ทำงานบริษัทญี่ปุ่น…“โหด” “เจ้านายโรคจิต” “ใช้งานหนักยังกับทาส” “เงินเดือนน้อย” “เป๊ะเว่อร์” “ลูกค้าคือพระเจ้า” “ระบบเยอะเกิ๊น” หลายๆ คนอาจบ่นว่าการทำงานบริษัทญี่ปุ่นไม่ดี และรู้สึกรับไม่ได้กับการทำงานหนัก และต้องทำตามระบบ ระเบียบ และขั้นตอนต่างๆ อย่างเคร่งครัด แน่นอนบริษัทสัญชาติไหนๆ ก็มีทั้งข้อดีข้อเสีย…
“โหด” “เจ้านายโรคจิต” “ใช้งานหนักยังกับทาส” “เงินเดือนน้อย” “เป๊ะเว่อร์” “ลูกค้าคือพระเจ้า” “ระบบเยอะเกิ๊น” หลายๆ คนอาจบ่นว่าการทำงานบริษัทญี่ปุ่นไม่ดี และรู้สึกรับไม่ได้กับการทำงานหนัก และต้องทำตามระบบ ระเบียบ และขั้นตอนต่างๆ อย่างเคร่งครัด แน่นอนบริษัทสัญชาติไหนๆ ก็มีทั้งข้อดีข้อเสีย แต่จากการที่ดิฉันได้ทำงานทั้งบริษัทญี่ปุ่นและบริษัทชาติอื่นๆ มาราว 10 กว่าปี ดิฉันคิดว่าการทำงานบริษัทญี่ปุ่นก็มีข้อดีหลายประการได้แก่…
• เรียนรู้จากของจริง เจ้านายญี่ปุ่นคนหนึ่งของดิฉันเล่าให้ฟังว่า ตอนเขาสมัครเข้าทำงานบริษัทรถยนต์ชื่อดังแห่งหนึ่งในตำแหน่งพนักงานขาย แทนที่เขาจะได้อยู่ประจำออฟฟิศนั่งทำงานในห้องแอร์เย็นฉ่ำ แต่กลับถูกส่งไปประจำที่โรงงานการผลิตที่ต้องทำงานหนักไม่ต่างจากคนงานในไลน์ประกอบรถยนต์ถึงหนึ่งปีเต็ม จนเขาเกือบจะถอดใจแล้ว นั่นก็เพราะว่าบริษัทต้องการให้เขาเรียนรู้ทุกขั้นตอนเกี่ยวกับการผลิตสินค้าที่เขาจะต้องไปขายในอนาคตค่ะ คนญี่ปุ่นเน้นว่าพนักงานทุกคนควรมีความรู้ในงานที่ตัวเองทำเป็นอย่างดี ยกตัวอย่าง หากทำงานส่งออกชิ้นส่วนรถยนต์ ก็ต้องรู้ว่าชิ้นงานเป็นอย่างไร ขั้นตอนการผลิตแบบไหน ผู้ผลิตคือใคร นำไปประกอบเป็นอะไร รถรุ่นไหน วัตถุดิบคืออะไร บรรจุแบบไหน ขนส่งอย่างไร ฯลฯ เพื่อที่จะให้รู้และเข้าใจเกี่ยวกับงานที่ตัวเองทำอย่างลึกซึ้ง เมื่อมีชิ้นส่วนเสียหาย ผู้รับผิดชอบก็จะวิ่งไปดูหน้างานจริงๆเพื่อศึกษาหาสาเหตุถึงปัญหาที่เกิดขึ้นเพื่อจะได้แก้ไขได้ทันเวลาไม่ใช่นั่งสั่งงานอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ค่ะ
• รู้ว่าไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ ในหลายๆครั้งที่ต้องศึกษาความเป็นไปได้ในโครงการใหม่ๆ บางทีความเป็นไปได้อาจต่ำมากจนดูเหมือนจะเป็นการเสียเวลาเปล่าถ้าศึกษาไป แต่สิ่งที่ดิฉันถูกสอนก็คือเราจะศึกษาในทุกความเป็นไปได้ไม่ว่าโอกาสจะน้อยแค่ไหนก็ตาม เรื่องความเป็นไปได้นี่ยังรวมถึงปัญหาที่เร่งด่วนในหลายๆครั้งที่ดูเหมือนไม่น่าจะแก้ไขได้ทันเวลา ความหวังมีเพียงริบหรี่ แต่ด้วยความร่วมมืออย่างสุดความสามารถจากทุกฝ่าย ในที่สุดก็จะผ่านไปได้ด้วยดีทุกครั้งถึงแม้ว่าอาจต้องใจหายใจคว่ำเล็กน้อย ฮ่าๆๆ
