เที่ยว North Hokkaido … มุ่งหน้าต่อไปสู่เมือง Wakkanai เมืองที่อยู่เหนือสุดของเกาะฮอกไกโด ที่นี่มีเสน่ห์เฉพาะตัว ทั้งความเป็นเมืองท่า ทั้งความเป็นเมืองประวัติศาตร์ ทั้งความเป็นเมืองแห่งธรรมชาติ มีความเป็นตัวตนของคนเมืองเหนือซ่อนอยู่มากมาย ลองมาทำความรู้จักกับ Wakkanai กันเลย
เราเดินทางมาถึงเขต Kamikawa เพื่อทักทายตัว Alpaca และฝึกเล่น Airboard กัน และจากนี้เราออกจะเดินทางขึ้นเหนือไปอีก ขยับสูงขึ้นไปยังตอนบนของเกาะฮอกไกโดกัน ระหว่างทางเราแวะที่เมือง Nayoro ซึ่งเป็นจุดเชื่อมต่อรถไฟไปยังตอนบนของเกาะที่เหมาะมากๆ

สำหรับเมือง Nayoro นั้น โดดเด่นในเรื่องกิจกรรมและกีฬาฤดูหนาว นอกจากนี้ที่นี่ยังมีทุ่งดอกทานตะวันที่มีชื่อเสียงอีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นเมืองที่มีผลผลิตเกี่ยวกับ “ทานตะวัน” ที่มีเชื่อเสียงทีเดียว และในเมื่อมาถึง Nayoro แล้ว ก็ขอจัดอาหารกลางวันแก้หนาวด้วยเมนูสุดพิเศษของเมืองกันหน่อย มาเมืองนี้จะสั่งโซบะธรรมดาๆ ไม่ได้!! เราจะมาชิมโซบะที่ทำจากดอกทานตะวันกัน 😉

ที่ร้าน Aozora นั้น ทำเส้นเอง โดยการผสมกลีบดอกทานตะวันเข้าไปด้วย ได้รสสัมผัสที่ไม่เหมือนโซบะที่เคยกินจากที่อื่นๆ กลิ่นก็ต่างไปเล็กน้อย สีสันก็เช่นกัน เพราะสีจะจางๆ อมเหลืองกว่าเส้นโซบะปกติ ทานง่าย คล่องคอดี ที่สำคัญบำรุงสุขภาพด้วยจ้า

ช่วงบ่ายเราไปดูศูนย์ฝึกกีฬา Curling กีฬาฤดูหนาวที่กำลังได้รับความนิยมมากในญี่ปุ่นกัน
กะว่าจะลองเล่นดูสักที สองที ที่ไหนได้.. พอไปถึง Sun Pillar Park เขาก็มีแข่งขันกันระดับประเทศ ซะงั้น! (><)

เอาน่าาาา ได้ยืนดู มืออาชีพเขาเล่นกันนิดหน่อยๆ ก็เสริมสร้างประสบการณ์ชีวิตดีเหมือนกัน





Sun Pillar Park
ที่นี่เป็นเสมือนแหล่งทำกิจกรรมประจำเมือง มีทั้งกิจกรรมกลางแจ้ง และกิจกรรมในร่มให้สำหรับชาวเมือง รวมถึงนักท่องเที่ยว ในราคาสุดย่อมเยาเลยล่ะ
147 Nisshin, Nayoro 096-0066, Hokkaido
เมษายน (09.00 – 17.00 น.)
พฤษภาคม – ตุลาคม (09.00 – 18.00 น.)
พฤศจิกายน – มีนาคม (10.00 – 22.00 น.)
ปิดช่วงส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ด้วยนะ
ส่วนกิจกรรมการเล่น Curling จะมีเฉพาะช่าวงหน้าหนาวเท่านั้น
นั่งแท็กซี่จากสถานี JR Nayoro มาประมาณ 10 นาที

