ยนที่ทำให้จำนวนผู้ชมภาพยนตร์ลดลงอย่างรวดเร็วในปี 1960 ภาพยนตร์หลายเรื่องต่างก็ถูกลืมไปตามการเปลี่ยนแปลงของยุคสมัย ผลงานชิ้นนี้เพื่อรำลึกถึงภาพยนตร์เหล่านั้น
25 โฉมที่น่าหลงใหลของ อายาเสะ ฮารุกะ
เปิดตัวเสื้อผ้าแนวคลาสสิกหลากสีสันที่เจ้าหญิงจากโลกขาวดำแต่งนับตั้งแต่ข้ามมาสู่โลกความเป็นจริง
จับตาดูการแปลงโฉม 25 แบบ ของอายาเสะ ฮารุกะ กันให้ดี!
เรียบเรียงโดย : ทีมงาน www.marumura.com
เรื่องแนะนำ :
– หนังญี่ปุ่น KIMI NO SUIZO WO TABETAI ตับอ่อนเธอนั้นขอฉันเถอะนะ กับปรากฏการณ์ความซึ้ง
– งานรียูเนี่ยนในหนังญี่ปุ่น “The Third Murder” กับดักฆาตกรรมครั้งที่ 3
– The Third Murder “ใครกันแน่คือฆาตกร” หนังญี่ปุ่นเข้าไทยปลายปี 2017
– หนังญี่ปุ่นเข้าไทย … Peach Girl (พีชเกิร์ล)
– หนังญี่ปุ่น KIMI NO SUIZO WO TABETAI ตับอ่อนเธอนั้นขอฉันเถอะนะ กับปรากฏการณ์ความซึ้ง