• ทำงานอย่างเป็นระบบ และปรับปรุงการทำงานให้ดีขึ้นอยู่เสมอ บริษัทญี่ปุ่นเน้นเรื่องการทำงานที่มีระบบ ระเบียบ ขั้นตอน หากจะทำโครงการอะไรสักอย่างก็ต้องมีการทำแผนงานว่าจะทำอะไร วิธีไหน เสร็จเมื่อไร วัดผลอย่างไร ฯลฯ นอกจากนั้นยังต้องคิดหาวิธีปรับปรุงการทำงานของตัวเองให้ดีขึ้นอยู่เสมอ เช่น ทำงานให้เป็นระบบมากขึ้น ทำงานให้เร็วขึ้น ประหยัดค่าใช้จ่ายมากขึ้น ลดส่วนสูญเสียให้น้อยลง ทำให้พนักงานทำงานได้ดีขึ้น เรียกได้ว่าไม่ได้ทำงานที่ได้รับมอบหมายเรื่อยๆไปวันๆ แต่ต้องคิดหาวิธีปรับปรุงการทำงานให้มีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้นด้วย
• ทำให้ดีที่สุด ไม่ใช่แค่พอผ่าน ในขณะปฏิบัติหน้าที่ก็ควรใส่ใจและทุ่มเทในงานอย่างเต็มที่ร้อยเปอร์เซ็นต์ ไม่ใช่นั่งทำงานไปแชทไลน์ไป หรือนั่งกินขนมไป พนักงานควรคิดว่าตัวเองเป็นส่วนหนึ่งของบริษัทและจะคิดถึงผลประโยชน์ของบริษัทเป็นหลัก บริษัทญี่ปุ่นยังสอนให้ดิฉันทำงานอย่างสุดความสามารถ เรียกได้ว่าทุกอย่างที่ทำจะต้องสมบูรณ์แบบที่สุด มีที่ติน้อยที่สุด ข้อมูลที่สนับสนุนพร้อมมากที่สุด เตรียมการมาอย่างดีที่สุด ผู้รับข้อมูลจะเข้าใจได้มากที่สุด ฯลฯ และบริษัทญี่ปุ่นก็ฝึกให้ดิฉันเชื่อว่าหากพยายามทำให้ดีที่สุด (ไม่ใช่ทำแบบขอไปที) ยังไงผลลัพธ์ก็จะดีเอง การเตรียมการมาอย่างดียังช่วยให้สามารถทำงานแบบมืออาชีพและเกิดความมั่นใจในการนำเสนองาน หรือติดต่องานได้มากอีกด้วยค่ะ
• ความกลมเกลียวและความเป็นส่วนหนึ่งขององค์กร บริษัทญี่ปุ่นโดยทั่วไปจะสร้างความรู้สึกเป็นอันหนึ่งอันเดียวของพนักงาน ในวันแรกๆพนักงานจะได้รับการปฐมนิเทศและอบรมปรัชญาพื้นฐานของบริษัท ซึ่งแน่นอนโดยมากคือการทำประโยชน์ให้กับคนอื่น เช่น ลูกค้า สังคม ฯลฯ ระหว่างการทำงานก็จะมีพิธีรับตำแหน่ง รับใบประกาศเกียรติคุณ แจกรางวัลพนักงานดีเด่น ฯลฯ ทำให้พนักงานรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งและทำให้เกิดความรู้สึกภาคภูมิใจในงานที่ทำ นอกจากนี้ยังมีธรรมเนียมในการไปกินดื่มสังสรรค์กับเพื่อนร่วมงานเพื่อสร้างบรรยากาศที่กลมเกลียวในการทำงาน พนักงานยังได้รับการสนับสนุนให้พูดคุยปรึกษาหารือกันกับเจ้านายโดยหลักการ “โฮ เร็น โซ” ทำให้มีการสื่อสารที่ใกล้ชิด และถูกสอนให้ช่วยเหลือเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆด้วย
• ทุกคนฝึกฝนได้ มีคนบอกว่าบริษัทฝรั่งจะเน้นความเป็น Specialist และบริษัทญี่ปุ่นเน้นความเป็น Generalist กล่าวคือ บริษัทฝรั่งจะเน้นที่การพัฒนาบุคลากรที่เป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านต่างๆและความสามารถเฉพาะตัวของคนๆนั้น หรืออาจมีการใช้ระบบคอมพิวเตอร์หลายๆระบบเข้ามาบริหารงานส่วนต่างๆ และฝึกให้พนักงานคุ้นเคยกับระบบนั้น และโดยมากจะไม่ต้องย้ายแผนกหรือเปลี่ยนลักษณะงานที่ทำทำ แต่บริษัทญี่ปุ่นมักจะให้เปลี่ยนความรับผิดชอบไปส่วนงานอื่นๆบ่อยกว่า โดยมากพนักงานคนหนึ่งก็จะถูกให้รับผิดชอบในงานหลายๆอย่างตั้งแต่ต้นจนจบ คือสามารถทำงานได้ครอบคลุมหลากหลายด้าน ถึงแม้ในบางครั้งพนักงานอาจขาดทักษะและความรู้ในงานที่ตัวเองเพิ่งได้รับมอบหมาย บริษัทก็จะฝึกอบรมให้เพราะบริษัทเชื่อว่าทุกคนสามารถฝึกฝนและเรียนรู้ได้ ทัศนคติแง่บวกในการพัฒนาตัวเองต่างหากที่สำคัญที่สุด