จากที่สถานีรถไฟ JR Nayoro เราสามารถเดินทางต่อไปได้ด้วยรถไฟ ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง (รถยนต์ก็ยาวไปๆ 3 ชั่วโมงพอๆ กัน) ซึ่งถ้าใครมี Pass ของ JR Hokkaido ก็สามารถมาใช้บริการนั่ง Limited Express ขบวน HET (Hokkaido Express Train) กันได้เลย แต่ถ้าซื้อตั๋วแยก นั่งจากสถานีรถไฟ Nayoro ไปสถานี Wakkanai ราคาก็ราวๆ 6,670 เยน รวมค่า reserved seat แล้วนะ … ว่าแล้วก็ออกเดินทางสู่เหนือสุดออกไกโด ปลายทาง สถานี Wakkanai สถานีสุดท้ายที่อยู่เหนือสุดของญี่ปุ่นกันเลย


แต่ก็มาถึง Wakkanai จนได้ … ขอบคุณพี่ HET!!
โรงแรมที่เราเข้าพักที่ Wakkanai อยู่ใกล้สถานีมาก แต่ก็อากาศหนาวโหดสุดๆ (ลมทะเลหนาวๆ ก็มา … ก็มาเที่ยวฤดูหนาวนี่นะ) นั่งแท็กซี่ไปจะเป็นบุญกับสุขภาพมาก 555
ANA Crowne Plaza Hotel Wakkanai เป็นโรงแรมที่ตั้งโดดเด่นเป็นสง่าอยู่ริมทะเล ใหญ่โต วิวงาม ห้องสวย เรียกว่า ถ้ามา Wakkanai ชื่อโรงแรมนี้ต้องมาเป็นอันดับต้นๆ เลยล่ะ แถมราคาก็ไม่แพงเลยล่ะ



ANA Crowne Plaza Hotel Wakkanai
ที่ตั้ง : 1-2-2 Kaiun, Wakkanai-shi, Hokkaido, 097-0023, Japan
การเดินทาง : เดินจากสถานี JR Wakkanai ใช้เวลาประมาณ 5 นาที
จอง : https://goo.gl/DUMrtv

และมื้อค่ำของเรา จะอยู่ที่ร้านอาหารทะเลชื่อดังประจำเมือง ตั้งอยู่ที่บริเวณท่าเรือ ชื่อว่าร้าน “Urokotei” เดินจากโรงแรมไปประมาณ 10 นาที … ขออร่อยก็ต้องออกแรงเดินฝ่าหิมะกันหน่อย บรรยากาศเป็นกันเองของพนักงาน และพ่อครัว รวมทั้งอาหารที่อร่อยทุกจาน ประทับใจมาก ถึงขนาดคิดไว้เลยว่า ถ้าได้กลับมาที่ Wakkanai อีก จะต้องมากินที่ร้านนี้อีกให้ได้!
(ป้ายหน้าร้านเขียนว่า Urokotei แต่แอบเขียนคำอ่านว่า Urokoichi … ก็เลยแอบมีงงนิดหน่อย ^^”)


Urokotei
ที่ตั้ง : 5-6-8,Chuo,Wakkanai City
เวลาเปิด/ปิด : 09.00 – 21.00 น. (last order)เปิดทุกวันช่วงเดือนเมษายน – กันยายน ในเดือนอื่นๆ ปิดทุกวันอาทิตย์
การเดินทาง : เดินจากสถานี JR Wakkanai ประมาณ 10 นาที
เว็บไซต์ : http://sakanaya.uroco1.com/

ตื่น (สาย) มาชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นแทบไม่ทัน …
แล้วเราก็ไปชมบรรยากาศในละแวกโรงแรมกันต่อเลย


ใกล้ๆ โรงแรมเป็นที่ตั้งของ North Breakwater Dome สัญลักษณ์ของดินแดนตอนเหนือที่สามารถมองเห็นวิวอ่าวโชยะได้โดยรอบ มีสถาปัตยกรรมแบบโกธิคซึ่งดูแปลกตามากในประเทศญี่ปุ่น สร้างเป็นทรงครึ่งโดม ความยาว 427 เมตร ประกอบด้วยเสา 72 ต้น และสูง 13.6 เมตร สร้างแล้วเสร็จในปี ค.ศ. 1936 ปัจจุบันมีประโยชน์เป็นอย่างยิ่งในการป้องกันคลิ่นสูง และลมแรงๆ ได้เป็นอย่างดี แถมยังถูกขึ้นทะเบียนเป็นมรดกของฮอกไกโดอีกด้วย แต่ในอดีตนั้นโดมแห่งนี้เป็นสถานีรถไฟปลายทางสู่ท่าเทียบเรือเพื่อขนส่งสินค้าและผู้โดยสารระหว่างเมือง Wakkanai (ญี่ปุ่น) และเกาะ Sakhalin (รัสเซีย)



North Breakwater Dome
ที่ตั้ง : 1-2-2 Kaiun, Wakkanai, Hokkaido, 097-0023, Japan
การเดินทาง : เดินประมาณ 10 นาทีจากสถานี JR Wakkanai
เว็บไซต์ :
http://www.welcome.wakkanai.hokkaido.jp/en/sightseeing/rekishi_kankou/dome/
https://www.witpress.com/Secure/elibrary/papers/MH03/MH03009FU.pdf
จากที่ North Breakwater Dome ขับรถต่อไปอีกสัก 10 – 15 นาที เราก็จะไปถึงแหลมโนชับปุ (Cape Noshappu) ซึ่งเป็นแหลมที่อยู่เหนือสุดของประเทศญี่ปุ่นเป็นอันดับสอง รองจากแหลมโซย่า (Cape Soya) ก็อยากจะไปให้ถึงแบบเหนือสุดๆ อยู่เหมือนกัน แต่ถ้าต้องนั่งรถต่อไปอีกเป็นชั่วโมง … อาจจะไม่ได้เที่ยวที่อื่นน่ะสิ เวลาเที่ยวจะหมดซะก่อน

ดังนั้นเวลาใครมาถึง Wakkanai ส่วนใหญ่ก็อาจจะยังไปไม่ถึงแหลมโซย่าก่อนหรอก (แต่ก็บอกว่ามาถึงจุดเหนือสุดกันแล้ว) ข้อควรระวังในการมาเที่ยวที่แหลมแห่งนี้ก็คือ ระวังจำชื่อผิด!! เพราะ Cape Noshappu เป็นแหลมที่อยู่ทางตอนเหนือสุดของเกาะฮอกไกโด แต่ถ้าเป็น Cape Nosappu เป็นแหลมที่อยู่ทางตะวันออกสุดของเกาะฮอกไกโด (เป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นครั้งแรกของปีที่ได้รับความนิยมมาก) ซึ่งหมายความว่า.. เป็นอยู่กันคนละทิศเลยจ้าาาา ไปผิดที่ ชีวิตเปลี่ยนนะ ขอบอก!! เพราะตารางการเดินทางของเพื่อนๆ คงจะเพี้ยนน่าดู



ในบริเวณแหลม Noshappu ที่อยู่ใกล้เคียงกันยังเป็นที่ตั้งของ Wakkanai Noshappu Aquarium และ Wakkanai Youth’s & Children’s Science Museum ที่นักท่องเที่ยวสามารถไปเที่ยวชมกันได้ นอกจากนี้ ยังอยู่ใกล้กับท่าเทียบเรือเฟอรี่เพื่อไปยังเกาะใกล้เคียงในละแวกนี้อีกด้วย
แหลม Nosappu ทางตะวันออกนั้นดังเรื่องพระอาทิตย์ขึ้น ส่วนแหลม Noshappu นั้นเด่นเรื่องพระอาทิตย์ตกนะ ที่นี่มีสัญลักษณ์สำคัญเป็นประติมากรรมรูปโลมากับนาฬิกานี่เอง
Cape Noshappu
ที่ตั้ง : 2 Noshappu, Wakkanai, Hokkaido
การเดินทาง : นั่ง Soya Bus สาย 30 (มุ่งหน้า Sakanoshita ผ่าน Cape Noshappu) หรือ สาย 13 (มุ่งหน้า Fujimi 5-chome ผ่าน Noshappu) มีบริการ 4-5 คันต่อชั่วโมง ลงที่ป้าย ‘Noshappu’ แล้วเดินต่อประมาณ 5 นาที รวมเวลาเดินทางจากสถานี Wakkanai ประมาณ 15 นาที
เว็บไซต์ :
https://www.jnto.go.jp/eng/spot/natuscen/capenoshappu.html
http://www.city.wakkanai.hokkaido.jp/files/00008500/00008587/20170614114115.pdf