• การสร้างความสัมพันธ์ที่ดี บริษัทฝรั่งจะเน้นการได้กำไรสูงสุดในระยะเวลาที่สั้นที่สุดมากกว่าการมองเรื่องความสัมพันธ์ระยะยาว ในยามวิกฤตที่ต้องทำกำไรอย่างเร่งด่วน บริษัทฝรั่งอาจปฏิเสธลูกค้าเก่าๆหลายๆรายเพื่อไปรับลูกค้าใหม่ๆที่ให้ผลประโยชน์เยอะกว่า แต่การทำธุรกิจแบบญี่ปุ่นจะไม่เน้นความเร็วหรือฉาบฉวยแต่จะเน้นการไว้เนื้อเชื่อใจกันและการเป็นพันธมิตรทางธุรกิจที่ยั่งยืน ทำให้ในบางครั้งเราอาจต้องไปพบและพูดคุยกับลูกค้านับครั้งไม่ถ้วนจนกว่าจะได้รับการตอบรับ นอกจากนี้บริษัทญี่ปุ่นจะพยายามรักษาความสัมพันธ์ที่ดีไว้กับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็น ซัพพลายเออร์ ลูกค้า คู่ค้า หรือแม้แต่คู่แข่งก็ตาม
• สวัสดิการดี มีความมั่นคง ในส่วนความสัมพันธ์ระหว่างบริษัทกับพนักงานนั้น บริษัทญี่ปุ่นจะดูแลเหมือนเป็นครอบครัว และจะไม่ให้ใครออกง่ายๆหากบริษัทไม่ได้อยู่ในสภาวะเลวร้ายจริงๆ แต่บริษัทฝรั่งที่ดิฉันเคยทำมานั้น จะเน้นที่ผลงานมากกว่า หากพนักงานไม่สร้างผลงานที่น่าพึงพอใจในระยะเวลาที่กำหนดก็อาจจะโดนให้ออกเลยทีเดียว ทำให้พนักงานต้องมีความกระตือรือร้นมากขึ้น หรืออย่างเวลามีการเปลี่ยนโครงสร้างองค์กร บริษัทญี่ปุ่นส่วนใหญ่ก็จะย้ายพนักงานจากแผนกที่ถูกยุบไปอีกแผนก แต่บริษัทฝรั่งส่วนใหญ่อาจจะจ้างให้ออกไปเลยค่ะ บริษัทญี่ปุ่นอาจเงินเดือนไม่สูงมากนัก แต่สวัสดิการและโบนัสก็ถือว่าใช้ได้ทีเดียวค่ะ
• โอกาสในการอบรมและดูงานต่างประเทศ ด้วยความคิดที่ว่า “ทุกคนสามารถฝึกฝนและพัฒนาได้” และ “การศึกษาจากของจริง” ทำให้พนักงานมีโอกาสในการเข้ารับการอบรมทั้งในไทยและต่างประเทศ โดยเฉพาะในสาขาที่ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญพิเศษเช่น ด้านวิศวกรรม ไอที ฯลฯ ยิ่งมีโอกาสในการเข้ารับการอบรมสูง นอกจากนี้หากมีการติดต่องานกับต่างประเทศ ก็ยังมีโอกาสได้เดินทางไปต่างประเทศด้วย อย่างดิฉันเอง ทำงานด้านการค้าระหว่างประเทศก็ต้องบอกว่ามีโอกาสเดินทางไปทำงานต่างประเทศทุกปีทีเดียวค่ะ
ทักทายพูดคุยกับพิชชารัศมิ์ ได้ที่ >>> Life Inspired by พิชชารัศมิ์
เรื่องแนะนำ :
– คนญี่ปุ่นผู้แคร์สายตาคนรอบข้างอย่างมาก
– กล้าที่จะถูกเกลียด ชีวิตที่มีดวงดาวนำทางคือ “การช่วยเหลือคนอื่น”
– อาหารปลอมที่ดึงดูดให้สั่งอาหารจริง
– The birth of Sake “ความกลมเกลียวจึงจะบ่มสาเกที่ดีได้”
– ทำงานแบบมืออาชีพของญี่ปุ่น กับคำว่า “ไม่เป็นไร” ของคนไทย
– คนต่างชาติเมาท์อะไรเมื่อไปญี่ปุ่น
ขอบคุณรูปภาพ :
http://tx.english-ch.com/teacher/bien/home/what-defines-the-japanese-character-part-2/
http://t-kimura.blogspot.com/2010/04/blog-post_8885.html
#ทำงานบริษัทญี่ปุ่น