ไปเที่ยวบ้านอดีตเศรษฐีใหญ่ประจำเมืองกันต่อ ที่ Former Seto House ที่นี่เคยเป็นบ้านของเศรษฐีผู้มั่งคั่ง ‘Tsunezo Seto’ ที่ทำธุรกิจเรือประมง บ้านเศรษฐีเก่าที่ปรับเปลี่ยนมาเป็นพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ ทำให้ได้เรียนรู้ชีวิตของท่านเจ้าบ้านได้เป็นอย่างดี ทั้งวิถีชีวิตของท่าน รวมไปถึงวิถีชีวิตของคนวัคคาไน และงานอดิเรกของท่านเจ้าบ้านด้วย โดยเปิดให้ประชาชนทั่วไปและนักท่องเที่ยวเข้าชมได้ฟรีมาตั้งแต่ปี 2012





Former Seto House
ที่ตั้ง : 4-8-27 Chuo, Wakkanai 097-0022, Hokkaido
เวลาเปิด/ปิด : เปิดต้นเมษายนถึงปลายตุลาคม (10.00 – 18.00 น.)
ค่าเข้าชม : ฟรี
การเดินทาง : เดินจากสถานี JR Wakkanai ประมาณ 5 นาที
http://www.city.wakkanai.hokkaido.jp.e.dh.hp.transer.com/kanko/midokoro/spot/setotei.html
https://www.tripadvisor.com/Attraction_Review-g298155-d8489820-Reviews-Former_Seto_House-Wakkanai_Hokkaido.html
ไปกินกลางวันกันที่ตลาด Wakkanai Fukukou Ichiba ตลาดศูนย์รวมของสรรพสิ่ง ด้านขวาสุดเป็นโรงอาบน้ำแร่ออนเซ็น Minato-no-Yu ตรงกลางเป็นส่วนของร้านอาหารและมุมซื้อของฝากที่เรียกว่า Hotoba-Yokocho (wharf alley) ส่วนด้านซ้ายเป็นจุดจำหน่ายอาหารทะเลสดๆ และเครื่องปรุงอาหารต่างๆ จำพวกปลาแห้ง สาหร่ายทะเล ฯลฯ ภายในยังมีแกลอรี่เกี่ยวกับข้อมูลการท่องเที่ยวและประวัติศาสตร์ของเมืองวัคคาไนอยู่ภายในด้วยนะ





กลับมาที่โซนตรงกลางซึ่งเป็นส่วนของร้านอาหาร เราฝากท้องไว้ที่ร้าน Isaribitei โดยเลือกเมนูปลาชิมะฮกเกะย่าง ของดีของเกาะฮอกไกโด ก็ต้องลองกันหน่อยสิ
Wakkanai Fukukou Ichiba
ที่ตั้ง : 1-6-28,Minato,Wakkanai city
เวลาเปิด/ปิด : เปิดให้บริการตลอดทั้งปี
การเดินทาง : เดิน 15 นาทีจาก JR Wakkanai (แต่ถ้านั่งแท็กซี่ก็ประมาณ 3 นาทีเท่านั้น)
เว็บไซต์ :
http://www.wakkanai-fukukou.com/ (ภาษาญี่ปุ่น)
http://www.welcome.wakkanai.hokkaido.jp/en/sightseeing/rekishi_kankou/fukukou/
ออกนอกเมืองไปเล็กน้อย ไปที่ Soya Fureai Park ไปเที่ยวทุ่งหิมะ ทำกิจกรรมกลางแจ้ง หนาวๆ กัน


ที่นี่เป็นอีกหนึ่งสถานที่สร้างขึ้นเพื่อชุมชนเป็นหลัก (ค่าบริการต่างๆ จึงประหยัดมาก แบบว่า 300 เยน/500 เยน อะไรแบบนี้ ช่างเป็นประเทศที่ใส่ใจในคุณภาพชีวิตของประชาชนจริงๆ) แต่ก็เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมด้วย โดยเป็น Multipurpose plaza มีทั้งศูนย์ข้อมูลนักท่องเที่ยว เป็นจุดตั้งแคมป์ มีพื้นที่ทำกิจกรรมทั้งอินดอร์และเอ้าท์ดอร์ มีที่พัก มีอุปกรณ์ต่างๆ ให้เช่า สนามกอล์ฟ Adventure area, เป็น Ski Resort ด้วย และแน่นอนเป็น Snow Land เป้าหมายของเราในครั้งนี้




ได้เวลาชมทุ่งหิมะ ซึ่งอันที่จริงแล้ว เป็นทะเลสาบโอนุมะ (Lake Onuma) ทะเลสาบขนาดใหญ่ของเมือง Wakkanai ที่กลายเป็นน้ำแข็งนั่นเอง ด้วยความหนาของหิมะที่ปกคลุมทะเลสาบหนาวกว่า 1 เมตรในช่วงฤดูหนาว ทำให้ที่นี่กลายเป็น Snow Land ที่นักท่องเที่ยวสามารถเข้ามาทำกิจกรรมได้ อย่างเช่นครั้งนี้ เรานั่งรถพ่วงที่ลากโดย Snow Cat (เจ้ารถตีนตะขาบลุยหิมะน่ะ) ไปกลาง Snow Land กัน … อะไรๆ ก็ขาวไปหมด แต่ก็ได้วิวที่บ้านเราไม่มีแน่ๆ สนุกดีนะ มีเจ้าหน้าที่ขี่ Snowmobile ประกอบไปด้วย ยิ่งอุ่นใจเข้าไปใหญ่ ไม่ต้องกลัวว่าจะไปตกร่องน้ำแข็งที่ไหน ฮะ ฮะ





Soya Fureai Park
ที่ตั้ง : 5-40-1 Koetoi, Wakkanai-shi, 098-6642, Hokkaido
ค่าเข้าชม : เก็บค่ากิจกรรมแต่ละประเภท และค่าเช่าอุปกรณ์ต่างๆ ในราคาเริ่มต้นที่ 300 – 500 เยนเท่านั้น
เวลาเปิด/ปิด : เปิดให้บริการตลอดทั้งปี แต่ว่า..แต่ละส่วน แต่ละกิจกรรม เปิด-ปิดในแต่ละเดือนไม่เหมือนกัน กรุณาเช็คก่อนออกเดินทาง
การเดินทาง : เดิน 15-20 นาทีจาก JR Wakkanai (แนะนำว่านั่งแท็กซี่ดีกว่า ไม่นานก็ถึง ประหยัดพลังงานขา ไปเล่นกิจกรรมที่ Park กันดีกว่า)
เว็บไซต์ : http://soyafureaikoen.com/snowland (ภาษาญี่ปุ่น)
ได้เวลา บอกลาดินแดนเหนือสุดของเกาะฮอกไกโด …
เราเดินทางเลาะเลียบชายฝั่งตะวันตก ชมความงดงามของชายฝั่งทะเลญี่ปุ่น กลับลงมาทางใต้ ระหว่างทาง เราแวะที่เมือง Toyotomi ที่ตั้งของ Sarobetsu Wetland Center ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ Rishiri-Rebun-Sarobetsu National Park ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความอุดมสมบูรณ์และควรค่าแก่การอนุรักษ์ของ Ramsar (Ramsar Site Sarobetsu-genya) โดย Sarobetsu-genya หรือ Sarobetsu Wetland นี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็น “Wetland of International Importance” ของ Ramsar CONVENTION ON WETLANDS มาตั้งแต่ปี 2005




ที่ Sarobetsu Wetland นั้นมีนกป่าหายากจำนวนมาก ในหน้าร้อนก็เป็นจุดชมดอกไม้ป่ากว่า 100 ชนิด บนพื้นที่กว้างใหญ่กว่า 23,000 เฮคเตอร์ ในภายหลัง Sarobetsu Wetland Center นี้ก็ได้ถูกจัดตั้งขึ้นโดยองค์กรไม่แสวงหากำไร เปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี 2011 และเป็นความร่วมมือด้านการอนุรักษ์ จึงไม่เสียค่าเข้าชม อาจมีเพียงค่าเช่าอุปกรณ์ และค่ากิจกรรมต่างๆ ตามสมควรเท่านั้น




กิจกรรมที่เราได้ทำที่นี่ในครั้งนี้ก็คือ การเดิน Snowshoe ในแบบคอร์สสั้นๆ (ถ้าเดินโดยรอบพื้นที่ คงใช้เวลากันทั้งวัน) แค่ 300 เมตรโดยประมาณที่เราเดินจากศูนย์ฯ ไปยังจุดชมวิว คอร์สนี้เราใช้เวลาเดินทางไปกลับ รวมเวลานั่งชิลๆ ถ่ายรูป ชมวิวด้วย ก็ราวๆ 45 นาที – 1 ชั่วโมง เหมาะกับนักท่องเที่ยวอย่างเรามาก




โดยรวมแล้ว กิจกรรมต่างๆ ของที่ Sarobetsu Wetland Center นั้น นอกจากจะได้ความสนุกสนาน เพลิดเพลินแล้ว ก็ยังเป็นการได้เรียนรู้ธรรมชาติ และสิ่งมีชีวิตในพื้นที่ ในทุกฤดูกาลอีกด้วย เป็นเสมือนศูนย์เรียนรู้ที่เปิดกว้างให้เราได้ไปสัมผัสวิถีชีวิตของสัตว์น้อยใหญ่ และพืชพันธุ์ต่างๆ ใครที่ชื่นชอบธรรมชาติ รับรองว่าเพลิดเพลินกันได้ในทุกฤดูกาลอย่างแน่นอน

Sarobetsu Wetland Center
ที่ตั้ง : 8662 Kamisarobetsu, Toyotomi-cho, Teshio-gun 098-4100, Hokkaido
เวลาเปิด/ปิด : แต่ละเดือนจะเปิดให้บริการในเวลาที่ต่างกัน … ทั้งนี้ควรเช็คเวลาทำการล่วงหน้าก่อนการเดินทาง
พฤษภาคม, สิงหาคม – ตุลาคม (09.00 – 17.00 น.) เปิดทุกวัน
มิถุนายน – กรกฎาคม (08.30 – 17.30 น.) เปิดทุกวัน
พฤศจิกายน – เมษายน (10.00 – 16.00 น.) ปิดทุกวันจันทร์
ค่าเข้าชม : ฟรี (มีค่ากิจกรรมและค่าเช่าอุปกรณ์ต่างหาก)
การเดินทาง : อยู่ห่างจากสถานี JR Toyotomi ประมาณ 7 กม. นั่งแท็กซี่มาน่าจะสะดวกสุด แต่ก็มีรถบัสให้บริการจากสถานีเช่นกัน ราคาเที่ยวละ 380 เท่านั้น แต่ว่ามีเพียง 2-3 รอบต่อวันเท่านั้น (ยังไงขากลับก็น่าจะต้องให้ทางศูนย์ช่วยเรียกแท็กซี่ให้อยู่ดีเนอะ) หรือถ้าใครฟิต จะเช่าจักรยานจากสถานีปั่นชิลๆ ไปก็ได้เหมือนกัน
เว็บไซต์ :
http://sarobetsu.or.jp/swc/
http://toyotomi-kanko.net/main/%E3%82%B5%E3%83%AD%E3%83%99%E3%83%84%E6%B9%BF%E5%8E%9F
https://www.tripadvisor.com/Attraction_Review-g1120886-d2194640-Reviews-Sarobetsu_Marsh_Center-Toyotomi_cho_Teshio_gun_Hokkaido.html
เป็นอย่างไรบ้าง กับกิจกรรมต่างๆ และสถานที่ท่องเที่ยวใหนโซนตอนเหนือของเกาะฮอกไกโด ครั้งหน้าก่อนกลับบ้าน เราจะพาไปรู้จักกับเมืองเล็กๆ ที่มีของดีแอบซ่อนอยู่เพียบ
“Rumoi” เมืองนี้ มีดีกว่าแค่เมืองทางผ่าน แล้วมาติดตามกันต่อน๊าาาา (^^)/
เรื่องแนะนำ :
– เที่ยว North Hokkaido เหนือสุดดินแดนอาทิตย์อุทัย : Asahikawa
– เที่ยวญี่ปุ่น : ภูมิภาคชูบุกับ ใบไม้แดง ซากุระ และ Illumination ตอนที่ 3
– เที่ยวญี่ปุ่น : ภูมิภาคชูบุกับ ใบไม้แดง ซากุระ และ Illumination ตอนที่ 2
– เที่ยวญี่ปุ่น : ภูมิภาคชูบุกับ ใบไม้แดง ซากุระ และ Illumination ตอนที่ 1
– หลง รัก Okinawa … ขับรถเที่ยวไหนดี ขับรถ เที่ยว ช้อป รอบเกาะโอกินาว่า (1)
– Japan จุด จุด จุดเที่ยวญี่ปุ่น ในจุดที่คุณ ไม่ควรพลาด : ขับรัวรัว ทั่วซากะ ตอนที่ 4